บทที่ 2 กลับมาเพื่อพบกันอีกครั้ง
"คุณชาย อยู่ที่เมืองหลวงก็ดีอยู่แล้ว จะมาลำบากที่นี่ทำไมกันครับ หากว่าต้องการมาดูการก่อสร้างโรงงานและห้างสรรพสินค้าของนายท่าน แค่ส่งคนมาก็ได้ ไม่เห็นจะต้องมาลำบากด้วยตัวเองเลยนี่ครับ"
เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนใจ
หลายวันก่อนคุณชายกู้ ลูกชายตนเล็กของท่านนายพลกู้และคุณนายเฝิงเกิดล้มป่วยขึ้นมากระทันหัน หลังจากที่หายป่วยและได้สติกลับคืนมาเขาก็มีนิสัยแปลกประหลาดมากกว่าเดิม เอาแต่บอกว่าเบื่อนั่นเบื่อนี้ ไม่อยากอยู่เมืองหลวง อยากมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ในเมื่อโรงงานของคุณนายเฝิงกำลังจะมาเปิดที่เมืองซานซู เขาก็รีบเสนอหน้าบอกว่าจะมาดูแลให้แทน ทั้งที่ผ่านมาทำงานไม่ได้ความอะไรเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลกู้มีกิจการที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษมากมาย อีกทั้งทายาทรุ่นที่เก้ายังได้เป็นถึงนายพล นับว่าเป็นทายาทคนที่สองที่เข้าร่วมกองทัพและมียศตำแหน่งเป็นที่นับหน้าถือตา ตระกูลกู้เป็นตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลเป็นที่เคารพนับถือของคนในเมืองหลวงอย่างมาก
ตระกูลกู้รุ่นที่เก้าในปัจจุบันมีทายาทสองคน คนโตเป็นลูกสาว นามว่ากู้หลานปีนี้อายุยี่สิบสองปี ส่วนลูกชายคนเล็กมีนามว่ากู้อวิ๋นฟานปีนี้อายุยี่สิบปีเดิมทีนายพลกู้อยากให้ลูกชายเดินรอยตามเขาเป็นทหารแต่กู้อวิ๋นฟานเป็นคนไม่เอาไหน ชอบเที่ยวเตร่ใช้ชีวิตไร้แก่นสารไปวันๆ จะเที่ยวเตร่ก็แล้วไปเถอะ แต่ถึงขนาดมาปลอมตัวเป็นคนตกยากและมาใช้ชีวิตในบ้านนอกแบบนี้ิ เขาคงดูละครมากเกินไป!
กู้อวิ๋นฟานที่ได้ยินพ่อบ้านหม่าเอ่ยเช่นนั้นก็หันมามองทันที
"ผมก็บอกลุงหม่าแล้วว่าให้อยู่บ้าน ลุงหม่าจะไสหัวตามมาทำไมครับ"
"ก็เพราะเป็นห่วงคุณชาย ผมจึงต้องไสหัวตามมาอย่างนี้ไงละครับ"
กู้อวิ๋นฟานถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่่ย ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านที่ได้ทำการเช่าซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้ สภาพบ้านค่อนข้างเก่าแต่ก็ยังนับว่าพออยู่ได้ เหมาะกับอาชีพเถ้าแก่ร้านโจ๊กที่เขากำลังจะเปิดอยู่พอดี
"คุณชายครับ รถของเรา"
"เอาไปฝากไว้ที่โรงงานก่อน ต่อไปนี้เราต้องปั่นจักรยานกันแล้ว ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านละแวกนี้เข้าไว้ อ้อ ลุงหม่า เลิกเรียกผมว่าคุณชายสักที เรียกผมว่าอาฟาน ต่อไปนี้ลุงคือลุงแท้ๆของผม เข้าใจไหม"
"คุณชาย คุณเหงาเหรอคับ ถึงมาทำตัวเป็นพ่อค้าตกยากอยู่ที่นี่"
