บท
ตั้งค่า

ตอนที่3 ประสบปัญหา 

 

 

 

@บ้านวารินทร์  

“โอ้ย...วันนี้ฉันไม่มีเงินหรอกเจ๊เกล้า ค่อยมาวันอื่นเถอะ เงินเดือนพี่วัณลพก็น้อยนิดแทบจะไม่พอยาไส้อยู่แล้ว” 

“ไม่มีก็ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายก็ขนของออกจากบ้านเช่าของฉันไปจ๊ะ” 

“...โถ่เจ๊ ขอเวลาให้ผมอีกสักหน่อยเหอะผมจะรีบหาเงินมาจ่ายแน่ๆ” 

เสียงเอะอะโวยวายภายในบ้านของ วารินทร์ ขณะที่เด็กสาวกำลังเดินเข้ามาก็ต้องชะงักหยุดฟังว่าเกิดอะขึ้น  

เจ๊เกล้า เจ้าของห้องเช่ามาทวงเงิน อีกแล้วสินะ  

วารินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปภายในบ้าน  

“สวัสดีจ๊ะเจ๊”  

วารินทร์ยกมือไหว้ เจ๊เกล้า หญิงวัยกลางคนอายุ 48ปี ที่กำลังยืนเท้าสะเอว ทวงเงินค่าเช่าจากโสมระดาและวัณลพอยู่ 

“เอ็งมาก็ดีแล้วนังวา รีบมาดูความลำบากของพ่อแกสิ ถ้าไม่หาเงินส่งแกเรียนป่านนี้พ่อของแกก็คงไม่ติดหนี้ค่าเช่าบ้านขนาดนี้หรอก” โสมระดาเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง 

“เงียบเดี๋ยวนี้นะ โสม” 

น้ำเสียงหนาของวัณลพหันไปตะคอกใส่เธอก่อนจะหันไปสั่งให้วารินทร์เดินขึ้นไปบนห้อง... 

แต่หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัวจนก้าวขาไม่ออก เธอรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พ่อทำงานหนักจนต้องค้างค่าเช่าล้านเพราะเอาเงินไปส่งเสียเธอเรียนตามคำบอกกล่าวของโสมระดาแม่เลี้ยง 

เจ๊เกล้ายืนกอดอก ฟังก่อนจะกวาดสายตามองสำรวจ วารินทร์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า... ในหัวครุ่นคิดถึงเจ้าเกริกลูกชายของตนที่แอบชอบวารินทร์จนแทบคลั่ง  

“ฉันให้เวลาอีก3อาทิตย์ หากยังนำเงินมาจ่ายไม่ได้ก็ขนของออกไปจากบ้านเช่าของฉันไป....แต่ฉันมีข้อเสนอดีๆ หากพวกแก ยอมตกลงฉันอาจจะให้อยู่ฟรีตลอดชีวิตก็ได้” เจ๊เกล้าพูดขึ้นทั้งรอยยิ้ม 

“จริงหรอเจ๊” 

 โสดระดาได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาว รีบเอ่ยถามถึงข้อเสนอ จนตัวรัวตัวสั่น...ทว่าครั้นเห็นเจ๊เกล้ายิ้มมอง วารินทร์ เธอและวัณลพก็พอจะเดาทางได้ทันที 

“ไม่ได้ ไม่ได้ เด็ดขาด”  

วัณลพยินยันเสียงแข็งก่อนจะ ตะคอกไล่เจ๊เกล้าออกไปจากบ้าน และเอ่ยเสียงแข็งว่าจะหาเงินมาจ่ายค่าเช่าในอีก3อาทิตย์  

“ออกไป..อย่าคิดจะมาใช้วิธีสกปรกบีบบังคับกันแบบนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายกับคนแก่” วัณลพขมขู่เจ๊เกล้าด้วยน้ำเสียงดุดันจนเธอหวาดกลัวรีบเดินสะบัดก้นออกไปขึ้นรถที่จอดรออยู่แต่ยังไม่วายหันมาเอ่ยทิ้งท้าย 

“ได้งั้นอีกสามอาทิตย์ฉันจะรอดู” 

เจ๊เหล้ากลับไปแล้ววัณลพและวารินทร์จึงได้เวลาเข้าบ้านพร้อมโสมระดาที่เกินตามมาไม่ห่าง 

“พ่อค่ะ ...”  

มือเรียวจับแขนพ่อเบา ๆ ก่อนจะถูกโสมระดาดึงออก  

“เพราะแกนังวา!! ยังไม่รู้ตัวอีก!!!”  

