พ่อเลี้ยงบำเรอกาม /12
“จะไปไหน”
“ไปหางานทำค่ะ”
“ไม่รงไม่เรียนหนังสือแล้วหรือไง คิดว่าจบแค่ม.6 จะทำอาชีพอะไรได้นอกจากเด็กเสิร์ฟ ล้างจาน พนักงานร้านสะดวกซื้อ อนาคตจะหยุดแค่นี้หรือไง”
“พี่ปิงจะมายุ่งอะไรกับดาวคะ ปกติก็ไม่เคยเห็นสนใจ” เธอประชด
“ฉันสงสารพี่ดา อีกหน่อยถ้าไม่มีฉัน เธอจะทำยังไง”
“พี่ปิงจะไหนคะ” แสงดาวถามเสียงนุ่ม
“พี่ดาไม่อยู่แล้ว คงไม่เหมาะถ้าฉันจะอยู่ที่นี่กับเธอตามลำพัง”
“พี่ปิงจะทิ้งดาวหรือคะ”
ปรมัยกระตุกยิ้ม ตลอดเวลานับเดือนที่อยู่กับเธอเงียบๆ มันทำให้เขาคิดได้ว่า บางทีแสงดาวก็อาจรำคาญผู้ชายวัยเท่านี้ ตอนแม่ของเธอยังอยู่ เด็กนั่นก็แค่รู้สึกตื่นเต้นถ้าได้ทำกิจกรรมโลดโผนกับเขา แต่พอไม่มีใครอื่น เขาจึงกลายเป็นคนน่ารำคาญสำหรับเธอ
“เธอจะให้ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ในเมื่อพี่ดาก็ไม่อยู่แล้ว จะให้ฉันเป็นพ่อเลี้ยงของเธอต่อไปงั้นหรือ”
ปรมัยลุกขึ้นยืนใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหน้า เขามองเธอนิ่งๆ มองอย่างให้โอกาส แต่แล้วแสงดาวก็ทำลายโอกาสนั้นด้วยการวางเฉย ปรมัยจึงเดินผ่านสาวน้อยขึ้นไปบนห้องนอน
แสงดาวไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เธอรักเขาก็ใช่ ปัจจุบันก็ยังรักอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ทว่า...เมื่อไม่มีแม่อยู่ข้างๆ เธอกลับไม่อยากทำเหมือนในอดีต ยิ่งเขาแสดงความเย็นชากับเธอขนาดนี้ แสงดาวก็ยิ่งไม่กล้า
“อะแฮ่ม!”
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันไปเห็นใครบางคน เธอเคยเจอน้าหงส์จิราเพียง 3 หน ถ้านับครั้งนี้ก็เป็นหนที่ 4 เธอไม่ลืมถ้อยคำที่แม่บอกไว้ก่อนตายแน่นอน
“น้าหงส์จิรา สวัสดีค่ะ”
“แหม...เรียกน้าซะเต็มยศเชียวนะจ๊ะแสงดาว แล้วนี่...อยู่คนเดียวหรือจ๊ะ”
หงส์จิราเป็นสาวใหญ่ที่มีรูปร่างและผิวพรรณตึงเต่ง ทว่าใบรอยตีนกาบนใบหน้าเท่านั้นที่มีให้วัดอายุเวลาเธอยิ้ม เอวองค์ของเธอเล็กนิดเดียว หน้าอกหน้าใจก็ใหญ่บะละฮึ่ม แต่ดูก็รู้ว่าไปยัดซิลิโคนมาเต็มๆ
“คุณน้ามีธุระอะไรกับดาวหรือเปล่าคะ”
แสงดาวไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า เธออยากรู้สาเหตุการมาของหงส์จิรา
“จะไม่เชิญนั่งก่อนเลยหรือไงจ๊ะสาวน้อย”
“เชิญค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดาวไปเอาน้ำมาให้”
“อ้าว...แล้วคนรับใช้ไปไหนเสียหมดล่ะ”
“ตั้งแต่แม่เสีย ดาวก็เลยเลิกจ้างค่ะ เพราะงานบ้านดาวทำเองได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง”
