บทย่อ
เป็นเรื่องต่อจาก รอยบาปหนามหัวใจ ซึ่งเป็นพ่อแม่ของพระเอก อยากนำเสนอความรักของ ขุนเขาหรือเดี่ยว กับ อัจฉริยาหรือมิกิ เลขาสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น ที่ไม่อยากกลับไปทำงานของที่บ้านและเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง อีกอย่างเธอรักที่จะอยู่ประเทศไทยมากกว่า มิกิเป็นผู้หญิงที่ตรงสเปกของขุนเขามาก ด้วยเหตุผลใด ๆ ไม่รู้ได้ หัวใจของเขาได้แต่บอกว่าตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือ ความรักที่กำลังไปได้ดี แต่คนรักเก่าที่เลือกจะปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขาก่อนที่จะมาเจออัจฉริยา นิรอรหวนกลับมาสร้างปัญหาให้เขาหนักใจอีกคราว พร้อมกับสร้างความไม่มั่นใจให้กับมิกิเขาจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ปัญหาหมดไป แล้วเธอจะทำอย่างไรเพื่อตัวของเธอเอง "เดี๋ยว..." น้ำเสียงทรงอำนาจดังขึ้น หญิงสาวหันหน้ามามองทันใด "มีอะไรคะบอส" ขุนเขาไม่พูดเดินตรงไปที่ตัวเธอ มิกิเห็นหน้าไม่ยิ้มของบอสรู้สึกแปลก ๆ หัวใจเต้นตึก ๆ เท้าทั้งสองข้างเหมือนถูกตรึงเอาไว้กับที่ พอมือยาว ๆ ของบอสยื่นมาเธอทำท่าเบี่ยงหลบ ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มชนเข้าไปที่แก้มอย่างจัง ฟอด...เสียงสูดดมความเนียนนุ่มของผิวแก้ม เขาไม่ได้ตั้งใจแต่จริง ๆ จงใจ ก็มันใกล้เหลือเกิน 'นี่บอสจะเริ่มแต่เช้าเลยเหรอ อ๊าก....' คนตัวเล็กยืนตะลึงงัน เพียะ...มือที่ไวอยู่แล้วปะทะลงไปบนใบหน้าที่อยู่ใกล้ ๆ ขุนเขาหน้าหันมอง กำลังงง ๆ "นี่คุณ..." เขาทำเสียง สองมือจับหัวไหล่ร่างบาง ชิดใบหน้าที่กำลังเจ็บจู่โจมแต่เป็นการยิงฟันเข้าใส่ มิกิมองหน้าเจ้านายแบบตกใจ"บอสจะทำอะไรมิกิคะ จะจูบมิกิอีกเหรอ" "ทีแรกไม่ได้คิดว่าจะจูบ แต่... อืม.....""ว้าย...อุบ......" ริมฝีปากหนาประกบลงมาทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที เธอได้แต่ยืนนิ่งทิ้งแขนลงข้างตัว ระทวยสิตอนนี้ ปลายลิ้นร้อน ๆ ของเจ้านายหนุ่มแทรกซึมอุ่นวาบ ปลายลิ้นเรียวตวัดรัดแล้วดูดดุนเบา ๆ เขาเชิญชวนให้เธอจูบตอบ แล้วเธอก็...