ดวงตาคู่สวยร้อนผาวมอง พ่อที่มีสีหน้าทุกข์ใจก่อนที่วารินทร์จะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนเองเป็นสาเหตุให้ครอบครัวลำบากแบบนี้ 

เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังอยู่ภายในห้องหยาดน้ำสีใสไหลรินออกจากดวงตาจนใบหน้าขาวนวลเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา 

สมองครุ่นคิดหาหนทางที่จะหาเงินมาช่วยพ่อจ่ายค่าเช่าบ้านได้ทันในสามอาทิตย์ อีกทั้งยังต้องหาเงินมาส่งตัวเองเรียนจะได้ไม่ต้องให้พ่อมาลำบากเพราะเธออีก 

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่นานจนผล็อยไปทั้งแบบนั้น 

เช้าตรู่ 

ก็อกๆๆ  

เสียงเคาะประตูห้อง ดังขึ้น ทว่าไร้เสียงคนด้านในอีกทั้งยังไม่มีคนมาเปิด  

“วา พ่อเข้าไปนะ”  

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปพลางกวาดสายตาสาดส่องไปที่เตียงนอนของลูกสาว  

“ยัยวาไปไหนนะ”  วัณลพพึมพำก่อนจะเดินออกมา  

“ฉันเห็นออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วคะ เด็กแบบนี้ ไม่สนใจใครหรอกนอกจากตัวเอง”  

โสมระดาด่าทอเลียงดังลั่น ครั้นเห็นวัณลพเดินลงมาจากห้องของวารินทร์ ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ พลางเดินออกไปรดน้ำต้นไม้นอกรั้วแก้เบื่อเพราะไม่อยากจะเสวนากับโสมระดาให้ขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ 

@ริมฟุตบาต  

ร่างเล็กเดินไปตามริมถนนพลางกวาดสายตามองหาร้าน ที่ติดป้ายรับสมัครพนักงาน ทว่าเดินมาก็เนิ่นนานแล้วกลับยังไร้วี่แววว่าจะมีร้านไหนเปิดรับคนงานเพิ่ม  

มือเรียวถือแฟ้มเอกสารในมือแน่น พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ดวงตาเศร้าหมอง 

“หากวันนี้ยังหาที่ทำงานไม่ได้ ...เราคงต้องหมดอนาคตจริงๆ แน่แล้วสินะ” 

วารินทร์หญิงสาวพึมพำกับตนเองขณะเดิน ไปเรื่อยๆ ด้วยอากาศที่ร้อนจัดเกือบ 35องศา อีกทั้งเธอยังไม่ได้ทานอาหารเช้าทำให้รู้สึก หน้ามืด จนเผลอเดินไปชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคนก่อนจะเป็นลมล้มวูบไป  

“ว้าย? นังหนู เธอเป็นอะไรเนี่ย” 

 สาวสองร่างหนาเอ่ยพลางเขย่าตัว วารินทร์เบาๆหลังจากที่เธอเดินมาชน จนล้มลงตรงหน้า เขาจึงพยุงร่างเล็กเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้สีขาวใต้ต้นไม้ร่ม ๆ ก่อนจะหาอะไรมาสะบัดพัดวีคลายร้อนให้ 

วารินทร์จนเธอเริ่มมีอาการดีขึ้น 

ดวงตาคู่สวยกระพริบเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดึงสติพยุงตัวนั่งพลางหันไปยกมือไหว้ขอบคุณคนที่ช่วยเธอไว้ 

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยหนู” วารินทร์เอ่ยเสียงกระเส่าริมฝีปากซีดเผือก  

“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่หนูมาเดินทำอะไรอยู่แถวนี้ละ” เจ๊แป๋วสาวสองเอ่ยถามพลางกวาดสายตามอง วารินทร์อย่างสงสัย 

“คือหนูมาเดินหางานทำนะคะ  

ครั้นเจ๊แป๋วได้ยินวารินทร์บอกเช่นนั้นเธอก็ยิ้มร่ามองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า  

“หนูดูสวยมากเลยนะ หางานทำคงไม่อยากหรอกจริงไหม?” 

 เจ๊แป๋วยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยเชิญชวนวารินทร์ไปทำงานด้วยกันหญิงสาวดีใจอย่างมากจนไม่ทันจะได้ถามว่าเป็นงานเกี่ยวกับอะไร  

ด้วยความที่วารินทร์ เป็นเด็กใสซื่อเธอจึงไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของเจ๊แป๋ว ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นแม่เล้าหาเด็กสาวไปรับงานเอ็นจึงเผลอตกปากรับคำแบบไม่ทันจะได้ครุ่นคิดด้วยซ้ำ 

“งั้นเริ่มงานคืนนี้เลย โอเคไหม เจ๊บอกรับประกันว่าหนูไม่ต้องตากแดดตากลมให้เหนื่อยเลย”  

เจ๊แป๋ว ใช้กลอุบายล่อใจ ครั้นวารินทร์ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งอยากจะทำ เพราะหากเป็นงานง่าย ๆ สบาย ๆ จริง ๆ เธอจะได้มีเงินเยอะ ๆไปจ่ายค่าเช่าให้พ่อและยังเป็นค่าเล่าเรียนอีกด้วย 

 

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel