บทที่ 8 เพื่อการมีตัวตน
ลูกสะใภ้ไร้ศักดินา ลูกศัตรู แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะขัดราชโองการของฮ่องเต้ไม่ได้ ก็ต้องน้อมรับ และแต่งงานให้เข้ามาอยู่ในครอบครัว
“จริงเจ้าค่ะ” สาวรับใช้ด้านข้างเอ่ยสอพลอ และกำลังรินน้ำชาให้รั่วฮูหยิน ฮูหยินสูงศักดิ์แสยะมุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ที่ไม่ต้องการพยายามลุกยืน
ฟู่หลินหลินที่สะดุดล้มพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ได้ แล้วก็คะมำทั้งตัวถลามาอยู่ที่ใกล้ปลายเท้าของแม่สามี รั่วฮูหยินชักขยับเท้ากลับ ก่อนที่จะยกปลายเท้าชี้ไปที่หน้าของฟู่หลินหลิน
สาวใช้นางนั้นก้มโน้มลงมอง นางมีนามปู้เป่ยก็แสยะปากยิ้มร้าย ๆ ตามเจ้านายของมัน
“ผู้หญิงแคว้นจ้าวก็เป็นอย่างนี้แหละเจ้าค่ะ หาคนกิริยามารยาทงามได้ยากยิ่ง ยิ่งพวกที่ทรยศบ้านเมืองตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งไร้คุณสมบัติของผู้ดีไปอีกนะเจ้าคะ” ปลายเสียงหัวเราะฮึ ๆ ปู้เป่ยเอ่ย
‘ทรยศบ้านเมืองตัวเองอย่างนั้นหรือ เหตุใดกันล่ะ’ ฟู่หลินหลินคิดในใจ สับสนงงงวย กว่านางจะเข้าใจทุกเรื่องจะต้องใช้เวลาในการซักถามกับเจียงอ่าวเป็นวัน ๆ แน่นอน
“นี่เจ้า... ยังไม่รู้กาลเทศะเหมือนเดิมนะ”
เสียงรวบพัดตบเข้าหากันดังพรึบ ก่อนจะชี้มาที่ใบหน้าของฟู่หลินหลินอีก เมื่อฟู่หลินหลินได้ยินเช่นนั้นรีบตั้งสติ แล้วรีบลุกขึ้นยืน
“ฟู่หลินหลินคารวะท่านแม่” พร้อมทำท่าทางเหมือนที่เจียงอ่าวสอน และที่เห็นในจอโทรทัศน์ของที่บ้าน
รั่วฮูหยินไม่ตอบคำ เพียงแต่เบือนหน้าหนีราวกับจะไม่รับการคารวะจากนาง ฟู่หลินหลินเห็นดังนั้น ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รั่วฮูหยินคงไม่ชอบนางมากจริง ๆ ตอนที่ได้ยินเจียงอ่าวเล่า ยังไม่เห็นภาพ แต่ตอนนี้ชัดเจนยิ่งแล้ว
เกิดมายังไม่เคยมีใครทำอะไรให้ฟู่หลินหลินรู้สึกขุ่นเคืองได้เพียงนี้
‘แต่ที่นี่... ไม่ใช่บ้านท่านฟู่ ข้าต้องสงบใจ’ นางกำชับตัวเอง แม้ว่าตอนนี้ฟู่หลินหลินยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ก็เลยได้แต่ยืนนิ่งเฉยอยู่กับที่
เมื่อเห็นนางยืนอยู่ไม่ขยับไปไหน สักพักสาวใช้นางนั้นจึงได้หันหน้ามาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า
“อ้าว! ยังยืนเสนอหน้าให้ฮูหยินเห็นอีก นายหญิงคารวะแล้ว ก็ออกไปสิเจ้าคะ ฮูหยินไม่ชมชอบให้ท่านมายืนอยู่ต่อหน้านาน ๆ ไป ชิ้ว...” โบกมือไล่อย่างไม่ไยดี
ฟู่หลินหลินได้ยินก็ถึงกับอึ้ง นางไม่คิดว่าที่เรือนนี้แม้กระทั่งสาวใช้ยังเหยียดหยามนางได้ นางไปทำอะไรให้พวกเขาโกรธเกลียดถึงขนาดนี้กันแน่
