ตอนที่ 10 : ทำข้อตกลง
ตอนที่
[8]
ทำข้อตกลง
เมื่อเขาบอกให้นางลงไปคุยกับเขาที่ด้านล่าง ในใจนางมีความคิดหนึ่ง ‘เขากำลังจะหลอกให้นางลงไปแล้วให้คนมาจับตัวนางไปหรือไม่’ เจิ้งซีฮันก็คล้ายจะล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใด จึงได้เอ่ยออกมา
“ข้าไม่ให้คนมาจับเจ้าไปหรอก ข้าเพียงอยากพูดคุยบางอย่างกับเจ้าก็เท่านั้น”
พูดคุยหรือ
เมื่อมองหน้าเขา เขาก็ไม่ได้มีท่าทีจะหลอกนางแต่อย่างใด นางจึงตัดสินใจค่อย ๆ เดินเหยียบกิ่งไม้ไต่ระดับลงไปเรื่อย ๆ จวบจนกระทั่งเหยียบที่ด้านบนของกำแพง
“เช่นนั้นข้าจะโดดลงไปนะเจ้าคะ”
“อืม”
นางยู่หน้าครู่หนึ่ง เขาตกลงแต่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมารับนางแต่อย่างใด นี่นางกำลังหวังอันใดอยู่ เอาเถิดนางเป็นสตรีแข็งแรงอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นก็กระโดดลงไปทันที
ตุบ!
ดีที่กำแพงมีความสูงที่นางสามารถโดดลงไปได้ นางตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยืนขึ้นเต็มความสูง
เจิ้งซีฮันที่มองการกระทำของหยวนซีเวยมาตั้งแต่ต้น ได้แต่คิดในใจว่า นี่นางเป็นสตรีแบบใดกันแน่ หน้าตาดูจิ้มลิ้มว่าง่าย แต่เหตุใดจึงทำหลาย ๆ อย่างที่เขาคาดไม่ถึงเช่นนั้นได้
“คุณชายมีอันใดจะพูดคุยกับข้าหรือ”
นางเห็นเขามองนางไม่ละสายตาเช่นนั้น แม้ในใจจะรู้สึกขัดเขิน แต่สายตาของเขามิได้มองด้วยความเสน่หา แต่เต็มไปด้วยความฉงน นางจึงได้แต่คิดด้วยความสงสัยแทนว่าเขากำลังคิดสิ่งใดกันแน่
“อ้อ ข้าเพียงจะถามว่า เจ้าคิดจะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ”
“ท่านหมายถึง......”
“ปีนต้นไม้ข้างกำแพงเรือนข้าเช่นนี้ เจ้าคิดว่านี่เป็นสิ่งที่สตรีสมควรทำจริง ๆ หรือ” เขากล่าวเสียงเรียบ
“หากเป็นสตรีทั่วไป...ก็ไม่ควรทำ แต่ข้าไม่ใช่สตรีทั่วไป”
“อย่างไร”
หยวนซีเวยมองหน้าเขาและสบสายตาคู่นั้น นางมีถ้อยคำมากมายที่อยากจะบอกเขา
“คุณชายเคยได้ยินเรื่องย้อนเวลากลับมาเพื่อแก้ไขบางอย่างหรือไม่”
“ย้อนเวลาเช่นนั้นหรือ”
“ใช่ บางที ข้าอาจจะเคยเจอท่านมาก่อน แล้วพลาดโอกาสในการทำบางอย่างไป แต่เมื่อได้ย้อนกลับมา เลยอยากจะลองเปลี่ยนมันดู” นางกล่าวอย่างระมัดระวังทั้งยังมองท่าทีของเขา
“เจ้าจะกล่าวว่าเจ้าเป็นคนที่ย้อนเวลามางั้นหรือ”
“หากข้าตอบว่าใช่....”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้นเขาจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้นางเรื่อย ๆ อย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำเช่นนี้ ยิ่งใกล้หัวใจนางยิ่งเต้นแรงราวกับเสียงกลองร้องทุกข์หน้าที่ว่าการอำเภอ ยิ่งใกล้กลิ่นหอมเย็นจากกายเขายิ่งทำให้นางไม่สงบและ...ยิ่งใกล้ใบหน้างดงามของเขายิ่งล่อลวงให้นางราวกับถูกมัวเมาด้วยสุราที่มีฤทธิ์แรง
นี่เขาจะทำอันใด
กำลังจะฆ่านางหรือ
เขายกแขนขึ้นมา ทั้งยังเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้นางมากขึ้น ในช่วงจังหวะนั้นนางแทบจะหลับตาลงไม่ทัน ทั้งยังคิดว่าเขาจะทำอันใดกันแน่ แต่นางกลับต้องเบิกตากว้าง
โป๊ก!
