Chapter 5 รอยจูบที่ตราตรึง
หญิงสาวพ่นลมออกจากปลายจมูก เรียกสติของตัวเองกลับ กวาดสายตามองรอบๆ อย่างครุ่นคิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอต้องหาทางเอาคืนให้เจ็บแสบและสาสม
สายตาของเธอสัมผัสกับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ออร่าของผู้ชายอีกคนจุดประกายความคิดของเธอเพียงเสี้ยวนาที เขาถูกกลุ่มเพื่อนสองสามคนล้อมและกำลังคุยกันอย่างออกรส หนึ่งในนั้นคือเจ้าของนามบัตรตำแหน่งใหญ่โตที่เขายื่นไมตรีให้เธอตอนค่ำ
แต่หญิงสาวก็ตัดผู้ชายคนนั้นออกจากเป้าหมายของเธอในทันที จากที่เธอเห็นสายตาของเขาเมื่อตอนหัวค่ำ เธอก็รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ สิ่งที่ต้องทำคือถอยห่างจากผู้ชายแบบนี้ให้ไกลที่สุด บอกลาผู้ชายเจ้าชู้ไม่เลือก
‘กร่างว่าตัวเองรวย เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น จ้องจะลากขึ้นเตียงอย่างเดียว’
หญิงสาวหยุดสายตาที่ผู้ชายอีกคนที่ยืนข้างๆ เขาโดดเด่นกว่าใครในสามคน เจ้าของร่างสูงใหญ่เกือบสองเมตรจากที่ประมาณจากสายตา มือของเขาข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง อีกข้างเหวี่ยงสูทสีเทาพาดไว้บนบ่าหนา
ปากหยักหนาของเขากำลังขยับขึ้นลง เหมือนเขากำลังคุยเรื่องที่ไม่ใช่สัพเพเหระธรรมดา เธอเห็นชายหนุ่มอีกสองคนฟังอย่างตั้งใจ และเธอเองก็กำลังมองริมฝีปากเขาเพลินจนต้องเรียกสติกลับคืน เลื่อนสายตาโฟกัสที่จุดอื่น
ดวงตาสีสนิมของเขาสะกดให้เธอขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิด กล้ามเนื้อลำตัวเป็นลอนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวโดดเด่น สามารถมองออกในทันทีว่าคนตรงหน้าออกกำลังกายเป็นประจำ หญิงสาวกวาดตามองสำรวจร่างสูงโดยละเอียดโดยเฉพาะแผ่นอกหนากับเม็ดไตเล็กที่ดุนออกมาพ้นเสื้อ
เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ที่สุดในสายตาของเธอที่เคยเจอมาในเมืองนี้ หน้าตาของเขาบ่งบอกวัยว่าน่าจะเกินจากเธอไม่ต่ำกว่าห้าปี แต่ทว่าก็ดูดีแทบไม่อยากละสายตาหนี ไม่ต่างจากริมฝีปากหยักได้รูปของเขาเซ็กซี่ยั่วยวนที่สุดในสายตาหญิงสาวอย่างเธอ
ธีรากรกับอลิชากำลังมองมาที่เธอพอดี พวกเขาขยับออกจากกันเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ไม่ไกล ความคิดแวบแรกของหญิงสาวเกิดขึ้น แทนที่แพรนรีจะเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา แต่เธอกลับเลือกที่จะเดินเข้าไปหาสามหนุ่มนั้น เป้าหมายคือชายหนุ่มดวงตาสีสนิมที่โดดเด่นสะกดความรู้สึกของเธอ เหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้ขาเรียวเล็กขยับก้าวเข้าไปหา
หญิงสาวก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แมทริวยิ้มกริ่มอย่างพอใจ แต่สายตาเขาก็เบิกโพลงรอยยิ้มค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นอากัปกริยาของหญิงสาว
สองมือเรียวเล็กของแพรนรีประคองดวงหน้าครามเข้มของฮาริสเอาไว้ พร้อมกับโน้มลำคอเขาลงมาหา เขย่งปลายเท้าประทับริมฝีปากอิ่มจูบเขา
ท่ามกลางความงุนงงของหลายคน สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ธีรากรมองแพรนรีตาค้าง เขาเป็นแฟนเธอมาเกือบหกปี ยังไม่เคยจูบสักครั้ง
ไม่เว้นแม้แต่เพลย์บอยหนุ่มที่ผ่านผู้หญิงมาเกือบครึ่งโลก แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะตอบสนองเธออย่างช่ำชองตามแบบวิถีหนุ่มนักรักอย่างเขา
แพรนรีถอนริมฝีปากออกแสยะยิ้มเล็กๆ ปรายตามองธีรากรอย่างจงใจยั่ว ก่อนที่จะประทับจูบชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง แพรนรีพยายามทำตัวเหมือนผู้หญิงกร้านโลกยืนจูบผู้ชายอย่างดูดดื่ม
ฮาริสก็ไม่ยอมปล่อยให้คำว่าเสือผู้หญิงของเขาสิ้นลายให้ใครตราหน้า ตอบรับรสจูบของเธอและสนองความต้องการของตัวเองด้วยบทเรียนที่ช่ำชอง