สองมือกำหมัดขึ้นมา ‘จะจัดการเสียดีไหม’ หัวใจของฟู่หลินหลินเดือดดาล แต่ก็ต้องข่มทุกสิ่งที่ไม่พอใจเอาไว้ ฟู่หลินหลินรีบหมุนตัวกลับอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันที่นางกำลังจะเดินออกประตูด้วยซ้ำไป
แม่ทัพรั่วได้เดินข้ามธรณีประตูเข้ามาพอดี
“ข้าคิดว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ก็เลยมาตามน่ะ” ใช้สายตามอง ฟู่หลินหลินเพิ่งจะได้เห็นเขาแจ่มชัดก็ในตอนนี้
‘อะไรของเขา หล่อบ้าเบอร์นี้’ หัวใจของนางเต้นรัว
แม่ทัพรั่วกล่าวโดยที่ไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป แต่ฟู่หลินหลินอ้าปากตาค้าง จะได้สามีหน้าเหมือนกับออกมาจากจอโทรทัศน์ไม่ได้
“รั่วเฉิน เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ” รั่วฮูหยินรีบเอ่ยถามลูกชายของตนในทันที
“เปล่าขอรับท่านแม่ ลูกแค่จะมารับนาง เกรงจะทำให้ท่านแม่ขุ่นเคืองใจ อีกอย่างคือลูกมีเรื่องจะคุยกับนางสักหน่อยขอรับ” แม่ทัพรั่วตอบเสียงราบเรียบ
“ก็พานางไปสิ อ้อ... รั่วเฉิน เจ้าต้องสั่งสอนนางด้วยนะ เป็นลูกสะใภ้สกุลรั่วตื่นสายแบบนี้ น่าขายหน้ายิ่ง รู้ไปถึงไหน ๆ อายไปถึงนั่นแน่” มองด้วยดวงตาชิงชัง
“ขอรับท่านแม่” รั่วเฉินรีบโค้งก้มหัวให้กับมารดา
จากนั้นแม่ทัพรั่วก็เดินนำหน้าออกไป โดยมีฟู่หลินหลินเดินตามหลังเขาออกไปจากตรงนั้น
เจียงอ่าวเมื่อเห็นนายหญิงเดินตามหลังท่านแม่ทัพมา ก็รีบเข้าไปประกบเจ้านายของตน ส่งมือดันหลังให้นางเดินเร็ว เพื่อตามท่านรั่วที่เดินนำไปยังห้องเขียนหนังสือ แต่ยังไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ ท่านแม่ทัพก็หันมาสั่ง
“เจียงอ่าวรออยู่ข้างนอก แล้วก็ปิดประตูด้วย”
“เจ้าค่ะ” เสียงเจียงอ่าวขานรับ พร้อมกับหยุดอยู่กับที่ ฟู่หลินหลินหันมามอง
“ไปเจ้าค่ะ” ก้มงอตัว สายตามองหน้าของนายหญิง แล้วพยักพเยิด
อยู่ ๆ ฟู่หลินหลินก็ใจสั่นขึ้นมา เพราะเมื่อคืนนางได้มองหน้าเขาไม่ถนัดถนี่ แต่รู้ถึงการเคลื่อนไหวของเขาบนเนื้อตัวของนางทั้งทารุณและโหดร้ายในความรู้สึก
แล้วตอนนี้เขายังทำหน้าทำตาไม่หันมอง
‘แหม... ทำเข้มยิ่งกว่าตัวร้ายในละครเสียอีก’
ในเมื่อห้องนี้ มีเพียงแค่เขากับนางสองคนเท่านั้น ฟู่หลินหลินจึงเงยหน้ามองบุรุษท่านนี้ตัวใหญ่มาก ๆ
เมื่อคืนจินตนาการเอาไว้แค่สูงไม่เท่าไร แต่พอยืนใกล้ๆ ฟู่หลินหลินเหลือตัวเล็กนิดเดียว
ดวงหน้าน้อย ๆ ของนางแดงระเรื่อขึ้น ก็ในหัวสมองเต็มไปด้วยภาพจินตนาการในยามที่ท่านแม่ทัพขับเคลื่อนโยกขยับอยู่บนตัวของนางเท่านั้น
แม่ทัพรั่วหมุนตัวกลับมาหา หัวใจของฟู่หลินหลินตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใจหายและหวั่นไหว คิดไปหมด บางทีเขาอาจจะคิดทำอะไรที่มันไม่สมควรกับนางอยู่ในห้องอ่านหนังสือนี้ก็เป็นได้