บทที่ 1
“คุณขุนเขาครับ เรื่องเลขาที่ให้กระผมหาให้ ผมหาได้แล้วนะครับ” เลขาหนุ่มคุณากร หรือ กรบอกมาตามสาย
(“ผู้หญิงที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยใช่ไหม”)
“ครับ”
(“โอเค งั้นส่งเธอขึ้นเครื่องมาสัมภาษณ์กับผมที่กระบี่ได้เลย”)
“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ”
(“ก็ใช่นะสิ หรือว่าเธอคนนั้นมีปัญหาอะไร”)
“เดี๋ยวผมสอบถามเธอก่อนได้ไหมครับ”
(“คุณกร ถ้าผู้หญิงคนนี้เรื่องมาก หรือว่าไม่อยากได้งานทำ คุณก็หาคนใหม่นะ อีกอย่างถ้าเธอไม่บินมาวันนี้ ก็หาคนใหม่ได้เลย ผมไม่รับ ผมไม่ชอบคนเรื่องมาก”) ขุนเขารีบวางสายด้วยความขุ่นเคือง
“อือ... ใครวะที่เรื่องมาก” กรได้แต่ครางอือออกมา เขาค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้กับสาวสวยตรงหน้า เธอนั่งทำตาบ้องแบ๊วจนเขาแทบเคลิ้ม
‘หน้ายังกับตุ๊กตา ทำไมน่ารักอย่างนี้’ กรนึกชมเธอในใจ
‘กว่าจะหาได้ไม่ใช่ง่าย คุณสมบัติเพียบพร้อม อายุยี่สิบสี่ปี จบปริญญาตรีมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่มาจบโทที่เมืองไทย บริหารธุรกิจโดยตรง ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเสียด้วย ภาษาอังกฤษก็ยังเป๊ะอีก โชคดีมาก ๆ นะเจ้านาย ผมจะหาแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก หึ... เธอมานั่งตรงหน้าของผมแล้ว เรื่องมากจริง ๆ นะครับบอส’ กรนึกไปถึงใบหน้าของขุนเขาออกเลยว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าอย่างไร
“คุณมิกิครับ”
“ค่ะ” เธอเอ่ยเสียงหวาน
“คือยังงี้นะครับ พอดีคุณขุนเขา เจ้านายของผม ท่านกำลังคุมเรื่องการสร้างโชว์รูมใหม่อยู่ที่จังหวัดกระบี่ และก็ตอนนี้คุณพ่อของท่านไม่สบายเพิ่งออกมาจากห้องไอซียู คุณขุนเขาท่านอยากจะเรียนเชิญคุณมิกิบินไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเองที่กระบี่ ทางบริษัทจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ทั้งหมด และเป็นธุระจัดหาที่พักให้ด้วยครับ คุณมิกิจะสะดวกไหมครับ”
“อ๋อ... ได้สิคะ มิกิยินดีมาก ๆ ค่ะ ว่าแต่ตอนนี้คุณพ่อของคุณขุนเขาท่านดีขึ้นแล้วหรือคะ”
“ดีมาก ๆ ครับ เห็นว่ากำลังทำกายภาพอยู่ครับ ไม่มีปัญหาแล้ว ทุกอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ และท่านเดินเหินได้ดีขึ้นด้วยครับ” หญิงสาวพยักหน้า
“น่าเห็นใจนะคะ มิกิก็มีคุณตาที่ป่วยแบบนี้ค่ะ คุณตาช็อกกะทันหัน แต่ว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว”
“โอ้...น่าสงสารท่านนะครับ ผมขอแสดงความเสียใจกับคุณมิกิด้วยนะครับ” คุณากรแสดงความเห็นใจ
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ...ว่าแต่ มิกิต้องเดินทางไปกระบี่เมื่อไหร่คะ”
“วันนี้ครับ”
“หา...!”
“ไม่ต้องหาครับ วันนี้เลยครับ”
“แต่ว่า... คือ... เอ่อ...” หญิงสาวทำท่าคิด
“ก็ได้ค่ะ”
‘เธอไม่มีเวลาให้คิดแล้วยายมิกิ แกหางานทำไม่ได้ แกต้องกลับญี่ปุ่นแน่ ๆ’
‘ฉันต้องอยู่เมืองไทยให้ได้’
