พ่อเลี้ยงบำเรอกาม /6
ทว่า...รูปกายที่เป็นทรัพย์สมบัติติดตัวมาตั้งแต่เกิด ก็ทำให้สาวๆ ที่มาเที่ยวผับมีจุดประสงค์เพื่อจะเจอเทวาคนนี้นี่เอง
“ไงเทพ”
“เฮียอยู่คนเดียวหรือครับ”
“ทำไม นายสงสัยอะไรในตัวฉันรึเทพ” ปรมัยเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับนั่งบนเก้าอี้ตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง
“มีคนบอกผมว่าคุณหนูมา แล้ว...”
“นายมาหาแสงดาวงั้นรึ” คิ้วเข้มยิ่งเลิกขึ้นสูงกว่าเดิม แต่สีหน้าของปรมัยกำลังจะเปลี่ยนไป
“เปล่าครับ แค่แปลกใจ”
เทวามองไปทั่วห้อง แล้วสังเกตุเห็นเอกสารบนโต๊ะกระจายเกลื่อน ซึ่งผิดปกติคนเจ้าระเบียบอย่างปรมัยไปมาก ทุกครั้งไม่เคยเห็นมันเกลื่อนไปทั่วโต๊ะแบบนี้ มิหนำซ้ำยังมีบางแฟ้มที่ตกอยู่บนพื้น
เทวาก้าวเข้าไปเก็บมันขึ้นมาวางบนโต๊ะ จังหวะนั้นเขาก็เหลือบตาเห็นปลายเท้าเล็กๆ ของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ
“อ้อ...”
“อ้ออะไร มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิวะ”
เทวาโคลงศีรษะ
“ผมเพิ่งกลับมา ก็เลยมาหาเฮีย กะจะให้ด่าสัก 2-3 ประโยคโทษฐานที่เข้างานสายไปหลายชั่วโมง”
“แค่นั้น?”
เทวาอ้าปาก ก่อนจะค่อยๆ หุบปากแล้วพยักหน้า
“ครับ แค่นี้ แล้ว...ก็...คุณหนูแสงดาวไปไหนเสียล่ะครับ” เทวายังไม่เลิกตื๊อ
“ก็...” แต่ปรมัยกับเทวานั้นรู้จักคบหากันมาเกินกว่าสิบปี จึงไม่มีอะไรเป็นความลับ “อยู่แถวๆ นี้ล่ะมั้ง”
“อ้อ...” เทวาถึงบางอ้อ แล้วหลุบตามองโต๊ะทำงานชั่วครู่ “ตื่นเต้นดีนะครับ”
“เฮ้ย! ไปๆ ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวก็หักเงินเดือนซะเลย”
ในความอิดออดของเทวา เป็นความหมั่นไส้เต็มประดาของปรมัยที่มันยังไม่ยอมออกไปให้พ้นหน้า ดูแววตาคมกริบคู่นั้นก็แสนรู้ไปซะทุกเรื่อง
“งั้นผม...ออกไปนะครับ” เทวากดมุมปากลึก สายตาเต็มไปด้วยความรู้เท่าทัน
“เออสิวะ”
“ผมออกไปก็ได้ แต่เฮียอย่าลืมเช็ดปากมันแผล็บก่อนออกไปก็แล้วกันครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน”
เทวายอมออกไปแล้ว ปรมัยก็ยกมือป้ายปากที่เปรอะไปด้วยน้ำสาวแสนหวาน
“เธอก็ด้วยเหมือนกันแสงดาว กลับบ้านไปได้แล้ว”
“ทำไมรีบไล่กันจังเลย ดาวกะว่าจะกลับพร้อมพี่ปิงนะนี่”
“ไอ้เทพมันสงสัยแล้ว”
แสงดาวออกมาจากใต้โต๊ะ มานั่งทำหน้าอึนอยู่ตรงหน้า
“พี่เทพฉลาดจะตาย ยังไงก็ต้องรู้อยู่ดี”
“เธอจะประจานตัวเองหรือไง”
“ก็ดาวไม่อยากกลับคนเดียวนี่ นะคะ...ให้ดาวกลับบ้านด้วยคนนะคะ”
ปรมัยถอนใจเฮือก บางครั้งต้องบอกตัวเองว่าจะทนเหนื่อยหน่ายกับแสงดาวไปอีกนานแค่ไหน เหนื่อยที่ต้องคอยตามใจ และเหนื่อยที่ต้องก่นด่าตัวเองอยู่ทุกๆ วัน เมื่ออารมณ์นั้นเกิดพุ่งพล่านขึ้นมาเพราะเธอ เขาน่าจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้จากประสบการณ์ที่สะสมมานาน แต่เปล่าเลย อยู่ใกล้แสงดาวทีไรท่อนชายก็ลำพองเต็มตัวเหมือนม้าศึกพร้อมออกรบทุกครั้ง
“พี่ปิงขา...ให้ดาวกลับบ้านด้วยนะคะ”
ปรมัยแทบผวาเมื่อมือเล็กวางแหมะบนเป้ากางเกงเขา
ให้ตายสิ!
