พี่ว๊าก
“เพื่อนไปกินข้าวที่ไหน?” เพชรกล่าวถามเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ซึ่งในช่วงบ่ายจะเป็นการถ่ายรูปติดบัตรนักศึกษา และต่อด้วยการพบเจอรุ่นพี่
“เดี๋ยวไปกินนอกมหาลัยอะดิ…ไปกับอาจารย์”
“ไปปะ?” ผมกล่าวถาม ซึ่งแน่นอนว่าผมอยากให้เพชรไปด้วย
“เอ่อ…ได้ๆ” เพชรกล่าว ถึงแม้จะลังเลก็ตามแต่มันก็ไม่รู้จะไปนั่งกินข้าวกับใครเหมือนกัน ส่วนผม ผมกินคนเดียวได้เป็นปกติอยู่แล้ว
“ไปๆ" ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินนำเพชรไปที่โต๊ะอาจารย์
“เธอไปกินข้าวด้วยกันไหม?” ระหว่างทางก็มีเพื่อนในสาขาชวนผมไปกินข้าวด้วยมากมาย
“ไว้คราวหลังนะพอดีมีเรื่องคุยกับอาจารย์นิดหน่อย” ผมกล่าวแบบนี้มาตลอดทางจนได้เจอกับกลุ่มเพื่อนที่นั่งข้างหน้าสุด ในกลุ่มนั้นมีแฟนเก่าของผมในชีวิตที่แล้วอยู่ด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผมย้ายสาขามา ผมก็เข้าหาเธอในเรื่องต่างๆ เพราะเธอสวย น่ารัก จนเราได้คบกัน แต่คบกันไม่นานเพราะผมมารู้ทีหลังว่าผมกลายเป็นมือที่สาม ในชีวิตนี้จึงจะขอเป็นแค่เพื่อนดีๆก็แล้วกัน
“โทษทีนะไว้คราวหน้า" ผมกล่าวก่อนจะเดินไปหาอาจารย์ ซึ่งอาจารย์หนุ่มก็กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอยู่
“สักครู่นะครับ” อาจารย์หนุ่มกล่าว ซึ่งเขากำลังถอดสายโปรเจคเตอร์ที่เชื่อมกับโน๊ตบุ๊คของเขาอยู่ด้วย จนเพื่อนๆในห้องเริ่มออกไปข้างนอก และจะเดินไปที่โรงอาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารเรียนรวม 5
“โห…”
“ว้าววว"
“หล่อมาก” ในขณะที่พวกเราสามคนกำลังเดินไปลานจอดรถ ก็มีนักศึกษามากมายจ้องมองผม และกล่าวถึงผม
“เดี๋ยวผมขับตามอาจารย์ไปนะครับ” ผมกล่าวเมื่อเรามาถึงหน้าตึก ซึ่งเพื่อนๆในสาขาก็กำลังยืนรอรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถรับส่งนักศึกษาภายในมหาลัยกันอยู่ เนื่องจากนักศึกษาปีหนึ่งไม่สามารถขับรถมอเตอร์ไซต์ได้ เลยต้องนั่งรถไฟฟ้านี้ซะแทน
แต่ต่างจากผม
ตี๊ด
ผมกดสวิตซ์บนกุญแจรถเพื่อปลดล็อครถ BMW ของผม และมันทำให้คนที่อยู่หน้าตึกมองผมเป็นตาเดียวอีกครั้ง และอาจารย์ก็ได้เดินแยกไปที่ฝั่งขวาเพราะรถอาจารย์จอดอยู่บริเวณนั้น ส่วนเพชรมันก็บอกว่าจะไปกับผมด้วย
ซูดด
“เอ้ย…เพื่อนสูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วยเหรอ!?" เพชรกล่าวถามด้วยความตกใจ ซึ่งแน่นอนว่าเพชรมันก็สูบด้วย และในตอนนี้ผมยังไม่ได้ขึ้นบนรถ ทำให้ควันที่ผมพ่นออกมามันขโมงไปหมด
“เออดิ…ปะๆขึ้นรถ”
“สูบบนรถก็ได้” ผมกล่าวก่อนจะเข้าไปนั่งที่คนขับ และเพชรมันก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับพร้อมกับหยิบบุหรี่ไฟฟ้าอันเล็กของมันออกมา