มิกินึกไปถึงกระเป๋าเป้ที่เธอฝากไว้ที่ป้อมยาม ในนั้นมีแต่ชุดที่กำลังเตรียมตัวไปออกกำลังกาย ซาวน่า และว่ายน้ำเท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการเรื่องตั๋วให้นะครับ” เขาก้มลงไปที่หน้าจอมือถือ เพียงครู่ก็ได้ตั๋วส่งมาให้เธอทางอีเมล
“รบกวนคุณมิกิเรียกแท็กซี่ไปได้เลยนะครับ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างส่งมาที่อีเมลนี้นะครับ” คุณากรยื่นนามบัตรให้
“หื้อ อีเมล นี่มันนามบัตรคุณขุนเขานี่ค่ะ”
“แม่นแล้วครับ” เขายิ้มแป้น
“ผมว่าอย่าช้าเลยนะครับ ไฟลต์จะออกอีกสองชั่วโมง”
อัจฉริยามองดูนาฬิกาในมือถือ
“ค่ะ” เธอต้องรีบเร่ง รถก็ติด จะทำอย่างไรให้ไปเช็กอินทัน
“คุณมิกิโทรหาผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะครับ” คุณากรส่งยิ้มให้กำลังใจ
มิกิยกมือไหว้และก้มหัวลง
“โชคดีนะครับ” คุณากรโบกมือลาหญิงสาวทั้งที่เจ้าตัวไปพ้นแล้ว
มิกิพอพ้นออกจากประตูก็รีบวิ่งแจ้นออกไปตามทางเดิน แล้วลงลิฟต์
“อะไรกันนี่” เธอบ่น เพราะตอนนี้ถึงจะไม่ใช่เวลาที่เร่งด่วน แต่ว่ามันก็ไม่ง่ายนักหากจะไปสนามบินให้ทัน
เธอตรงไปที่ป้อมยาม ก่อนจะขอกระเป๋า หิ้วได้ก็รีบไปโบกรถที่ข้างฟุตพาท โชคดีมาก ๆ ที่มีแท็กซี่วิ่งผ่านมาพอดี เขาจอดรับ พอเธอบอกจุดหมายปลายทาง เขาก็ทะยานออกไปในทันที เพราะเธอได้แจ้งเวลาเครื่องออกกับคนขับด้วย
‘ถ้าไม่ได้งานทำนะ น่าดู อุตส่าห์ลงทุนขนาดนี้แล้ว ถ้าหากพ่อรู้ว่ามาวิ่งสมัครงานอย่างนี้ สงสัยถูกเรียกตัวกลับญี่ปุ่นแน่ ๆ’ เธอบอกกับตัวเอง เพราะรู้สึกทรมานมากกับการหางานที่เหมาะสม ชื่นชอบ ท้าทาย และหาเหตุให้ได้งานดี ๆ เพื่อที่จะได้ปฏิเสธคำขอร้องของคุณพ่อของเธอได้
อัจฉริยา นามาฮิดะ ลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น คุณคิโยชิ ผู้เป็นพ่อ เจ้าของ คิโยชิ ออนเซน ที่ลือชื่อของนักท่องเที่ยวในเกาะฮอกไกโด คุณพ่อของเธอได้ทำรีสอร์ตขึ้นที่บริหารกันเองในครอบครัว ร่วมกับคุณพินเพชร ภรรยาคนไทย หรือคุณพ่อชอบเรียกนางว่า ยูอิ เพราะคุณแม่ของเธอมีชื่อเล่นที่เมืองไทยว่า ยุ้ย ซึ่งเป็นความหมายเดียวกัน
มิกิมาอยู่กับคุณยายที่ชลบุรีได้เพียงสองปี เธอชอบทะเลมากกว่า มันทำให้เธอรู้สึกได้ปลดปล่อยและเป็นอิสระ ที่ฮอกไกโดเธอไม่ค่อยชอบเพราะอยู่มาตั้งแต่เกิด จนจบปริญญาตรี มิกิไม่ชอบความหนาวเอาเสียเลย ยิ่งเวลาที่หิมะตกมันเป็นอะไรที่ไม่ชอบเอามาก ๆ มันหนาวจับจิตจับใจ เธอชอบที่จะอยู่กับแสงอาทิตย์ สายลมและท้องทะเลมากกว่า
มิกิถึงกับโล่งใจที่เธอมาทันเวลาเช็กอิน และเดินเข้าไปด้านในอย่างรีบเร่ง
‘คุณบอสขา รับมิกิเข้าทำงานด้วยนะคะ’ เธอพึมพำกับตัวเอง
11.20 น.
กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือของขุนเขาดังขึ้น
(“บอสครับ”)
“มีอะไรอีก” เขาทำเสียงเข้มตามนิสัย
(“อย่าลืมไปรับ คุณอัจฉริยา นะครับ”)
“ใคร?” เขาถามขึ้นมาทันที
(“อ้าว... ก็ที่บอสให้บินไปสัมภาษณ์งานไงครับ ไฟลต์ลงสิบเอ็ดโมงยี่สิบห้านาทีนะครับ”) ขุนเขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝา ตอนนี้เกือบจะถึงเวลาแล้ว
“ทำไมเพิ่งโทรมา” เขาต่อว่า