"ไม่ต้องถามมากได้ไหม รีบๆไปทำความสะอาดบ้าน แล้วก็เจ้าพวกนั้นที่พ่อส่งมาน่ะ ส่งมันไปทำงานในโรงงาน อย่ามาเสนอหน้าอยู่แถวนี้"
เอ่ยจบเขาก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
หลังจากที่กินมื้อเย็นอิ่มแล้ว กู้อวิ๋นฟานก็มานอนพักในห้องของตนเอง ห้องนี้เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ตระกูลกู้ของเขาแล้วนับว่าเล็กเท่ารังหนู ชายหนุ่มเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง พระจันทร์คืนนี้สวยมาก แต่คงสวยไม่เท่ากับหญิงสาวคนนั้นในชาติที่แล้ว
ชาติก่อนเพราะต้องมาดูงานให้แม่ และมาสืบดูความเป็นไปของคู่แข่งทางธุรกิจ กู้อวิ๋นฟานนึกสนุกจึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายโจ๊ก คอยสืบเรื่องนั้นเรื่องนี้ของธุรกิจฝ่ายตรงข้าม เดิมทีเขาเป็นพวกไม่ชอบออกงานสังคม เอาแต่เที่ยวเล่น น้อยคนนักจะได้เห็นหน้าค่าตาลูกชายคนเล็กของนายพลกู้ ยิ่งมาอยู่ที่บ้านนอกแบบนี้คนยิ่งไม่รู้จักเขา กู้อวิ๋นฟานยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
แต่ความสนุกนี้กลับนำพาให้เขาได้พบเจอกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าอวี้จิน
เขายังจำเด็กสาวคนนั้นได้ไม่มีวันลืม แรกเริ่มเขาเพียงคิดจะเล่นสนุกกับเธอ แต่เมื่อได้รู้จักอวี้จินมากขึ้น เขากลับสงสารเธอเหลือเกิน
จากความสงสารกลายเป็นความเห็นใจ จากความเห็นใจแปรเปลี่ยนเป็นความรัก เขามักหยอกล้อเธอสารพัด แต่เด็กสาวกลับไม่เล่นด้วยเอาแต่นิ่งเงียบ
มีอยู่วันหนึ่งเขาต้องกลับไปจัดการเรื่องที่บ้าน เดิมทีตั้งใจว่าจะกลับมาสู่ขออวี้จิน ทางบ้านของเขาไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก พ่อและแม่เขารวมถึงพี่สาวก็ทำตัวสบายๆกันทั้งบ้าน เขาเชื่อว่าอวี้จินจะต้องเป็นที่รักของคนในครอบครัวของเขาแน่นอน
แต่ในวันที่เขากลับมา คือวันที่เธอแต่งงานกับชายวัยกลางคนซึ่งเป็นเถ้าแก่ร้านขายเนื้อไปเสียแล้ว
เขาไม่เข้าใจว่าอวี้จินกำลังคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มคิดจะไปถามให้รู้เรื่อง แต่เธอกลับเอาแต่หลบหน้าเขา เขาเสียใจมาก จึงไม่อยากยุ่งกับเธออีก
แต่เพราะในใจยังรัก เขาจึงเฝ้าติดตามดูเธอ อยู่ห่างๆ สุดท้ายแล้ว อวี้จินก็เสียชีวิตลง
เขาไม่ได้รู้เรื่องราวในบ้านของเธอมากนัก จากที่สั่งให้คนไปตามสืบก็ได้ข้อมูลเพียงว่าที่อวี้จินยอมแต่งงานเพราะคนที่บ้านต้องการใช้เงิน กิจการของตระกูลอวี้ถูกขายให้นายทุนคนอื่นไปหมดแล้ว
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวที่มีรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้น จะต้องมาตายจากไปอย่างน่าสงสารเช่นนี้