ธีรากรกำหมัดแน่นยืนมองอย่างไม่พอใจ ที่สุดเขาก็ทนมองไม่ไหวจะเดินเข้ามาหา หากแต่มือของอลิชาก็ฉุดเขาออกไปจากตรงนั้น
“อย่าค่ะ เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร” อลิชาเตือนสติ
“แต่มันจูบแพร”
“ยัยแพรหน้าด้านเดินไปจูบเขาเองต่างหาก” อลิชาบิดปากบอกเหยียดๆ
“แต่หมอนั่นจูบแพร...คุณก็เห็น”
“ไม่เห็นแปลก” อลิชายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ใครๆ ก็จูบ มันธรรมดามาก”
“ไม่แปลกยังไง แพรไม่เคยปล่อยตัวกับใครแบบนี้ แม้กระทั่งผม”
“เพราะเธอไม่รักคุณ ส่วนคุณก็ไม่มีความสำคัญมากสิคะ” อลิชาเยาะ แต่ก็ต้อนเข้าหาตัวเอง
“ไม่เหมือนกับลิชที่รักคุณแบบทุ่มกาย ถวายตัว ยอมอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ทั้งที่ลิซมีดีกว่ามันทุกอย่าง ทุ่มเงินให้คุณสุขสบายไม่ต้องไปหางานทำอย่างนักเรียนทุนคนอื่น”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยน่า” ธีรากรบอกอย่างหัวเสีย เดินฟึดฟัดออกไป
หลังจากที่ลับร่างของคนทรยศทั้งคู่ แพรนรีก็ผลักหน้าอกของเขาดันออก ถอนริมฝีปากอิ่มของตัวเองออกอีกครั้ง ยืดตัวกระซิบข้างหูชายหนุ่มขอบคุณเขาเบาๆ
“ขอบคุณสำหรับจูบของคุณ ฉันให้คะแนนสามเต็มสิบ มันไม่ถึงกับห่วยมากมาย” แพรนรีจงใจเหน็บว่าเขาแรงๆ อย่างหงุดหงิด
ถ้าเป็นสุภาพบุรุษเขาคงยืนนิ่งๆ ให้เธอประกบปากเฉยๆ แต่เขากลับตอบรับเธออย่างรัญจวน ถ้าปล่อยเวลานานไปกว่านี้สักนิดเธอคงละลายไปกับจูบของเขา และคนอย่างเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ร่างกายของตัวเองหลงระเริง ไม่ปล่อยให้หัวใจสั่นระริกเต้นรัว และไม่ปล่อยให้เขาย่ามใจที่เธอเผลอไปกับเขาเมื่อครู่
หากแต่อีกคนกลับกระหวัดสายตามองใบหน้านวลเนียนดวงตากลมโตของเธออย่างจดจำ สายตาคมเหลือบไปมองเห็นทรวงอกล้นปริ่มออกมานอกเสื้ออย่างไม่ตั้งใจ เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
เธอกำลังทำให้ปฏิกิริยาในร่างกายของเขาพุ่งทะยาน
หญิงสาวผลักอกของเขาออก ยกมือขยับคอเสื้อขึ้นมาปิดเนินอกของตัวเอง เธอเกลียดสายตาจาบจ้วงของเขา แต่ทางเดียวคือออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เพราเธอได้ทำสิ่งที่ต้องการเรียบร้อย
แพรนรีหันหลังออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่สนใจมองสองหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย
“ไม่ง่ายไปหน่อยหรือสาวน้อย” เสียงเข้มของเขาร้องทักตามหลัง
แพรนรีหันหน้ากลับมาถามเขาอีกครั้ง “อะไร”
“ก็ที่เธอเดินเข้ามาจูบฉัน แล้วเดินออกไปง่ายๆ อย่างนี้ไง”
“จูบของคุณไม่น่าสานต่อสักนิด บอกแค่นี้ถือว่าถนอมน้ำใจนะ อย่าให้ฉันต้องชี้แจงให้คุณเสียความรู้สึกมากไปกว่านี้เลย” แพรนรีบอกพร้อมกับก้าวออกไปจากตรงนั้นอย่างเร็ว ปล่อยให้ผู้ชายที่โดนปล้นจูบครั้งแรกยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
มือหนาของเขากำแน่น แววตาวาวโรจน์มองคนที่ก้าวออกไปอย่างจดจำ เข่นเขี้ยวคำรามฮึ่มอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้จักเขาดีพอ
แมทริวตบบ่าชาล์ลมองฮาริสที่ยังยืนยิ่ง เย้ากลับบ้าง
“เฮ้ย! ไม่ใช่แค่ฉันแล้วว่ะชาล์ล เสือร้ายปลายลิ้นพลิ้วไหวอย่างฮาริสยังได้คะแนนจูบหวานๆ แค่สาม”
ยิ่งโดนเพื่อนเย้ากลับฮาริสยิ่งเพิ่มความโกรธ ทุกสิ่งในห้านาทีที่ผ่านมาไม่ใช่แค่หักหน้า ผู้หญิงคนเมื่อครู่เหมือนกระชากหน้าเขาให้หลุดตามเธอไป เขาต้องเอาคืนให้สาสม
ชายหนุ่มหันมาบอกคนสนิทเสียงกร้าว “ฉันอยากรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นอย่างละเอียด” เลขาหนุ่มคนสนิทโค้งรับ
‘เธอกล้าท้าทายคนอย่างฉัน ฉันจะทำให้เธอเห็นนรกและสวรรค์พร้อมกัน...สาวน้อย’
เขาคิดอย่างอาฆาตตามหลัง
