บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 : จะทำอย่างไรดี 1/2

ตอนที่

[3]

จะทำอย่างไรดี

วันต่อมา

นางตั้งใจว่าจะไปเฝ้าดูเขาอีกครั้ง แต่ท่านแม่กล่าวว่าวันนี้นับไปอีกหกวันจะต้องช่วยกันทำปุ๋ยมูลสัตว์ทั้งยังต้องนำไปโปรยที่นาข้าวเพื่อให้ข้าวมีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากว่าในทุก ๆ ปีจะมีเพียงแค่นางและมารดาช่วยกันสองคนเท่านั้น เพราะชาวบ้านคนอื่นต่างก็ยุ่งกับไร่นาของตนเอง หากจะจ้างผู้ใดก็ต้องเสนอค่าจ้างที่สูง การช่วยกันสองคนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่...ปีนี้ท่านแม่กล่าวว่าจะมีป้าเถียนมาช่วยเพราะสงสารที่ป้าเถียนต้องดูแลลูกที่ป่วย จึงได้จ้างให้ป้าเถียนมาช่วยงานด้วย แต่อย่างไรก็เป็นสตรี ทั้งป้าเถียนยังเป็นคนต่างถิ่นทั้งยังไม่รู้ว่ามีประสบการณ์การทำนามาหรือไม่ ดังนั้น จึงได้ใช้เวลาดำเนินการเรื่องนี้หลายวัน ดีที่บ้านนางไม่ได้มีที่นามากถึงเพียงนั้น ไม่เช่นนั้นนางคงจะคิดหนักเพราะกลัวว่าจะไม่ทันวันที่เขาไปสำนักศึกษาเป็นแน่

แต่อย่างไรก็เสียดายอยู่ดี

เป็นดังคาด ว่าต้องใช้เวลาในการจัดการนาข้าวหลายวันจริง ๆ ด้วย อีกทั้งป้าเถียนก็ดูไม่ชำนาญหรืออาจจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยทำนามาก่อนจริง ๆ นางดูผิวพรรณที่มือของอีกฝ่ายมันทั้งขาวเนียนและดูบอบบาง สามารถบ่งบอกได้ว่ามือนั้นน่าจะไม่ค่อยได้ทำงานหนักมาก แต่เมื่อท่านแม่ถามความเห็นของอีกฝ่ายว่าจะต้องมาผสมปุ๋ยมูลสัตว์และนำไปโปรยนาเช่นนั้น อีกฝ่ายจะทำได้หรือไม่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่นว่าทำได้

ท่านแม่และนางจึงหันมองหน้ากัน ก่อนที่ท่านแม่จะพยักหน้า และเข้าไปสอนป้าเถียนทีละขั้นตอนอย่างละเอียดด้วยความตั้งใจ ป้าเถียนก็ตั้งใจเรียนรู้เช่นกัน และเป็นที่น่าตกใจมากที่ป้าเถียนเรียนรู้ได้เร็วมาก งานทุกอย่างจึงดำเนินการเร็วขึ้น นางจึงได้นอนพักหนึ่งวัน ก่อนที่วันพรุ่งนี้จะตามเขาไปที่สำนักศึกษาและครั้งนี้นางจะไม่พลาดโอกาสนั้นอีกแล้ว

วันรุ่งขึ้น นางตั้งใจแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุดที่มีในตู้ ทั้งยังผัดแป้งรวมถึงทาชาดอ่อน ๆ ด้วย ยามที่พบหน้ากับท่านแม่ ท่านแม่ถึงกับเบิกตากว้างแต่ไม่นานก็เอ่ยเย้านางว่า วันนี้จะไปสู่ขอลูกเขยมาให้แล้วหรือ

นางที่ได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นจะทำอย่างไรได้

ก็รีบวิ่งหนีน่ะสิ!

นางก็เขินอายเป็นนะ

อีกนัยหนึ่งก็รู้สึกดีเหลือเกินที่มารดาเข้าใจ

ไม่รู้ว่าสวรรค์เบื้องบนเกลียดชังนางหรืออย่างไร วันนี้คุณชายหานหรือก็คือสหายของเขาผู้นั้นก็นั่งรถม้าเพื่อไปสำนักศึกษาด้วย นางจึงได้แต่เดินหงอยเหงาตามเขาไปอย่างห่าง ๆ พร้อมทั้งคิดวิธีการในหัว นางต้องรอเขาอีกสามชั่วยาม หากรอแล้ว สหายผู้นั้นก็ต้องกลับกับเขาอยู่ดี หรือนางจะไม่สนคุณชายหานหรือผู้ใด เข้าไปคุยกับเขาตามตรงเลย แต่นั่น.....เขาจะมองนางว่าอย่างไร

‘หยวนซีเวยตั้งสติ เจ้าได้โอกาสในการย้อนมาแล้ว จะทำอันใดก็รีบทำ!’