“โอ๊ย”
ดีดหน้าผากนาง!
ทั้งยังกล่าวว่า
“เพ้อเจ้อ”
นี่เขา....
คิดแล้ว ว่าเขาต้องไม่เชื่อนาง
ด้านเจิ้งซีฮันที่เข้าไปใกล้นางเมื่อครู่ เขาก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจ แต่ไม่แน่ชัดว่าคือสิ่งใด
จนกระทั่งนางกล่าวขึ้น สติของเขาจึงกลับมา แต่ความรู้สึกที่นิ้วมือยังคงชัดเจน เขาเพิ่งทำเช่นนี้กับสตรีเป็นครั้งแรก ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น
“เหตุใดท่านต้องดีดหน้าผากข้าด้วย” หยวนซีเวยกล่าวทั้งลูบหน้าผากของตน
“เพราะเจ้ากล่าวเพ้อเจ้อ”
“ท่านไม่เชื่อก็ช่างเถิด แต่ข้าอยากจะบอกว่าข้าไม่ได้เพ้อเจ้อ” นางกล่าวพร้อมทั้งมุ่ยหน้าและก้มหน้าลง ที่จริงแล้วเมื่อครู่แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สัมผัสของเขาที่อยู่หน้าผากของนาง มันยังไม่จางหายไป
นี่เป็นการใกล้ชิดแบบถูกเนื้อต้องตัวกันครั้งแรกระหว่างนางกับเขา หยวนซีเวยคิดแล้วก็รู้สึกหวานล้ำในใจ
“พักเรื่องย้อนเวลาของเจ้าไว้ เจ้าบอกเหตุผลของเจ้ามาดี ๆ เหตุใดจึงได้ปีนป่ายไปอยู่บนต้นไม้เพื่อคอยมองข้าเช่นนั้น เจ้า....”
“เพราะข้าชอบท่าน”
“……”
ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วต้องเอาให้สุดเลย
“ข้าชอบท่านมาก”
“……”
“แต่ข้าไม่ได้หวังว่าท่านจะต้องชอบข้าตอบ หรือหวังแม้กระทั่งไปปีนเตียงท่าน ที่ข้าบอกว่าต้องการเฝ้ามองท่าน ข้าต้องการเพียงเท่านั้นจริง ๆ อีกทั้งยังมี...” นางคิดถึงเรื่องที่เขาป่วยกะทันหัน
“ยังมีอันใด” เจิ้งซีฮันที่ถูกสารภาพความในใจแบบกะทันหันกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ไว้อย่างไรสักวันข้าจะบอก” แต่ถ้ามันไม่เกิดขึ้น ถ้าเขาหายหรือยับยั้งไว้ได้ทัน นางก็ไม่จำเป็นต้องบอกสิ่งใด
“เอาเป็นว่า ข้าชอบท่าน แต่จะไม่รบกวนท่าน ขอแค่ได้มองท่านจากที่ตรงนั้นก็พอ” นางชี้ไปที่บนต้นไม้
ที่จริงที่นางสารภาพความในใจกับเขา มิใช่ว่านางเก่งกาจแต่อย่างใด ในใจมันสั่นไหวจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว แต่ถ้าหากนางไม่ทำอันใด เกรงว่าชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสได้บอกเขาดังเช่นชาติที่แล้ว
“เจ้าอย่าทำเช่นนี้จะดีกว่า”
“คุณชายข้าขอเพียงวันละสามชั่วยามก็พอ ไม่ขอไปมากกว่านั้น”
“ไม่ได้”
“เช่นนั้นสองชั่วยามได้หรือไม่ ข้าจะมาตั้งแต่ยามเว่ยเป็นต้นไป ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่รบกวนท่าน จะอยู่เงียบ ๆ ราวกับไร้ตัวตน ไม่ให้ท่านรู้สึกอึดอัดแน่”
“มากไป”
“หืม”
“ข้าหมายถึงว่า...สองชั่วยามนั้นมากเกินไป เหลือเพียงหนึ่งชั่วยามก็พอ” กล่าวแล้วเหตุใดต้องทำหน้าตาแปลก ๆ ด้วยเล่า
“แต่….”
