2
หน้ามหาวิทยาลัยมีชื่อ… ปี๊ดๆๆๆ
“ว้าย!” หทัยรัตน์เดินใจลอยข้ามถนนตกใจจนแหวนหมั้นที่กำอยู่ในมือกลิ้งหายไป แม้ล้มลงเจ็บก้นเธอรีบวิ่งตามแหวนวงเล็กไป อย่าหายนะ อยู่ไหนนะ อยู่ไหน!
“บ้าจริงๆ เดินยังไง ไปกันเถอะค่ะ ลุกขึ้นวิ่งไปโน้นแล้วคงตกใจเพราะรู้ว่าตัวเองผิด” เบลินดาบอกศศินกุล
“คุณอยู่ในรถก่อนนะผมไปดูเค้าหน่อย” ศศินกุลเปิดประตูรถคันหรูเดินลงไปหลังจากเทียบรถใกล้ฟุตบาท
“หาอะไรคุณแล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเห็นคนที่ทำตนตกอกตกใจซึ่งเธอกำลังมองหาบางอย่างแถวฟุตบาท
“แหวนฉัน”
“แล้วเจ็บตรงไหนไหม?” ศศินกุลถามซ้ำสำรวจด้านหลังสวยในชุดนักศึกษา ก้นงอนงาม ขาเรียวยาวขาวผ่อง ซึ่งทำให้ศศินกุลทนอากาศร้อนอบอ้าวถามไถ่อยู่อย่างที่ไม่เคยคิดทำ
“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ ขอบคุณ” ใบหน้าที่อยากเห็นหันมาช้าๆ ศศินกุลอึ้งไป คิ้วขมวดหากัน
“เธอ”
“คุณศศินกุล…คุณ เป็นคุณจริงๆ ด้วย” เช่นเดียวกับหทัยรัตน์ซึ่งตกใจเห็นว่าใครที่เกือบชนคนใจลอยเช่นเธอ แต่เพียงไม่นานใบหน้าตกใจแกมดีใจก็กลายเป็นหน้าไร้สีเลือด
“ถ้าไม่เจ็บฉันไปนะ” ศศินกุลเลิกสนใจผู้หญิงตรงหน้าเห็นว่าเป็นใคร
ผู้หญิงที่กล้าทำให้ชีวิตโสดของเขาหมดสนุกและสนุกนิดหน่อย ตอนนั้นเขาแค่ยอมลงเล่นเกมตามน้ำเพราะเหตุผลบางอย่างเท่านั้น เขาไม่มีวันลืม แม้ตอนนี้จะดูมีน้ำมีนวลน่ามองแต่เขาไม่คิดเกี่ยวข้องคนบ้านนั้นอีก นายศศินกุลมีแต่สนใจแล้วเรียกหา เบื่อก็ทิ้งเอง ไม่ชอบให้ใครวิ่งตาม มันน่าเบื่อ ยายคนนี้คงแรงยิ่งกว่าพี่สาวละมั้ง ใจกล้าหน้าด้าน
“เดี๋ยวสิคะมะนาวดีใจจังที่เจอคุณ มะนาวไปหาคุณแต่ เอ่อ…ช่างมันเถอะ คุณพอจะมีเวลาว่างให้มะนาวสักนิดไหมคะ มะนาวอยากคุยเรื่องของเรา รอมา…” มะนาวลืมตัวรั้งต้นเขาใหญ่ไว้ในมือ มองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มรอคอยคำตอบ
“เรื่องของเราเคยมีด้วยเหรอ ถ้าจะเคยมีแต่ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องของเราแล้วนี่ ที่เธอต้องการไม่มีแล้ว เธอไม่รู้หรือแกล้งลืม ฉันไปละ มีคนคอยอยู่ เสียเวลาจริงๆ”
สาวน้อยในชุดนักศึกษาเข้ารูปทรงผมสีดำหางม้าลืมเรื่องแหวนเพราะไม่ทันพูดจบโดนขัดคอ มองเข้าไปในรถคันหรูที่มีนักศึกษาหลายคนมองอยู่เช่นกัน รู้สึกใจหาย คอแห้ง ดวงตาที่สุกสกาวนิดหน่อยในตอนแรกเพราะความดีใจ มันกลายเป็นความแห้งแล้ง
เกือบลืมตัววิ่งตามเจ้าของรถไป ดีที่หยุดเท้าไว้ทัน
เจ้าของรถทิ้งเธอไว้เบื้องหลัง รถหรูออกตัวแรงจากไป ทิ้งไว้แค่ความไม่เข้าใจของหทัยรัตน์
คุณศินทำไมเขาเย็นชาอย่างนี้ เย็นชาจนเหมือนเกลียดชังกัน ไหนแม่บอกว่าการหมั้นหมายวันนั้นเขาเต็มใจ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอต้องถามเรื่องนี้กับแม่ให้รู้ความจริง
รอคอยเขามานาน วันนี้พอเจอกันทุกอย่างผิดไปอย่างที่คิดเสียหมด ไปหาเขาเธอน่าจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนบ้านนั้น หทัยรัตน์ทำไมมองโลกแสนดีเช่นนี้ สาวน้อยใจเจ็บแปลบเสมือนแผลที่ยังไม่เคยตกสะเก็ดไม่เคยหายเริ่มปริจนมีเลือดไหลอีกครั้ง นักศึกษาหลายคนเริ่มมองหทัยรัตน์ปาดน้ำตาที่ไหลมาสู่ขาวซีดเมื่อเดาเหตุการณ์ไปทางร้ายๆ แต่ยังคงสาวเท้าเดินไปหาแหวนหมั้นที่รักและห่วงมาก…อยู่ไหนนะ
เรื่องพบเขาค่อยคิดใหม่ก็แล้วกัน ยังไงเธอไม่ต้องการให้เรื่องราวค้างคาใจอย่างนี้
บ้านหลังใหญ่รั้วรอบขอบชิด ดอกไม้นานาพันธ์สวยงามเริ่มไม่ชูช่ออกดอกอย่างเมื่อก่อนเพราะขาดคนดูแลเอาใจใส่ เข้าบ้านหทัยรัตน์ไม่รอช้าถามไถ่เรื่องคู่หมั้นเพราะที่บ้านไม่มีเด็กรับใช้เหลือสักคน เธอให้เงินทุกคนไป ทุกคนลากลับบ้านกันหมดแล้ว
เรื่องราวที่ปกปิดมานานออกจากปากแม่ หทัยรัตน์อึ้งไปพักใหญ่
“แม่บอกว่าเขาถอนหมั้นไปนานแล้ว ทำไมแม่ไม่บอกนาวเลย ปล่อยให้นาวหน้าด้านบากหน้าไปบ้านนั้น หลายครั้ง แม่รู้ไหมคะ รู้ไหม” ดวงตาสาวแดงก่ำ
“แม่ไม่อยากให้ลูกเสียใจ แม่รู้ลูกรอเขาอยู่ตลอด แม่ขอโทษ ขอโทษนะจ๊ะนาว”
เพราะเราล้มละลายทางนั้นเลยทำแบบนี้ มะนาวเดาเรื่องราว
“ลูกคงพอจะเดาออกว่าเพราะอะไร เอ่อ เขาบอกว่าทางเราเข้าไปหาเขาเอง” ฤทัยตัดสินใจบอกลูกสาว
“ไม่จริง นาวไม่ได้ทำอย่างนั้นคุณศศินเขามึนเมาก็จริงแต่เขาบอกว่ารักนาว นาวก็เลย…ก็เลย”
“พอเถอะลูก ตอนนั้นลูกยังเด็กแต่ลูกน่าจะรู้นิสัยศศินกุลเขามีข่าวกับผู้หญิงไปทั่ว แม่ยอมเพราะตอนนั้นลูกก็เสียหายไปแล้ว เด็กในบ้านก็รู้กันทั่ว หมั้นกันเรื่องนินทาจะได้จบไป”
หทัยรัตน์เงียบ ไม่กล่าวอะไรต่อ หัวใจชาวาบ ลุกขึ้นเดินขึ้นห้องนอนอย่างหมดแรง…ผู้หญิงมากมายที่แม่ว่ารวมทั้งพี่สาวต่างบิดาของเธอด้วย ผู้หญิงที่เขาเคยคบหา หรือเขาเห็นเธอเป็นเพียงเกมอันหอมหวานของเขา หทัยรัตน์เปิดประตูห้องเดินไปหยิบรูปพี่สาวที่ถ่ายคู่กันเมื่อห้าปีก่อน