ถึงจะคิดได้เช่นนั้นแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว.... ถึงหน้าสำนักศึกษาแล้ว...

และวันนี้คล้ายจะมีความคึกคักบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อทั้งเหล่าอาจารย์และนั่น นายท่านจิ้น! เจ้าของกิจการร้านขายและรับซื้อพืชพันธุ์ที่ใหญ่ในอำเภอซื่อซวนที่นางมักนำผลผลิตทางการเกษตรไปขายกับเขาเป็นประจำนี่

เขามาที่นี่ทำไมกัน

และยิ่งเมื่อนายท่านจิ้นผู้นั้นพบหน้าเจิ้งซีฮันเขายิ่งมีสีหน้าที่ดีใจทั้งยังยิ้มกว้างยิ่งขึ้น นางจึงรีบหาโอกาสไปหลบซ่อนที่หลังก้อนหินก้อนนั้นอีกครั้ง

นางพยายามจับใจความเรื่องทั้งหมด จึงได้ความว่า บุตรชายของเขา ‘จิ้นหยู่ถง’ หลังจากที่ได้เรียนกับเจิ้งซีฮันเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถที่จะอ่านตำราทั้งยังเข้าใจตำรานั่นได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ แม้ตำรานั่นจะเป็นตำราพื้นฐานก็ตาม แต่สำหรับเด็กที่ไม่ชื่นชอบในการอ่านและการเล่าเรียนนี่ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลจิ้นแล้ว

วันนี้เขาจึงนำอาหารและเหล่านักดนตรีมาสร้างความสำราญให้กับเจิ้งซีฮันและเหล่าบัณฑิตในสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ผู้ที่ถูกกล่าวว่ามีความดีความชอบอย่างเจิ้งซีฮันจะปฏิเสธเพียงใด แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้

กล่าวว่าอย่างไรก็ต้องตอบแทนอยู่เช่นนั้น จนเหล่าอาจารย์ต้องเป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้เจิ้งซีฮันตกลงแทน กล่าวว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น ถือว่าเป็นการผ่อนคลายให้กับเหล่าผู้เล่าเรียน และในที่สุดเมื่อถูกโน้มน้าวจากเหล่าอาจารย์หลายคนเจิ้งซีฮันจึงต้องพยักหน้าอย่างจำยอม

นายท่านจิ้นปรบมืออย่างชอบใจ ทั้งยังกล่าวว่านอกจากอาหารและเหล่านักดนตรีแล้วเขายังเตรียมการละเล่นมาอีกหลายอย่าง จึงรีบกล่าวให้ทุกคนเข้าไปสนุกกันด้านในได้เลย เมื่อทุกอย่างผ่านการเห็นชอบแล้ว นายท่านจิ้นจึงส่งสัญญาณให้เหล่านักดนตรีบรรเลงเพลงขึ้นทันที บรรยากาศจึงดูครื้นเครงขึ้น จากนั้นทุกคนก็พากันทยอยเข้าไปด้านในสำนักศึกษาด้วยความสดชื่นแจ่มใส

ต่างกับผู้ที่อยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ที่ถอนหายใจทั้งยังทรุดลงที่หลังโขดหินด้วยความสิ้นหวัง

เหตุใดอุปสรรคนางจึงมากมายเพียงนี้

เพียงแค่จะหาโอกาสเพื่อได้พูดคุยกับบุรุษในดวงใจ มันต้องคิดและหาโอกาสมากมายมากเช่นนี้เลยหรือ นางชันเข่าขึ้นและฟุบหน้าลงกับเข่าตนเอง

จังหวะที่นางกำลังใช้ความคิดของตนอยู่นั้น นางก็รับรู้ได้ว่ามีเสียงก้าวย่างของใครบางคน ไม่สิ!

หนึ่งคน

สองคน

สามคน

สี่คน

ห้าคน

มีถึงห้าคน!

เมื่อนางเงยหน้าขึ้น ก็พบกับบุรุษที่หน้าตาและท่าทางไม่น่าไว้วางใจทั้งสิ้นห้าคน กำลังยืนตีวงล้อมและมองนางอยู่ จากนั้นบุรุษที่ยืนตรงหน้านางก็เหยียดยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า

“เป็นสตรีมาแอบมองบุรุษเช่นนี้ไม่ดีเลยนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel