ย้อนเวลามาเป็นภรรยาแสนชังของแม่ทัพรั่ว

100.0K · จบแล้ว
คุณธิดา
66
บท
15.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชะตาทำให้เธอต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สวรรค์กำหนดให้ฟู่หลินหลินนั้นได้ข้ามทะลุมิติไปอยู่ใต้ร่างของท่านแม่ทัพรั่วเฉิน ที่เขาเกลียดเธอเพราะคำว่าเธอคือของบรรณาการ และเมียเชลย แต่เกลียดอย่างไรท่านถึงได้จับกดข้าบ่อยเหลือเกิน เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เตรียมใจสั่น เพราะท่านแม่ทัพกินจุมาก นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียน ไม่อิงประวัติศาสตร์นะคะ +++++++ นางผวากอดรัดร่างของเขาที่ทาบทับลงมากอดรัดนางแน่น ๆ เช่นกัน คนทั้งคู่หายใจโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างหนัก ช่างเป็นอะไรที่เสพสุขสมใจของเขายิ่งนัก บุรุษผู้นั้นสุขสมกับการครอบครองและได้บอกให้นางได้รู้ว่าได้ตกเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อมาเขาก็ได้เอนกายลงบนเตียง นอนก่ายกอดเคียงข้างกายฟู่หลินหลิน แล้วหายใจสม่ำเสมอคล้ายคนหลับ เสียงหายใจแผ่วเบาของเขา ทำให้นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย ที่ว่ากลัวคือ... กลัวว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำอะไรตนเองอีก "นี่คืออะไรกันแน่ ทำไมข้าถึงมาโผล่ที่นี่ บนเตียงหลังนี้ ที่มีบุรุษผู้นี้อยู่ด้วย แล้วข้าก็เสียตัวให้เขา โอ้... สวรรค์ช่างแกล้งข้า เอ๊ะ! หรือว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น" ฟู่หลินหลินบ่นพึมพำ นางก็ใช้นิ้วมือหยิกตามร่างกายของนางปรากฏว่าก็รู้สึกเจ็บตามปกติ "โอ๊ะ โอ๊ย..." นี่ไม่ใช่ความฝัน... ถ้าไม่ใช่ความฝันแล้วเป็นอะไรไปได้เล่า ฟู่หลินหลินงงงวย ยิ่งคิดยิ่งเป็นกังวล จึงได้พยายามเค้นความทรงจำที่มีออกมา บนเขา กับครอบครัว หล่น ร่วง ตกเหว โอ้! ฉันตกเขา ใช่แล้ว... ตกลงมาจริง ๆ ฟู่หลินหลินได้แต่นอนตาค้าง วังวนความคิดยังเห็นจัง ๆ จะจะครอบครัวที่จากมา แม่... น้ำตาค่อย ๆ ไหล แม้จะไม่เข้าใจว่าจริงคือจริง จริงหรือว่าฝันไป

นิยายรักโรแมนติกนิยายทหารนิยายรักนิยายจีนโบราณนิยายย้อนยุคเทพสงครามแม่ทัพข้ามมิติแต่งงานแทนศัตรูกลายคนรัก

บทที่ 1 จะพาข้าไปที่ใดกัน?

เขาเถาซาน เป็นภูเขาที่ค่อนข้างโล่ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ต้นไม้ต่าง ๆ ดูไม่สดใสเท่าที่ควร บนพื้นแทบจะไม่มีหญ้าขึ้น

หิมะปรอยลงมาบ้างเล็กน้อย ทำให้ถนนที่เป็นเพียงแค่ร่องทางเดินน้อยนิดนั้นออกจะลื่นและเฉอะแฉะ ผู้ที่จะสัญจรทางนี้ก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง

ในเวลานี้อากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นทำให้บรรยากาศบนเขาลูกนี้ออกจะน่าขนลุกอยู่บ้าง สายลมฤดูหนาวพัดมาเอื่อย ๆ คนเจ็ดคนบนไหล่เขาเถาซาน กำลังเดินขึ้นเขาไปชมวิว ต่างพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน

จุดหมายของพวกเขานั้น คือจะไปให้ถึงจุดชมวิวก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศสวยงามของดวงอาทิตย์กลมโตสีสวยก่อนที่จะลาลับขอบฟ้าบนที่นั่น

ฟู่หลินหลิน ลูกสาวคนกลางของตระกูล เธอมัวแต่ชมธรรมชาติอยู่ จึงเดินรั้งท้ายทุกคน ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านมา นางจะเป็นอย่างนี้เสมอ ก็คือเล่นซนและมัวแต่สนใจสิ่งรอบข้าง จนตามคนอื่นเขาไม่ทัน

ฟู่จั๋วเฉิง ลูกชายคนสุดท้องที่ชอบทำตัวมั่งคั่ง เพิ่งจะได้กล้องถ่ายรูปมาใหม่ เป็นกล้องถ่ายรูปฟิล์มขาวดำขนาดใหญ่พอสมควร แต่เขาก็ยังแบกมาด้วย เพื่อที่จะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินให้ได้

ฟู่เหว่ยกวงและฟู่หวั่นอิ๋น พี่ชายของเขากำลังเดินนำหน้า ส่วนน้องสาวคนเล็กฟู่จื่ออี้ ก็เดินไปร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ตรงกลางขบวนเป็นท่านฟู่กับหลินฮวา ผู้ซึ่งเป็นปู่กับแม่ของพวกเขา

“พี่หลินหลินเจ้าเดินให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินเอาน่ะ” ฟู่จั๋วเฉิงที่คิดว่าจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินนั้นใจร้อนเป็นอย่างยิ่ง

ฟู่หลินหลินหันหน้ามาแล้วตะโกนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ารีบนักก็ไปคนเดียวก่อนเลย แหมจะอะไรกันนักหนาเล่า มาเที่ยวนะ ไม่ได้มาแข่งกันเดินเร็ว”

“แม่ ดูพี่หลินหลินสิชักช้าแล้วยังจะไม่สนใจคนอื่นอีก” ผู้เป็นน้องชายหันไปฟ้องแม่ตามเคย หลินฮวาเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเริ่มจะทะเลาะกัน ก็รีบห้ามไว้

“หลินหลิน ลูกก็เดินให้เร็วขึ้นหน่อยเถอะน่า ทุกคนจะได้ไปถึงพร้อมกัน ส่วนลูก... จั๋วเฉิงก็ช่วยใจเย็น ๆ ลงสักนิด อย่างไรพวกเราก็ไปทันอยู่แล้ว”

หลังจากที่หลินฮวาพูดจบ ฟู่หลินหลินก็รีบวิ่งมาเพื่อที่จะให้ทันผู้อื่น แต่ทันใดนั้นเองขาข้างหนึ่งของนางก็เหยียบพลาดลื่นไถล ทำให้เธอตกลงไปในเหวเบื้องล่าง

“กรี๊ด...” ฟู่หลินหลินกรีดร้องเสียงดังลั่น

ฟู่เหว่ยกวงและฟู่หวั่นอิ๋น พี่ชายทั้งสองของเธอรีบยื่นมือออกไป เพื่อจะคว้าฟู่หลินหลินเอาไว้ แต่ว่าก็ไม่ทัน

ฟู่หลินหลินตกลงไปเสียแล้ว...

บรรยากาศรอบตัวที่สดใสเมื่อสักครู่ ตอนนี้เหมือนจะค่อย ๆ ดับมืดจนแทบไม่เห็นอะไร ตัวของฟู่หลินหลินหล่นกระแทกอะไรบางอย่างดังตุบแล้วกระเด้งออก

ก่อนที่ร่างของเธอจะตกลงไปเบื้องล่าง ฟู่หลินหลินก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย ทุกอย่างเหมือนถูกกลืนด้วยสีดำหม่นหมองไปหมด ราวกับว่านางฟู่หลินหลินตกอยู่ในห้วงของความฝัน

ความฝัน… ความฝัน… ความฝัน…

ฉันกำลังฝันไป...

