7. เกือบทนไม่ไหว[2]
มู่เสวี่ยหลิงด่ากราดเขาในใจด้วยถ้อยคำที่นางพอจะเค้นสมองนึกออก นางงดงามจนเขาหยุดหายใจ? เพ้ย! เจ้ามันมากตัณหาราคะจนตายคาอกอนุพวกนั้นล่ะสิไม่ว่า! มู่เสวี่ยหลิงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้ยากเต็มที ในใจนางภาวนาถึงลี่ลี่ หวังให้สาวใช้คนสนิทพาหยวนเซิ่งเจ๋อมาไว ๆ นางจะได้หนีออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี่เสีย
“นายท่าน คุณหนู” ท่านพ่อบ้านเดินเข้ามาใกล้ เขาค้อมกายลง “มีแขกมาพบขอรับ”
มู่เหยียนจงขมวดคิ้ว “ข้าไม่ใช่บอกเจ้าไว้แล้วหรือว่าวันนี้จวนสกุลมู่มีแขกสำคัญ ไม่พบใครทั้งนั้น ไล่กลับไป”
พ่อบ้านลังเลครู่หนึ่ง “แต่ว่านายท่าน-” เขาขยับกายเข้าใกล้มู่เหยียนจงอีกสักหน่อยก่อนพูดเสียงกระซิบ “คนที่มาเป็นคุณชายใหญ่หยวนขอรับ”
มู่เสวี่ยหลิงผุดลุกขึ้นยืนอย่างเสียกิริยา ความพะอืดพะอมและความรู้สึกย่ำแย่ในอกจางหายเพียงได้ยินชื่อเขาข้างหูแทนที่ด้วยความหวานล้ำสายหนึ่งในจิตใจ
มู่เสวี่ยหลิงตั้งแต่ย้อนกลับมาเพราะเอาแต่เตรียมตัวรับมือเหตุไม่คาดฝันจึงยังไม่ได้เจอเขา มิคาดพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นสถานการณ์เช่นนี้ไปเสียได้ นางไม่สนใจสีหน้าไม่พอใจของบิดา รีบเรียกหาสาวใช้คนสนิท
“ลี่ลี่ พาพี่หยวนเข้ามาสิ ข้ากำลังรอเขาอยู่เชียว”
มู่เหยียนจงเงยหน้ามองนางด้วยความงุนงง
“พี่หยวน? เจ้า- หลิงเอ๋อร์ เจ้าเรียกเขามาหรือ”
มู่เสวี่ยหลิงหมุนตัวกลับมาหาบิดา นางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าไม่ได้เจอพี่หยวนนานแล้วทั้งยังคิดว่าคงจะดีถ้าหากรับมื้อค่ำด้วยกันสักครั้งก่อนข้าแต่งออกไป” มู่เสวี่ยหลิงจงใจเน้นย้ำคำว่าแต่ง นางหัวเราะเบา ๆ
“เมื่อก่อนข้าชอบปั้นปึ่งให้พี่หยวนอยู่เรื่อย พอเขาไม่มาหาก็นึกถึงเขาขึ้นมา เพราะต้องรีบมาต้อนรับท่านหมิงเลยไม่ได้แจ้งท่านพ่อไว้ก่อน ต้องขออภัยในความเลอะเลือนของลูกด้วยเจ้าค่ะ”
มู่เหยียนจงมีสีหน้าไม่น่าดูนัก ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุตรสาวเขาสนิทสนมกับเด็กหนุ่มแซ่หยวนถึงขั้นเรียกขานกันว่าพี่ มิใช่ว่าก่อนหน้านี้นางยังมาโวยวายใส่เขาว่าไม่อยากแต่งเข้าตระกูลพ่อค้าหรอกหรือ
เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้ทำใจกล้าเชิญขุนนางท่านนี้เข้าบ้าน เพียงเพื่อหยั่งเชิงว่าหมิงเยี่ยถูกใจลูกสาวเขาหรือไม่ แล้วทำไมหมิงเยี่ยถูกใจเสวี่ยหลิง บุตรสาวเขากลับไปถูกใจเจ้าหยวนเซิ่งเจ๋อนั่นได้