“ต๊าย!! บ้านหลังเบ้อเริ่มนี่นะ แต่เอ...เดี๋ยวเธอก็ต้องย้ายบ้านใหม่อยู่ดี”
แสงดาวหันขวับ หงส์จิราเลิกคิ้วที่โค้งดั่งสะพานพระรามแปด เธอพอจะรู้สาเหตุการมาเยือนของคุณน้าท่านนี้แล้ว
หลังจากเอาน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟ แสงดาวก็มานั่งมองหงส์จิราทอดอารมณ์จิบน้ำเปล่าอย่างสบายใจ แต่เธอกำลังร้อนรนอยากฟังเรื่องราวจากปากคุณน้าท่านนี้เหลือเกินแล้ว
“อ้อ...” หงส์จิราแสร้งเพิ่งรู้สึกตัว วางแก้วน้ำเย็นๆ ลงบนโต๊ะ “เธอคงพอจะรู้แล้วกระมังว่าบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด”
“คุณแม่ไม่ได้บอกว่าจะถูกยึดนี่คะ”
เจ้าหนี้หน้าเลือดส่งซองเอกสารสีน้ำตาลให้
“เปิดอ่านซะสิ จะได้รู้ว่าแม่เธอเป็นหนี้ฉันเท่าไหร่”
แสงดาวมองคนตอบ ก่อนจะยื่นมือไปรับซองมาเปิดอ่าน ในนั้นเป็นสัญญาความเป็นหนี้ ซึ่งเธอไม่เชื่อว่ามารดาเป็นหนี้นับสิบล้าน
“ทำไมถึงเยอะขนาดนี้ แม่ไม่เป็นหนี้เยอะเท่านี้แน่”
“นี่เธอคิดว่าฉันโกหกหรือเป็นพวกหลอกลวงหรือไง สุดารัตน์เป็นหนี้ฉันมานาน 2 ปีแล้ว ในสัญญานั่นก็ระบุไว้”
“แล้วทำไมแม่ต้องเป็นหนี้มากมายขนาดนี้คะ ดาวไม่เห็นแม่จะมีเรื่องเดือดร้อนตรงไหน”
“คงไม่ต้องการให้เธอรู้ล่ะสิ เท่าที่ฉันรู้จากปากแม่ของเธอ เห็นบอกว่าเอาไปรักษาตัว แน่ล่ะ เป็นศูนย์รวมโรคเยอะซะขนาดนั้น”
“แต่แม่บอกว่าไม่ต้องการรักษานี่คะ คุณหมอเป็นคนบอกดาวเอง”
“เด็กโง่...แม่ที่ไหนจะมาบอกลูกว่าเอาบ้านไปจำนอง เอาที่ดินไปขายเพื่อได้เงินมารักษาตัว”
“ถ้าแม่บอก ดาวต้องสนับสนุนอยู่แล้วในเมื่อดาวก็อยากให้แม่หาย” แสงดาวเถียง เธอรู้ว่ามารดามีทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากถึงขั้นเป็นเศรษฐี จึงไม่เชื่อว่าแม่จะแอบสร้างหนี้เพื่อเอาเงินไปรักษาตัว ถ้ารักษาจริงๆ แม่ก็น่าจะหายนานแล้ว
“โอ๊ย!! นั่นมันเรื่องของครอบครัวเธอ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันเป็นเจ้าหนี้ที่อยากได้เงินคืน แต่เงินมากมายขนาดนี้ เธอคงไม่มีปัญญาหามาคืนสินะ”
ใช่ เงินตั้งสิบๆ ล้านจะไปหามาจากไหน เมื่อวันก่อนเธอเพิ่งจะตรวจสอบบัญชีทุกบัญชีก็พบว่ามีเงินรวมกันแล้ว 5 ล้านเท่านั้น แม่ของเธอเอาเงินไปทำอะไรเป็นสิบๆ ล้าน
“ดาวขอตรวจสอบก่อน”
“ไม่ล่ะ ถ้าเธอไม่มีเงินใช้หนี้ ฉันจะต้องยึดบ้านหลังนี้”
แสงดาวตกใจ ถึงขนาดจะเข้ามายึดบ้านโดยไม่ให้เวลาเธอเลยเชียวหรือ มันจะมากไปแล้วนะ
“ไม่ได้ แม่ยกบ้านหลังนี้ให้ดาวแล้ว ดาวจะไม่ให้คุณน้าเอามันไปเด็ดขาด”
