ตอนที่ 2 งานแต่งงานขององค์รัชทายาท
เสียงพิณและขลุ่ยที่บรรเลงอย่างงดงามดังก้องไปทั่วพระราชวัง เหล่าขุนนางและแขกจากทั่วทุกสารทิศต่างมารวมตัวกันในงานพิธีอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนตั้งตารอคอยมานาน นั่นคืองานอภิเษกสมรสของ องค์รัชทายาทหลี่หยาง ผู้สง่างามแห่งแคว้นเจียง กับ องค์ชายหวังหยู่ จากแคว้นหลง ผู้ถูกส่งมาเป็นบรรณาการเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น
ภายในท้องพระโรงถูกตกแต่งด้วยผืนผ้าไหมสีแดงสด ประดับด้วยลวดลายมังกรและหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองและอำนาจ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างประณีตและงดงาม เหล่าขุนนางและแขกที่ได้รับเชิญต่างอยู่ในเครื่องแต่งกายอันหรูหรา ก้มกราบถวายคำนับเมื่อองค์รัชทายาทก้าวเข้ามา
หลี่หยางก้าวเดินด้วยท่าทีที่สง่างาม มั่นคงในทุกย่างก้าว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคายและท่าทีแข็งแกร่งของเขาสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่ว่ามุมไหนขององค์รัชทายาทผู้นี้ ต่างทำให้ผู้ที่มองต่างเคารพและเกรงขาม แม้เขาจะมีบุคลิกเงียบขรึม แต่ก็เป็นที่รักใคร่ของคนในราชสำนัก เนื่องจากความสามารถในการปกครองที่เฉียบขาดและมีเหตุผล
ในขณะที่หลี่หยางกำลังเดินเข้าไปยังบริเวณพิธี เสียงกลองและเครื่องดนตรีบรรเลงขึ้นอีกครั้งเพื่อประกาศการมาถึงขององค์ชายหวังหยู่ คู่สมรสบรรณาการขององค์รัชทายาท
องค์ชายหวังหยู่เป็นบุตรชายองค์เล็กของแคว้นหลง ซึ่งเป็นแคว้นที่มีความสำคัญในฐานะพันธมิตรทางการเมืองของแคว้นเจียง แต่แม้จะเป็นเพียงองค์ชายที่ถูกส่งมาเป็นบรรณาการ การปรากฏตัวของเขาในวันนี้กลับเต็มไปด้วยความงดงามและสง่าผ่าเผย
องค์ชายหวังหยู่มีรูปร่างบอบบาง ใบหน้าอ่อนโยนที่ดูเปราะบางราวกับหยกขาว น่าทะนุถนอมยิ่งกว่าสตรีใด ร่างบางสวมชุดสีแดงเลือดนกปักลวดลายหงส์ทอง ประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าที่ส่องแสงระยิบระยับในแสงเทียน ความงดงามและความโดดเด่นขององค์ชายแห่งแคว้นหลงทำให้แขกทุกคนต่างพูดถึงด้วยความชื่นชม
แม้การแต่งงานครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการเมือง แต่ทั้งหลี่หยางและหวังหยู่ต่างก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพียงเรื่องของแคว้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงชะตากรรมของพวกเขาเข้าด้วยกันอีกด้วย
พิธีเริ่มต้นขึ้นโดยมีการถวายบรรณาการและสวดมนต์ตามธรรมเนียม เสียงของพระราชครูที่สวดมนต์ก้องกังวานไปทั่วห้องโถงใหญ่ แขกทุกคนต่างเงียบสนิท ตั้งใจฟังถ้อยคำที่เป็นมงคล เมื่อถึงเวลาสำคัญ องค์รัชทายาทหลี่หยางและองค์ชายหวังหยู่ต่างคุกเข่าลงหน้าพระบัลลังก์ของจักรพรรดิแห่งแคว้นเจียงเพื่อถวายบังคม
“วันนี้ ข้ารับบุตรของแคว้นหลงเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างแคว้นทั้งสองให้มั่นคง ข้าขอให้ทุกคนให้ความเคารพพระชายาเหมือนกับที่ให้ความเคารพต่อองค์รัชทายาทของข้า” ฮ่องเต้ที่เป็นองค์จักรพรรดิกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสง่างาม ขุนนางทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย การแต่งงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างพันธมิตรทางการเมือง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แคว้นเจียงด้วย
หลังจากพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้น ทั้งสององค์ก็ยืนขึ้นเคียงข้างกัน หลี่หยางมองหวังหยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงบและมั่นคง แม้ว่าเขาจะไม่เคยแสดงอารมณ์ให้ใครเห็นมาก่อน แต่ในสายตาของเขากลับแฝงไปด้วยความเย็นชาที่มีต่อคู่สมรสใหม่ของเขา หวังหยู่เองก็มองกลับด้วยกังวลเล็กๆ แม้ว่าการแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นจากเหตุผลทางการเมือง แต่เขาก็พร้อมที่และยินดีที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่
งานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน อาหารและเครื่องดื่มถูกจัดเต็มเพื่อเลี้ยงรับรองแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในพิธี ขณะที่บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความหรูหราและความยินดี ถึงหวังหยู่จะรู้สึกยินดีที่จะถูกส่งมาเป็นบรรณาการ แต่ในขณะเดียวกันแต่พอได้เห็นสีหน้าของคู่สมรสกลับทำให้กลับร่างบางรู้สึกถึงความกดดันบางอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หวังหยู่รู้สึกว่าชีวิตใหม่ของเขาจะเต็มไปด้วยความท้าทายและภาระที่ต้องรับผิดชอบมากมายเขาอาจจะรับมือไม่ไหว
หลี่หยางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หวังหยู่ หันมามองด้วยแววตาที่เป็นเย็นชา “เจ้าดูเครียดเกินไปสำหรับงานมงคล ไม่ดีใจหรืออย่างไรที่ได้ข้าเป็นพระสวามีตามที่เจ้าต้องการ” เขากล่าวเบา ๆ อย่างดูถูกองค์ชายขี้โรคอ่อนแอที่คิดอยากแต่งงานกับเขา
หวังหยู่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “ท่านคิดมากเกินไป ข้าแค่หวังว่าจะทำหน้าที่ได้ดีเท่าที่ควร เพื่อให้บ้านเมืองของเรายิ่งใหญ่”
หลี่หยางยิ้มเบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่ต้องกังวล ข้าคิดอยู่เสมอ เราสองคนไม่ใช่เพียงคู่สมรส แต่เรายังเป็นพันธมิตรในทุกเรื่อง ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องคิดมาก และไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันและได้รับความรักจากกัน ข้าหมายถึงต่างคนต่างอยู่น่ะ”
คำพูดของหลี่หยางแม้จะเอ่ยเบาๆ แต่ก็ทำให้หวังหยู่รู้สึกจุกแน่นในอกขึ้นมา ความสงบที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงขององค์รัชทายาททำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจในอนาคตที่กำลังจะมาถึงเขาจะต้องรับมือกับอะไรบ้าง แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเริ่มต้นจากเหตุผลทางการเมือง แต่หวังหยู่รู้ดีว่าที่มาก่อนที่จะเป็นเหตุผลทางการเมือง คืออะไร เขาเพียงเป็นองค์ชายที่อ่อนแอขี้โรค จึงไม่ค่อยได้ทำอะไรที่เป็นความกล้าหาญดุจที่องค์ชายอื่นๆ เขาทำกัน แม้กระท่ังการฝึกเพลงดาบ เสด็จพ่อยังไม่ให้เขาได้จับดาบเลย หวังหยู่ถูกเลี้ยงมาเยี่ยงบุตรสาว เขามีทั้งความขี้โรคและความอ่อนแออยู่ในตัว หวังหยู่ได้มีโอกาสเจอหลี่หยางเพียงเจอครั้งเเรกเขารู้เลยว่าตัวเขาต้องได้มีผู้ชายที่เข้มเเข็งแบบหลี่หยางดูแลเท่านั้น ร่างอ้อนแอ้นขององค์ชายเล็กจึงขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อจะบอกวัตถุประสงค์ของตัวเองที่ต้องการจะแต่งงานกับหลี่หยาง
