ตอนที่ 5 เมื่อต้องกลายเป็นหวังหยู่
สิ่งที่วายุได้รับรู้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังถล่มทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขา ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงที่ดูสง่างาม ผู้มีท่าทางทรงอำนาจที่เรียกตัวเองว่า องค์รัชทายาทหลี่หยาง ภายในหัวของวายุตอนนี้ตีกันอย่างบ้าคลั่ง ข้อมูลใหม่ที่ได้รับไม่อาจเข้าใจได้เข้ามาถาโถม แต่สิ่งหนึ่งที่คุณหมอหนุ่มแน่ใจคือ นี่ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงที่โหดร้ายมากสำหรับเขา ถ้าตอนนี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเรื่องจริง แล้วโลกยุคปัจจุบันของเขาล่ะ เขาจำได้แต่ว่าเขาประสบอุบัติเหตุแสดงว่าเขาตายจากโลกนั้นแล้วอย่างนั้นหรือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา” นายแพทย์วายุได้แต่คิดในใจ พลางยกมือจับศีรษะที่ยังเจ็บปวดจากการกระแทก มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่ศีรษะเขากระแทกกับพวงมาลัยรถ ถึงแม้จะมีอาการปวดอยู่ แต่อาการเจ็บปวดเหล่านั้นไม่อาจเทียบเท่ากับความสับสนที่รุมเร้าจิตใจเขาอยู่ตอนนี้
สายตาคมของวายุมองไปรอบ ๆ ห้องหรูหราที่ไม่คุ้นเคย มันช่างแตกต่างจากทุกอย่างในชีวิตปัจจุบันที่เขาเคยรู้จัก ตั้งแต่ห้องผ่าตัดสมัยใหม่ที่เขาเคยทำงาน รวมทั้งบ้านตลอดไปจนถึงชีวิตประจำวันที่เป็นศัลยแพทย์หนุ่มในยุคปัจจุบัน แต่ตอนนี้ เขายืนอยู่ในยุคจักรพรรดิจีนโบราณ แถมยังอยู่ในร่างของชายร่างบาง หน้าตางดงามยิ่งกว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ องค์ชายหวังหยู่ เเถมยังเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทอีก
“บ้าไปแล้ว…” วายุคิดในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อสติเขาเริ่มกลับมา เขาก็จำสิ่งสำคัญได้ หากเพียงแต่ว่าเขาแสดงออกมาว่าตัวเองจำเหตุการณ์ในปัจจุบันได้ และไม่ได้เป็นหวังหยู่ตามที่อีกคนบอกเขา คนที่นี่ก็จะหาว่าเขาเสียสติหรือฟั่นเฟือน ในยุคนี้มีโอกาสสูงที่เขาอาจถูกลงโทษด้วยความโหดร้าย เขาเคยอ่านเคยได้ยินเกี่ยวกับบทลงโทษในราชสำนักโบราณ และตอนทำงานพวกพี่ๆพยาบาลก็ชอบเล่าซีรีย์จีนโบราณย้อนยุคให้เขาได้ยินบ่อยๆ บทลงโทษโดยเฉพาะหากเป็นพระชายาของรัชทายาทที่แสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด ไม่ใช่แค่ความอัปยศ แต่ชีวิตของเขาอาจจะจบสิ้นทันทีด้วย อนาถเหลือเกินนะวายุนอกจากจะตายด้วยอุบัติเหตุโดนรถชนแล้ว ยังต้องมาตายด้วยถูกประหารเพราะคนยุคนี้คิดว่าเขาสติฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
“ถ้าขืนเราทำตัวแปลก พวกเขาอาจจะคิดว่าเราบ้า และในยุคนี้ คนบ้าอาจถูกประหาร” วายุคิดอย่างเร่งรีบ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี
“เราคงต้องเล่นบทพระชายาหวังหยู่ ต้องทำให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความอยู่รอด” วายุบอกตัวเอง หัวใจของเขายังสั่นคลอน แต่เขาพยายามระงับความกลัวและความสับสนไว้ไม่ให้แสดงออกมาให้อีกคนได้เห็น