“ของทีรสอะไรอ่ะ" เพชรกล่าวถาม
“ชิมดูดิอร่อย” ผมกล่าวก่อนจะยื่นให้เพชรลอง ส่วนเพชรมันก็ยื่นของมันมาให้ผมเช่นกัน
ซูดด
ผมสูบเข้าไปและพ่นออกมาก็รู้ได้ทันทีว่าคือรสแตงโม ส่วนเพชรมันสูบและพ่นออกมาควันเต็มรถผมเลยทีเดียว แถมมันยังไอด้วยเพราะตัวของผมมันแรง ควันเยอะ
แค่กๆ
“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะออกมาเมื่อเพชรสำลักควันบุหรี่
“ของแรงจริง” เพชรกล่าวด้วยน้ำตาที่กำลังซึม มันทำให้ผมและเพชรหัวเราะออกมาสักพักก่อนที่ผมจะออกรถไป
ณ ร้านเต็มจาน
“กุ้งชุบแป้งทอด ปลากระพงนึ่ง คอหมูย่าง”
“สั่งเลยเพื่อน” ผมหันไปกล่าวกับเพชร ซึ่งร้านที่อาจารย์พาผมมาเป็นร้านอาหารที่ดูแพงพอสมควร ทั้งนั่งในห้องแอร์ ตกแต่งสวยงาม คนที่จะมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่หน่อยหรือมีเงิน
“เราเลี้ยงสั่งเลย” ผมกล่าวออกไปเมื่อเพชรมีท่าทางลังเล ซึ่งถึงแม้ผมจะบอกว่าเลี้ยงเพชรมันก็ยังสั่งมาแค่ข้าวผัดปู
“อาจารย์คิดว่ายังไงบ้างครับเกี่ยวกับสิ่งที่ผมจะทำ” ผมเริ่มกล่าวถามอาจารย์เมื่อแกวางโทรศัพท์ลงหลังจากพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่าง
“สุดยอด…สุดยอดมาก” อาจารย์หนุ่มกล่าว ทำให้ผมยิ้มออกมาและรออาจารย์เสนอสิ่งที่ตัวเองคิด
“แต่การจะสร้างอะไรแบบนี้ทีต้องมีฐานลูกค้าพอสมควรเลยนะ”
“เพราะถ้าไม่มีลูกค้าเราทำสวยทำดียังไงก็ขายไม่ได้” อาจารย์หนุ่มกล่าวแนะนำ ซึ่งผมก็รับฟัง แต่ที่จริงแล้วอาจารย์ไม่รู้เลยว่าคนที่อาจารย์กำลังแนะนำ คืออดีต CEO บริษัทที่มีชื่อในวงการกราฟฟิคระดับต้นๆของประเทศ
“ใช่ครับ…ผมคิดว่าอาจารย์น่าจะแนะนำลูกค้าให้ผมได้”
“และก็หาพนักงานให้ผมได้ด้วย” ผมกล่าวเพื่อเป็นการบอกสิ่งที่ผมต้องการ ผมไม่ได้ต้องการให้อาจารย์มาแนะนำอย่างเดียว แต่ผมต้องการให้อาจารย์เข้ามาร่วมช่วยผมสร้างบริษัทนี้ขึ้นมาด้วย
“โอ้…อาจารย์ช่วยได้แน่นอน”
“อาจารย์มีลูกศิษย์เยอะพอสมควรเลย” อาจารย์หนุ่มกล่าวด้วยความมั่นใจ ซึ่งผมก็ยิ้มออกมา
“ดูเหมือนอาจารย์แทบไม่ต้องแนะนำอะไรทีด้วยซ้ำเลยนะ” อาจารย์กล่าวเมื่อรับรู้ความตั้งใจของผม
“ไม่ครับ…ผมยังต้องการ…ผมยังมือใหม่” ผมกล่าวออกไป ซึ่งทำให้อาจารย์หนุ่มพยักหน้าและยิ้มอย่างพอใจ ส่วนเพชรมันกำลังนั่งเอ๋อไม่รู้ว่าเราคุยอะไรกัน
“ทุนเราต้องหนาด้วยนะ…เพราะมันจะมีทั้งค่าจดทะเบียนบริษัท ค่าภาษี-” ระหว่างที่อาจารย์หนุ่มพูด ผมก็หยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาและเปิดพอร์ตการลงทุนให้อาจารย์ดู มีทั้งตัวเลขตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน และหลักล้านในพอร์ต ซึ่งผมก็ได้นำเงิน 20% ไปลงทุนตราสารหนี้ของอเมริกาไว้ด้วย
