นักเขียนที่ถูกสาปแช่ง 1
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นหลายครั้ง พร้อมกับข้อความใหม่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ มือบางจึงอดที่จะกดเปิดอ่านไม่ได้ ทั้งที่ในใจยังคงหวั่น ๆ ว่าจะเป็นข้อความที่ทำร้ายจิตใจของตัวเองอีก
(เขียนออกมาแบบนี้ได้อย่างไร นางเอกโดนย่ำยีจนไม่เหลือชิ้นดี แบบนี้จะให้คนอ่านเอาใจช่วยต่อได้อย่างไรไหว)
(เอาเวลาไปฝึกเขียนใหม่เถอะ ก่อนที่จะไม่มีใครอยากอ่านนิยายของเธออีก)
(บอกตรง ๆ เลยนะ อ่านแล้วสมเพชมาก)
หลินอวี้เหนียน กดปิดทันทีที่ได้อ่านข้อความตำหนิเหล่านั้น แต่ทว่าเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว มือที่วางอยู่บนคีย์บอร์ดเย็นเฉียบ ถึงแม้ว่าในห้องจะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศก็ตาม
เธอรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น นิยายเรื่องล่าสุดของเธอกำลังถูกนักอ่านถล่ม ไม่ใช่แค่เพราะเนื้อหาที่คนอ่านไม่ชอบ แต่เพราะคนอ่านรู้ว่าตัวละครนางเอกผู้แสนอับจน ถูกญาติใส่ร้าย ถูกเหยียบย่ำ ถูกบีบให้แทบอยากตาย ซึ่งมันเหมือนหลินอวี้เหนียนเขียนชีวิตของตัวเองลงไปทั้งเรื่อง
ยิ่งนิยายเรื่องนี้ดังขึ้น นักอ่านก็ยิ่งขุดประวัติของนักเขียน ใคร ๆ ก็พูดกันทั้งนั้นว่านี่มันชีวิตจริงของอวี้เหนียนชัด ๆ ในนิยายกับชีวิตจริงแทบจะแยกไม่ออกแล้วตอนนี้
ซึ่งหลินอวี้เหนียนผู้นี้เป็นนักเขียนที่ภายนอกดูเงียบขรึม เก็บตัว ไม่ค่อยพูดคุยกับใครนัก แต่ในใจเต็มไปด้วยความคิดซ้อนทับ วนเวียน ทั้งเรื่องที่อยากเขียนและเรื่องที่ไม่เคยพูดออกมา
เธอเคยเขียนนิยายเพื่อหนีจากโลกความเป็นจริง โดยการใช้ตัวอักษรเป็นทางระบายความคับแค้นในใจ แต่ลึก ๆ ก็เป็นคนที่โหยหาความรักและความอบอุ่นอยู่เหมือนกัน
หลินอวี้เหนียนเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงปานกลาง มีคนติดตามแต่ไม่ใช่ระดับสูง ปกติไม่ค่อยมีนักอ่านว่าเธอไร้ฝีมือ แต่ก็ไม่ได้มีใครยกย่องว่าเธอเก่งกาจ เธออยู่ตรงกลางระหว่างคำว่าธรรมดากับเงียบหาย
แต่ตอนนี้หลินอวี้เหนียนดังแล้ว ดังเพราะความน่าสมเพชในนิยายของตัวเอง ดังเพราะเขียนเรื่องที่เละเทะและไม่มีความสนุกเลยสักนิด ดังเพราะทุกคนเอาเธอไปนินทาต่อว่าที่ไม่ใช่ในฐานะนักเขียน แต่ในฐานะคนที่โดนเหยียบแล้วยังเอาเรื่องตัวเองมาเผยแพร่อีก
บางคนบอกว่าเธอกำลังขอความสงสาร และบางคนก็บอกว่าเธอทำตัวเองให้เหมือนตัวตลก แต่แท้จริงเธอไม่ได้ต้องการอะไรจากใครเลย เธอแค่ต้องการเขียนนิยายเท่านั้น
ดวงตากลมจ้องมองคีย์บอร์ดตรงหน้า นิ้วมือของเธอทุกนิ้วยังคงอยู่บนแป้นพิมพ์ เธอเจ็บใจมากแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ซึ่งความจริงเธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้วต่างหาก เธอเคยถูกญาติใส่ร้าย เคยโดนคนใกล้ตัวทรยศ เคยโดนเอาเงินไปทั้งที่ไม่รู้ตัว แม้แต่บ้านที่อยู่ก็เหมือนไม่ใช่อยู่กับครอบครัวของตัวเอง หลินอวี้เหนียนจึงทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดคือการเขียนนิยาย
แต่ทว่านิยายกลับถูกคนใกล้ชิดกลั่นแกล้งเปลี่ยนเนื้อหาของเรื่องจนไม่มีชิ้นดี และทำให้มีนักอ่านแสดงความคิดเห็นต่อว่ามากมาย
“ทำไมชีวิตของฉันมันถึงเลวร้ายอย่างนี้”
หลินอวี้เหนียนพึมพำกับตัวเองในความเงียบ ก่อนที่นิ้วมือของเธอจะเริ่มพิมพ์อีกครั้ง แสงหน้าจอกระทบดวงตาคู่เดิมที่ไม่มีน้ำตา แต่แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่ยิ่งกว่าความเสียใจ
ความดื้อดึงที่จะไม่ยอมแพ้ ทำให้หลินอวี้เหนียนพิมพ์ไปได้ไม่กี่ประโยคก็รู้สึกหน้ามืดจากความเครียดและความกดดันมาหลายวัน จนกระทั่งรู้สึกไม่ไหวจนต้องยอมแพ้ไปในที่สุด
หลายวันต่อมา หลินอวี้เหนียนพักรักษาตัวและไม่ได้เขียนนิยายเลย เธอจึงตัดสินใจโพสต์บอกกับนักอ่านว่าขอเวลารักษาตัวสักพัก แต่ทว่าคอมเมนต์ใต้โพสต์กลับเต็มไปด้วยคำพูดที่แทงใจของเธอเป็นอย่างมาก
(ไม่สบายก็ไม่ต้องกลับมาเขียนแล้วก็ได้นะ)
(แต่งไม่จบแล้วหนีไปง่าย ๆ แบบนี้ก็อย่าเป็นเลยนักเขียนอ่ะ)
(ทำตัวเป็นนักเขียน แต่พอลงมือเขียนจริงก็ดันเขียนเละจนอ่านไม่ได้ ไม่รู้จะอยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกทำไม)
หลินอวี้เหนียนอ่านคอมเมนต์พวกนั้นด้วยสายตาเบลอ ๆ เพราะไข้ขึ้นจนตาพร่ามัวไปหมด ร่างกายของเธอพังลงจริง ๆ ไม่ใช่แค่ป่วยใจ แต่ร่างกายก็ทรุดตามไปด้วย
