บทที่ 3
ซูเมิ่งหลังจากตื่นขึ้นมาเข้าก็นั่งคุยกับลูกแฝดสักพักก็รู้สึกหิว สองแฝดเองก็ท้องร้องประสานเสียงกันจนคนเป็นแม่หมาด ๆ ทนไม่ไหวรีบลุกออกจากเตียงเข้าครัวทันที สองแฝดที่เห็นว่าแม่ใจดีก็ตามติดแม่ไม่ห่างเลย
ซูเมิ่งสำรวจในครัวเห็นว่าเครื่องปรุงทุกอย่างมีครบ เขาจึงรีบเดินไปดูโอ่งเย็นก็เจอปลาตัวไม่ใหญ่มากน่าจะพอกินสำหรับสามคน เดินไปที่ชั้นว่างของก็เจอไข่ไก่หลายสิบใบ ในหัวของซูเมิ่งก็นึกเมนูออกมาไม่อยากสำหรับความเร่งรีบในตอนนี้
"แฝดเดี๋ยวแม่จะทำข้าวเช้าให้กิน ดีไหม" ซูเมิ่ง
"ดี ดีขอรับ ข้าอยากทานกับข้าวฝีมือท่านแม่มานานแล้ว" ห่าวเริน
"ข้าด้วย ข้าด้วยขอรับ ท่านแม่" ห่าวหนิง
คำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรของเด็กน้อยทั้งสองแต่มันกลับสะกิดของคนเป็นแม่จนจุกอก ถึงเข้าจะพึ่งเข้ามาอยู่ร่างนี้ได้ไม่นาน แต่ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่นั้นไม่ว่าเรื่องใดที่ทำให้ลูกทุกข์หรือเสียใจ แม่เองก็เสียใจไม่แพ้กัน
"ต่อไปนี้แม่จะทำข้าว ข้าวเที่ยง ข้าวเย็น ให้ลูกทานทุกวันเลยดีไหม" ซูเมิ่ง
"ดีขอรับ" ห่าวเริน
"ดีจัง ข้าจะกินเยอะ ๆ เลยท่านแม่" ห่าหนิง
ดูจากวัตถุดิบที่มีในครัวแล้วซูเมิ่งเขาจะทำปลาทอดกรอบและไข่ตุ๋น ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่ยุ่งยากและไม่ต้องปรุงอะไรมากมายก็อร่อยได้อย่างเหลือเชื่อ ซูเมิ่งรีบน้ำปลามาขอดเกล็ดควักใส่ออกพร้อมกับล้างให้สะอาด แล้วนำปลามาบั้งจากนั้นตามด้วยใส่เกลือคลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วหันมาตั้งกระทะน้ำมันร้อนคุมไฟให้อยู่ระดับกลาง ก่อนทอดโรยเกลือให้ทั่วแล้วนำลงทอด ทอดไปเรื่อยๆ จนปลาเปลี่ยนสี เหลืองกรอบดีแล้วตักขึ้นใส่จาน จากนั้นซูเมิ่งก็หันมาตอกไข่ไก่ลงในชามผสมตีให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมซอยและแครอทหั่นเป็นเต๋าเล็ก ใส่ทั้งหมดลงในชามผสมเติมน้ำเปล่า แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เกลือ คนให้เข้ากัน เทใส่หม้อเหล็กขนาดเล็ก ตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อนรอจนเริ่มเดือดแล้วให้ใช้ช้อนคนให้ไข่เริ่มสุก พอเริ่มสุกแล้วให้ใช้ฝาปิดตุ๋นต่ออีกหนึ่งจิบชา (5 นาที) เป็นอันเสร็จ
ระหว่างที่กำลังเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะอยู่นั้นสามีของซูเมิ่งก็กลับมาถึงพอดี ซูเมิ่งได้ยินเสียงชายหนุ่มเสียงทุ้มใหญ่เรียกชื่อลูกแล้วหันมาถามว่าเขาดีขึ้นแล้วเหรอ พอซูเมิ่งหันกลับไปก็ต้องตะลึงเพราะสามีเขานั้นหล่อรูปงามมาก
ห่าวหรานเป็นชายหนุ่มที่เพียงก้าวเดินเข้ามาในห้องก็ทำให้บรรยากาศหนักแน่นขึ้นในทันที ความหล่อของเขาไม่ได้หวานละมุนหรือดูอบอุ่น แต่เป็นความหล่อที่เฉียบคมราวกับคมมีดที่กรีดใจคนมองให้สะท้าน คิ้วเข้มหนาโค้งรับกับดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยแววเอาเรื่อง จนบางครั้งแค่สายตาเดียวก็ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกหวาดเกรง ใบหน้าคมสันริมฝีปากบางที่ไม่ค่อยยกยิ้มง่าย ๆ ยิ่งขับให้ภาพลักษณ์ดูเคร่งขรึมและดุดัน