“ผมยังมีการลงทุนในส่วนอื่นอีกครับ…” ผมกล่าวออกไป ซึ่งทำให้อาจารย์หนุ่มอึ้งมาก
“อาจารย์หนุ่มสนใจมาเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทของผมไหมครับ?” ผมกล่าวถามออกไปตรงๆ ซึ่งทำให้อาจารย์หนุ่มนิ่งค้างไปสักพัก
“อาจารย์ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยครับ…ผมสามารถจัดการได้” ผมกล่าวเมื่อเห็นท่าทางอาจารย์ลังเล
“ไม่มีปัญหาเลยครับ…อาจารย์ยินดีมาก” อาจารย์หนุ่มกล่าว ซึ่งทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายพอสมควร
“ถ้ายังไงพรุ่งนี้อาจารย์ช่วยไปเป็นพยานจดทะเบียนบริษัทได้ไหมครับ?” ผมกล่าวถาม ถึงแม้จะมีคุณเบนซ์ค่อยจัดการเรื่องต่างๆให้ได้แล้ว แต่ผมก็ยังอยากได้ผู้ใหญ่เพิ่มเติม เพราะผมต้องการคอนแนคชั่นเยอะๆ บริษัทจะได้เติบโตไวๆ
“ผมจะให้หุ้นอาจารย์ 5% ด้วยครับ” ผมกล่าวเพิ่มเติมซึ่งทำให้อาจารย์หนุ่มเม้มปาก
“การลงทุนของอาจารย์คือการช่วยเหลือผมในเรื่องงานครับ”
“ผมต้องการแค่นั้นเลยครับ” ผมกล่าวออกไปตรงๆอีกครั้ง
“อาจารย์จะสนับสนุนให้เต็มที่เลย” อาจารย์หนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เราจะคุยเรื่องจองตั๋วเครื่องบินกัน ซึ่งผมออกตัวว่าจะจ่ายให้ แต่อาจารย์กล่าวว่าจะขอจ่ายด้วยตัวเอง ซึ่งผมก็ไม่ขัด
และหลังจากนั้นเราก็พูดคุยเรื่องในมหาลัยและเรื่องการเรียนกันพอสมควร ทำให้เพชรเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยด้วย และมันทำให้เราทั้งสามสนิทกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลาคิดเงิน ก็เป็นเวลาของผมกับอาจารย์ที่แย่งกันจ่าย และมันก็เป็นผมที่โอนไวกว่าทำให้อาจารย์ต้องแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา เพราะคนเป็นอาจารย์ต่างหากที่ต้องเลี้ยงลูกศิษย์ แต่ในครั้งนี้ลูกศิษย์กลับเป็นคนเลี้ยงอาจารย์ซะเอง
ซึ่งเมื่อกลับเข้าไปในมหาลัย พวกเราก็ได้ไปถ่ายรูปติดบัตรนักศึกษากันจนเสร็จ และก็เข้าแถวเดินไปที่ห้องของสาขา ซึ่งก็มีทั้งรุ่นพี่ปีสองและปีสามเดินนำ บรรยากาศของพวกพี่ๆดูสนุกสนานมาก ต่างจากพวกเราที่เงียบกริบ
“ผมไม่นั่งได้ไหมครับ” ผมกล่าวถาม แต่รุ่นพี่ยังไม่ทันตอบผมก็เดินไปที่หลังห้องซะแล้ว ซึ่งพวกรุ่นพี่ให้เด็กปีหนึ่งจัดแถวและนั่งลงบนพื้นราวกับเข้าแถวลูกเสือ และผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย
“น้องครับ…นั่งได้ไหมครับ?” รุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งเดินมากล่าวกับผม ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นอะไรสักอย่างในรุ่น เขาเรียกว่าอะไรนะ พี่ว๊าก หรือเปล่า?