‘สีดำ มืด ดำจริง ๆ มองไม่เห็นอะไรเลย ฉันอยู่ที่ไหน’

พรึบ... ทุกอย่างสงบนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ยินเสียงใคร หรือสรรพสัตว์ต่าง ๆ ที่เคยได้ยินก่อนหน้า ไม่มีอะไรเลย…

ขวับ...

ในที่สุดฟู่หลินหลินก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ดวงตาทั้งสองข้างยังไม่เปิดออกกว้างดี จึงทำให้นางมองเห็นอะไรไม่ชัด ทุกอย่างมันดูมัวหมองและหม่น ๆ

แต่ทว่า... ‘เหตุใดร่างกายส่วนล่างของฉัน’

“อื้อ อื้อ อื้อ...” เสียงที่เผลอคราง ฟู่หลินหลินรู้สึกว่ามีอะไรขยับเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ตรงกลางลำตัว

และกำลังมีใครสักคนแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างปลีน่องทั้งสองข้าง เริ่มมีความรู้สึกว่าพื้นผิวบริเวณนั้นก็ชุ่มแฉะไปหมด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่มันก็ให้ความรู้สึกสุขสมอย่างบอกไม่ถูก

‘เอ๊ะ... อย่างนี้ไม่ถูกต้องสิ’ ฟู่หลินหลินกำลังคิดทบทวน และนึกว่า... มันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ และฉันอยู่ที่ไหน

‘ฟู่หลินหลินควรจะอยู่ที่เขาเถาซานกับครอบครัวมิใช่หรือ เหตุใดจึงได้จึง...’ ฟู่หลินหลินเปิดตาเบิกกว้าง นางลืมตาโพลงมองบุคคลที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่บนร่างกายของตนเอง

และเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า... ภาพที่ปรากฏอยู่...

‘ผู้ชาย? เขา? เขาเป็นใคร?’ คำถามวนเวียนอยู่เต็มหัว มึนงง และไม่รู้จักเขาคนนี้

ที่น่าตกใจที่สุด ก็คือร่างกายของตนเองกำลังอยู่ในสภาพที่เปล่าเปลือย และมีบุรุษผู้หนึ่งกำลังโยกแกนกายเข้า ๆ ออก ๆ อยู่

ฟู่หลินหลินตกใจแทบสิ้นสติลงไปอีกครั้ง

“กรี๊ด...” ฟู่หลินหลินอ้าปากร้องส่งเสียงดังออกมา แต่ว่าบุรุษผู้นั้นกลับใช้กลีบปากของเขาก้มลงมาปิดปากนางเอาไว้อย่างหยาบคาย ทั้งบดบี้ และดูดดุนปลายลิ้นของฟู่หลินหลิน

ร่างเล็ก ๆ สั่นส่ายสะท้านสะเทือน

‘นี่มันอะไร ฉันงงไปหมดแล้ว’

“อึก อื้อ อ้า...” คำที่เปล่งออกมาหลังจากที่เขาผละกลีบปากออก แล้วยังการกระทำการตอกโยกยกท่อนแข็งที่ขยับยัดเหยียดความเป็นสามี และสร้างความสำราญให้กับตนเอง

เขาอ้ากลีบปากของตนเอง และส่งเสียงครางขรมกระเส่าลั่นดังอยู่ในลำคอ และบางคราวเสียงทุ้มอย่างสุขใจก็เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก

แล้วชายผู้นั้นยังเคลื่อนใบหน้าลงไปใช้กลีบปากร้อน ๆ ครอบครองยอดอิ่มของฟู่หลินหลินด้วย การดูดที่รุนแรงราวกับการดูดดื่มกินน้ำนมจากอกเหมือนกับเด็กน้อยทารกที่กระหายนมมารดา