ทุกคนในบ้านตระกูลอวี้ไม่สนใจความเป็นตายของเธอ มีเพียงเขาที่ช่วยจัดงานศพให้เธออย่างเงียบๆ
หลังจากอวี้จินตาย คนในบ้านตระกูลอวี้ยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข พ่อและแม่เลี้ยงของเธอยังลอยหน้าลอยตาใช้เงินมือเติบ ส่วนน้องสาวก็ได้แต่งงานกับคนมีเงินซึ่งเป็นเจ้าของกิจการที่มาเปิดใหม่ในเมืองซานซู
ดูเหมือนว่าเรื่องของอวี้จินจะค่อยๆถูกคนลืมเลือนไปตามกาลเวลา
ตั้งแต่อวี้จินจากไป เขาก็ไม่เคยรักใครได้อีกเลย ชายหนุ่มใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ทำการทำงาน ไม่เอาอะไรสักอย่าง มีอยู่วันหนึ่งเขาถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่เมืองซานซูใกล้หลุมศพของอวี้จิน กิจการตระกูลกู้เริ่มถดถอย พี่สาวเขาก็ล้มป่วยเพราะความเครียด เขาเองก็บาดเจ็บหนัก ไม่นานก็จบชีวิตลง
ไม่รู้ว่ามันเกิดเหตุพิลึกอะไร สุดท้ายเขาจึงย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างเดิมตอนอายุยี่สิบปีแบบนี้
แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
และนี่ก็คือเหตุผลที่เขามาที่เมืองซานซู ไม่ใช่เพราะเรื่องงานเพียงอย่างเดียว แต่ชาตินี้เขาตั้งมั่นในใจแล้วว่า จะต้องแต่งอวี้จินเป็นภรรยา และที่สำคัญ เขาจะต้องหาตัวคนร้ายที่ลอบยิงเขาที่เมืองซานซูในชาติก่อนให้ได้ และจะไม่มีวันยอมให้ตระกูลกู้ต้องถดถอยลงไปเช่นชาติที่แล้วเป็นอันขาด
"คุณชายครับ ลุงหม่าเองครับ"
เสียงเรียกของลุงหม่าทำให้กู้อวิ๋นฟานละความคิดจากเรื่องในอดีต ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู
"ว่ายังไงลุงหม่า"
พ่อบ้านหม่าเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอ่ย
"ตระกูลอวี้ที่คุณชายให้ผมไปสืบ ตอนนี้ได้ยินว่าไม่มีคนอยู่บ้านเพราะไปเยี่ยมลูกสาวคนโตที่ชื่ออวี้จินซึ่งป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลกาชาดครับ"
กู้อวิ๋นฟานเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น ตอนที่เขามาที่นี่ในเวลานี้ อวี้จินยังคงเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลาย อีกทั้งร่างกายก็แข็งแรงไม่ได้เจ็บป่วยเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมต่อนนี้เธอถึงป่วยหนักได้
"รู้ไหมครับว่าเธอป่วยเพราะอะไร"
"ไม่รู้เลยครับ"
"ตาแก่นี่ไร้ประโยชน์ซะจริง"
พ่อบ้านหม่าถึงกับกลอกตาก่อนจะเอ่ย
"ก็ไม่ใช่เพราะตาแก่นี่เหรอครับที่เดินลากขาไปตามสืบให้คุณชาย"
"ช่างเถอะ ขอบคุณมาก ผมจะนอนแล้ว พรุ่งนี้เตรียมเปิดร้านโจ๊กด้วย"
พ่อบ้านหม่าที่ได้ยินก็เอ่ยถามทันที
"แล้วใครจะขายละครับ"
"ลุงนั่นแหละ อ้อ ตามคนของพ่อมาช่วยต้มโจ๊กด้วย"
พ่อบ้านหม่า"..."
สรุปแล้วมันกิจการใครกันแน่ละเนี่ย!
