ตอนที่3.ชีคชารีฟ
“ชีคชารีฟ ชาฮ์ มุกเคอร์จี อายุสามสิบหกปีแล้วแต่ยังไม่ทรงอภิเษก หล่อเหลาและร่ำรวย เป็นที่หมายปองของสาวๆ เคยขึ้นหน้าปกนิตยสารและหนังสือพิมพ์หลายฉบับด้วยนะ หลานเพลงไม่เคยเห็นเหรอ”
ติชิลาส่ายหน้าไปมา “ลุงก็น่าจะรู้นี่คะ...หลานไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้”
“โอ้! ลุงลืมเสียสนิทเลย” วิชญะหัวเราะเสียงดัง “หลานของลุงหลงรัก พอลโกแกง แวนโก๊ ปีกัสโซ่ แล้วก็ใครอีกนะ...”
“พอแล้วคะคุณลุง เลิกล้อเพลงแบบนี้ได้แล้ว”
ติชิลายิ้มอายๆ จะว่าไปเธอก็หลงรักกลิ่นสีมากกว่าธนภูมิมากกว่า ให้เธออยู่ห่างธนภูมิ...เธอยังพอทนได้แต่ให้อยู่ห่างอุปกรณ์วาดรูปละก็...เธออาจลงแดงตายก็ได้ เพียงคิดถึงตอนนี้เธอก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ
วิชญะได้แต่มองหลานสาวอย่างพอใจ เขาไม่มีลูกไม่มีครอบครัว เขาเลือกใช้ชีวิตเดินทางไปทั่วโลกเพื่อซื้อขายเพชร แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและไม่โดดเดียวคือการได้กลับมาประเทศเกิดและอยู่กับครอบครัวของน้องชายซึ่งมีลูกสาวที่แสนน่ารัก เขาคิดเสมอว่าหากเขาเป็นอะไรไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามีจะยกให้กับติชิลา
ชายวันกลางคนหวังใจเหลือเกินว่าจะไม่มีเรื่องยุ่งวุ่นวายใจใดๆ กับหลานสาวสุดที่รักคนนี้ระหว่างที่เธอพักรักษาแผลใจที่บัดรีญ่า
บุรุษหนุ่มเจ้าของความสูง187 เซนติเมตร ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานในห้อง เอกสารปึกใหญ่ถูกโยนบนโต๊ะอย่างไม่ไยดี
“มีความเคลื่อนไหวอย่างอื่นอีกไหม”
“เท่าที่สายของเรารายงานมา...ได้ข่าวว่าคุณวิชญะเพิ่งไปรับหลานสาวมาอยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“หลานสาว? หลานสาวที่ไหน?”
“ได้ยินว่ามาจากเมืองไทยพะย่ะค่ะ”
ชีคหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือลูบคางเปื้อนเคราของตนเอง “มีข้อมูลไหม”
“รู้เพียงเบื้องต้นว่าชื่อ ติชิลา จิตรกัญญา อายุยี่สิบสี่ปีพะย่ะค่ะ”
อาลี-องครักษ์หนุ่มรายงาน “หากพระองค์สนใจ กระหม่อมจะหาข้อมูลรายงานให้ทราบ”
“ดี หากจำเป็นเราอาจต้องใช้เธอ”
“เพื่อแลกกับเพชรน้ำตาจันทราหรือพะย่ะค่ะ”
ชีคชารีฟ ชาฮ์ มุกเคอร์จี ทรงกระตกยิ้มที่มุมปากแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่หน้าต่าง เบื้องหน้าคือสนามหญ้ากว้างใหญ่ แต่ไกลออกไปคืออาณาจักรบัดรีญที่ยิ่งใหญ่มายาวนาน และอีกไม่นานก็จะมีการเฉลิมฉลองการขึ้นสู่ปีที่หกร้อย แม้เป็นเพียงประเทศเล็กๆ แต่ในกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมันแล้ว บัดรีญาไม่น้อยหน้าชาติใดเช่นกัน
“ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าต้องเอาน้ำตาจันซากลับคือสู่บัลลังก์มุกเคอร์จีของเราให้ได้!”
น้ำเสียงที่ประกาศกร้าวของ ชีคชารีฟ ชาฮ์ มุกเคอร์จี ทำให้คนสนิทได้ยินถึงกับเย็นสันหลังวาบ ใบหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามดุจราชสีห์แห่งทะเลทราย
ชีคชารีฟหันหลังกลับมามององครักษ์แล้วพยักพระพักตร์ให้เล็กน้อย “เจ้าไปพักผ่อนเถิด แต่พรุ่งนี้ข้าต้องได้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับหลานสาวของวิชญะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”อาลีก้มศีรษะถวายความเคารพแล้วก้าวออกไปเงียบๆ
ชีคชารีฟ ชาฮ์ มุกเคอร์จี บุรุษหนุ่มวัย 32 ที่มีพระพักตร์เคร่งขรึมอยู่เสมอ แม้หน้าที่การงานจะหนักหน่วงเพียงใดแต่สำหรับพระองค์แล้ว “น้ำตาจันทรา” เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเสมอ
ทั้งที่ในที่พำนักมีคนรับใช้และทหารยามมากมายแต่กลับรู้สึกได้ถึงความเงียบเหงาและวังเวง มันเป็นเช่นนี้มานานนับสิบปี ตั้งแต่วันที่เพชรน้ำตาจันทราหายไปจากราชวงศ์
ชีคชารีฟถอนพระทัยหนักๆ เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สิบปีที่แล้วพระองค์ยังทรงประทับอยู่ที่ลอนดอน ทราบข่าวเพียงแค่ว่าเสด็จแม่ของพระองค์พยายามหลบหนีออกจากพระราชวังพร้อมด้วยเพชรน้ำตาจันทรา ซึ่งเป็นเพชรประจำราชวงศ์มุกเคอร์จีจะมอบให้เฉพาะผู้เป็นราชินีของแผ่นดินบัดรีญาเท่านั้น
เขาไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ทันเวลา เสด็จแม่ของเขาสิ้นพระชมน์ก่อนที่การสอบสวนหาความจริงจะเริ่มขึ้น เสด็จพ่อไม่ทรงยอมกล่าวถึงเรื่องนี้อีกมอบหมายเพียงให้เขาติดตามหาเพชรน้ำตาจันทราคืนให้ได้ หลังจากที่เสด็จแม่ล่วงลับเพียงห้าปีเศษเสด็จพ่อก็สิ้นพระชมน์ตามด้วยโรคหัวใจ