กรามชัดร่างกายสูงใหญ่และกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนักแน่นทำให้เขาเหมือนนักล่าที่ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงคำรามก็ยังคงน่าเกรงขาม ทุกก้าวเดินมีพลัง มีความมั่นใจแบบคนที่ไม่เคยปล่อยให้ใครมองข้าม ถึงแม้ใบหน้าของห่าวหรานจะดูโหดดุและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม แต่ในความโหดนั้นกลับซ่อนเสน่ห์แปลกประหลาดไว้ เสน่ห์ที่ยิ่งทำให้ผู้คนอยากมอง อยากรู้จักและอยากเข้าใกล้ ทั้งที่หัวใจสั่นกลัวอยู่ลึก ๆ ก็ตาม
"เจ้าดีขึ้นแล้ว หรือได้ลุกขึ้นมาทำอาหาร" ห่าวหราน
ห่าวหรานถามภรรยาด้วยความแปลกใจ เพราะปกติภรรยาของเขาไม่แม้แต่ที่จะย่างกายเข้ามาในครัว งานบ้านก็ไม่ยอมทำวัน ๆ เอาแต่ดื่มเหล้าเมาแล้วอาละวาดใส่ลูกทั้งสอง
"ข้าหายดีแล้วท่านพี่ ดีเลยท่านกลับมาแล้ว มาทานข้าวเช้ากันก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านด้วย ห่าวเริน ห่าวหนิง มากินข้าวลูก" ซูเมิ่ง
ไม่นานเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ สองคู่ก็วิ่งเข้ามาในห้องควันแล้วนั่งประจำที่ของตัวเอง บนโต๊ะอาหารไม้กลิ่นหอมอบอวลด้วยกลิ่นอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ปลาทอดกรอบนอกนุ่มใน กับไข่ตุ๋นเนื้อละมุนร้อน ๆ ที่วางตรงกลางโต๊ะ ห่าวเรินกับห่าวหนิงที่นั่งเฝ้าคอยอยู่ถึงกับตาโตทันทีที่เห็น
"โห... ท่านแม่ ปลาทอดหอมมากเลยครับ" ห่าวเริน
ห่าวเรินยกตะเกียบขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว ตักชิ้นปลาเข้าปาก พอเคี้ยวได้ไม่กี่คำก็ถึงกับร้องออกมาด้วยรอยยิ้ม
"อร่อยสุด ๆ ไปเลย กรอบข้างนอกแต่นุ่มข้างใน ท่านแม่ทอดได้เก่งจริง ๆ" ห่าวเริน
ห่าวหนิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า รีบตักไข่ตุ๋นขึ้นมาชิม พอรสชาติเนียนนุ่มละลายในปากก็เผลอยิ้มกว้างออกมา
"อืม... สีเหลือง ๆ นี้ของท่านแม่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ นุ่มหอมกลมกล่อม ไม่เหมือนที่ไหนเลย" ห่าวหนิง
"มันเรียกว่าไข่ตุ๋น ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ ท่านพี่ก็กินด้วยสิขอรับ" ซูเมิ่ง
สองพี่น้องหันมามองกันแล้วพยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะหันไปมองมารดาด้วยแววตาเป็นประกาย
"ท่านแม่เก่งที่สุด!"
เสียงทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกันมารดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะหัวเราะเบา ๆ อย่างอบอุ่น ยื่นมือลูบศีรษะลูกชายทั้งสองด้วยความเอ็นดู บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความสุขง่าย ๆ ของครอบครัวที่ถูกเติมเต็มด้วยความรักและรสชาติอร่อยจากมือแม่