องค์รัชทายาทหลี่หยางยังคงยืนทำตัวหล่ออยู่ข้างหน้าเขา องค์ชายคนนี้หล่อจริงๆ ถ้ายังอยู่ในยุคปัจจุบันวายุเชื่อเลยว่าสามารถเป็นดาราได้สบาย ยิ่งถ้าเป็นซีรีย์วายสมัยนี้รับรองรวยเละ องค์รัชทายาทยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก รัชทายาทหนุ่มดูเหมือนจะไม่พอใจหรือสงสัยหรือจับผิดอะไรบางอย่างในตัวของวายุหรือ “หวังหยู่” ที่เพิ่งฟื้นจากการหมดสติอยู่เป็นแน่
“เจ้าดูประหลาด เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่ ตอบข้ามาหน่อย” หลี่หยางถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยและหงุดหงิดเล็กน้อยกับท่าทีประหลาดของพระชายาผู้อ่อนแอของเขา ที่เพิ่งฟื้นจากการหมดสติเพราะฝีมือของเขาเอง แม้ตอนแรกจะรู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนเจ็บแต่ตอนนี้พอเห็นอีกคนทำตัวประหลาดเหมือนจะจำเขาไม่ได้ยิ่งทำให้เขาหมั่นไส้ ไม่เหมือนกับหวังหยู่ที่จ้องอยากจะจับเขาแต่งงานเลย
วายุพยายามปรับลมหายใจให้สงบ หันไปมองหลี่หยางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ข้า ข้าเพียงรู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะบาดแผลที่ข้าได้รับมา แต่ข้าจำท่านได้ดีเลยทีเดียว ท่านคือ องค์รัชทายาทหลี่หยาง พระสวามีของข้าไง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าอีกคนจะจับได้ถึงความผิดปกติ
หลี่หยางยังคงมองเขาด้วยแววตาเฉียบคม ราวกับพยายามจะอ่านใจเขา จนวายุต้องกลั้นใจพยายามทำหน้าตาให้สงบนิ่งที่สุด ไม่ให้หลุดท่าทีที่ดูไม่เป็นธรรมชาติออกไป
“ดี ” หลี่หยางกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ร่างสูงสง่าของเขาทำให้วายุต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างเงียบ ๆ จากชายผู้เต็มไปด้วยความมีอำนาจและเสน่ห์ตรงหน้า
วายุกลับมานั่งนิ่งอยู่บนเตียง พยายามเก็บความตื่นตระหนกในใจไว้ภายใน ตอนนี้เขาต้องเล่นบท พระชายาหวังหยู่อย่างแนบเนียนที่สุด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหวังหยู่เป็นคนอย่างไร มีนิสัยแบบไหน หรือพูดจาอย่างไร แต่วายุรู้ว่าเขาไม่สามารถแสดงออกถึงความแตกต่างได้มากนักในตอนนี้
หลี่หยางที่นั่งเงียบอยู่นาน ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ บาดแผลของเจ้าอาจยังต้องการเวลาฟื้นตัวมากกว่าที่ข้าคิด ข้าจะเฝ้าดูเจ้าเอง หากมีสิ่งใดผิดปกติ ข้าจะเรียกหมอหลวงให้” องค์ชายหนุ่มลุกมานั่งลงข้างพระชายา ก่อนที่จะดันร่างบางให้นอนลงและดึงผ้ามาห่มให้
วายุได้แต่พยักหน้าตอบ แม้ในใจจะยังคงสับสน แต่เขาก็รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องอดทนและรอคอยความชัดเจน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการอยู่รอดในร่างของ พระชายาหวังหยู่ โดยไม่ให้ใครจับพิรุธได้ การหลับพักผ่อนเป็นอีกวิธีที่จะหลบสายตาคนเหมือนจับพิรุธนี้
เมื่อหลี่หยางลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง วายุถอนหายใจอย่างโล่งอกเบา ๆ ขณะที่หลี่หยางไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติของเขามากนัก แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “เราต้องหาคำตอบให้ได้... เราจะทำอย่างไรต่อไป”