“เช่นนั้นก็ยกเลิกไป”
“ได้ ๆ หนึ่งชั่วยามก็หนึ่งชั่วยาม คุณชายใจดีที่สุด”
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของนางใบหน้าเรียบนิ่งของเขาก็เกือบจะยกยิ้มขึ้น ดีที่รู้ตัวเสียก่อน
“เช่นนั้นก็เริ่มตั้งแต่วันนี้ คุณชายนี่ก็ยามอู่แล้ว ท่านไปกินอาหารเถิด”
“ข้ายังไม่หิว”
“ไม่หิวได้อย่างไร การกินอาหารสำคัญนะ นี่แป้งย่างมันเทศของข้า ข้าแบ่งให้ท่าน”
เจิ้งซีฮันมองสิ่งที่อยู่ในมือนาง
“เจ้าเก็บไปกินเถอะ ข้าไม่หิว และอีกอย่าง...ข้าไม่ชอบกินผัก ขอตัวก่อน” กล่าวแล้วก็หมุนกายออกไป
“เดี๋ยว”
“อันใดอีก” ดวงตาคมกริบมองอีกฝ่าย
“เอ่อ คือ ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่าน คือว่ากำแพงมันสูง ตอนโดดลงมามันก็พอโดดได้ แต่จะปีนขึ้นไปนั้นมัน......”
“รอสักครู่ ข้าจะไปหาบันไดมาให้” ว่าแล้วก็เดินจากไปทันที
ครู่หนึ่งเขาก็กลับมาพร้อมบันไดไม้ และวางมันลงที่กำแพง
“มีอันใดอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว ขอบคุณคุณชาย” นางโค้งศีรษะให้เขารีบปีนบันไดขึ้นไปทันที ไม่นานก็กลับไปอยู่บนต้นไม้เช่นเดิม
“คุณชาย ขอบคุณที่ไม่ไล่ข้า”
“อืม” กล่าวเพียงเท่านั้นก็หมุนกายออกไป นางไม่รู้ว่าเขามีความคิดอย่างไร
แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ เขาก็หมุนกายกลับมาอีกครั้งแล้วกล่าวว่า
“เรื่องวันนั้น เจ้าคงได้ยินแล้วว่ามีการจัดการอย่างไร ข้าขอโทษที่จัดการมันได้ไม่ดีพอ”
นางรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงเรื่องใด
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เท่านี้ก็ดีแล้ว ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นมาก”
พวกมันไม่อยู่ที่อำเภอนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว
“อืม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
ด้านเจิ้งซีฮัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเป็นเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงยินยอมทำตามข้อตกลงของสตรีที่เคยพบกันเพียงหนึ่งครั้ง ทั้งที่เขาไม่ชอบให้ผู้ใดมารบกวนและออกจะรำคาญสตรี แต่เมื่อเขาตกลงกับนางไป ความรู้สึกของเขาราวกับได้เติมเต็มและมีบางอย่างบอกว่าเขาตัดสินใจถูกแล้ว
บางทีการได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ อาจจะทำให้ชีวิตของเขามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ได้
เจิ้งซีฮันคงไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนชีวิตของเขาไปจริง ๆ
เปลี่ยนไปอย่างมากเสียด้วย......