แบบนี้มันจะสงบได้อย่างไร?
“เอามือออกไป” เขากัดฟันบอก และแสงดาวก็ดื้อดึงเหมือนเคย
“จะปฏิเสธทำไมล่ะคะ ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันแข็งโด่ขนาดนี้”
ความกล้าบ้าบิ่นเต็มอยู่ในใจของเธอมานาน แสงดาวมีใจให้พ่อเลี้ยงตั้งแต่เห็นหน้าเขาครั้งแรก เธอยังเด็กและเขาก็หนุ่มแน่น มองทีไรก็อยากวิ่งเข้าใส่ เธอแรด เธอร่าน แต่นั่นก็เกิดกับเขาคนเดียว เพราะอารมณ์และความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่เคยเกิดกับใคร
“แสง...ดาว” เสียงของปรมัยเริ่มติดขัด
มือน้อยๆ ขยับไปมาบนกระดุมแล้วปลดออกทีละเม็ด โดยที่พ่อเลี้ยงของเธอไม่มีขัดขืนเหมือนที่คิดไว้ สีหน้าของปรมัยแสดงออกชัดเจนว่าต้องการ
“ถ้าเธอ...แรดขนาดนี้ก็เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่เธออย่าหวังว่าฉันจะ...”
แสงดาวไม่ปล่อยให้ปรมัยพูดจบ เธอนำความเป็นชายออกมาจากกางเกงผ้าเดนิมราคาแพง เป็นใครก็คงจะต้องถอนใจแล้วห่อปากจู๋เมื่อเห็นส่วนสัดแข็งแกร่งนั้นเต็มตา
“โอว์...ดาวไม่คิดว่ามันจะใหญ่ถึงเพียงนี้”
เธอแน่ใจตั้งแต่เริ่มมองและสอดส่องสายตาไปทั่วร่างชาย ยังไงเสียความเป็นชายของปรมัยก็คงใหญ่โตสมร่าง แต่เอาเข้าจริงมันใหญ่กว่าที่คาด และร้อนระอุกว่าที่คิดไว้ มือเธอถูกลวกแน่ๆ ถ้าจับบีบไว้นานๆ
“สมใจเธอมั้ยดาว ขนาดของฉันใหญ่พอหรือเปล่า”
“ดาว...ชอบมาก”
ปรมัยหลับตาพริ้มแล้วกดศีรษะของลูกเลี้ยงให้กระทำการปลุกปั่นอารมณ์ชาย แสงดาวอ้าปากกว้างเพื่อครอบครองเขาได้เต็มที่ ช่องปากของเธอตึงแน่นจนแทบจะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ เธอคิดว่ารสชาติของเขาต้องแปลกๆ ไม่น้อยเพราะไม่เคยลอง เอาเข้าจริงเขาก็หวานอยู่เหมือนกันนะนี่
“ซี้ดดด แสงดาว”
เขาครางเสียงต่ำ ในขณะที่แสงดาวก็พยายามกลืนกินท่อนเนื้อแข็งโป๊กอย่างยากลำบาก ทว่าเธอก็ทำจนได้แบบเงอะๆ เงิ่นๆ แต่ได้ใจพ่อเลี้ยงหนุ่มไปเต็มๆ
ปรมัยทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ เวลานี้เขายอมเธอแล้ว ให้เธอสวามปามท่อนเอ็นตามที่ใจอยาก เขาเองก็เพลิดเพลินไปกับความพยายามของเธอ นี่ถ้าแสงดาวไปขายตัวก็คงได้ราคาดีอยู่เหมือนกัน ทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอกและความเร่าร้อนที่เธอปลุกแต่งขึ้นมา
นี่ถ้า...