“พี่ก็ไปนั่งกับผมดิ” ผมกล่าวก่อนที่โทรศัพท์ของผมจะสั่น ทำให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายทันที ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็สตั้นไปเลย
“น้องครับ…พี่พูดดีๆ…ไปนั่ง” เขากล่าวออกมาอีกครั้ง ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ
“สวัสดีครับ" ผมกล่าวทักทายปลายสาย ซึ่งก็คือคุณเบนซ์
“ที…มีมาเฟียตามดูอยู่”
“ฝากจัดการด้วยนะ”
“แค่ไล่พวกมันออกไปจากจังหวัดก็พอ" คุณเบนซ์กล่าว ทำให้ผมเดินไปที่หน้าต่างและมองลงไปข้างล่างก็พบกับรถเก๋งสีดำสองคันจอดอยู่
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” ผมตอบกลับไปก่อนที่คุณเบนซ์จะตัดสาย ส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็ดูเหมือนจะโมโหมากและเริ่มพูดจาโวยวายเสียงดัง
“ปีหนึ่งลุก!!!” เขาตวาดออกมาเสียงดัง ส่วนผมก็กำลังจะเดินออกไปจากห้องก็ได้พบกับชายชุดดำที่ยืนอยู่หน้าห้องสามคน
“อะไรน่ะ?” และมันทำให้เพื่อนๆรวมถึงรุ่นพี่ตกใจมาก เพราะสีหน้าของพวกเขามันดูโหดเหี้ยมกันทุกคน แต่ขนาดตัวก็ไม่ได้ใหญ่
“มาด้วยกันหน่อย” ชายชุดดำกล่าวออกมา ซึ่งมันทำให้ทุกคนกลัวมากกว่าเดิม ต่างจากผมที่เริ่มปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมา
“คุยกับเพื่อนผมดีๆ” ผมหันกลับไปชี้หน้ารุ่นพี่คนนั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องและปิดประตูลง
ฟึบๆๆ ฟิ้วว
เมื่อประตูปิดลง ผมถีบผู้ชายคนนึงกระเด็นเข้าไปในห้องน้ำทันที ซึ่งห้องน้ำก็อยู่ตรงข้ามกับห้องสาขาพอดี ส่วนอีกสองคนผมก็กระชากคอเสื้อและเหวี่ยงไปตรงทางเข้าห้องน้ำก่อนจะถีบร่างทั้งสองเข้าไปข้างในพร้อมกับล็อคประตู
“มึงมาทำเหี้ยอะไรที่นี่!?” ผมกล่าวถามออกไปเสียงดังก่อนที่พวกมันจะลุกขึ้นมาและเตรียมพุ่งเข้าหาผม
ฟึบ ผลั๊วะ ผลั๊วะ
คนหนึ่งเข้ามาหาผม ผมปัดหมัดเขาออกและต่อยไปหมัดนึง ส่วนอีกคนยังไม่ทันได้ง้างหมัดก็โดนผมซัดเข้าไปที่หน้าแล้ว เหลือเพียงอีกคนนึงที่ผมยืนเผชิญหน้าอยู่
ผลั๊วะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดพล่ำทำเพลงอะไรอีก ผมซัดหมัดใส่พวกมันรัวๆจนหน้าของพวกมันสะบักสะบอมไปหมด ด้วยอารมณ์โกรธที่มาจากรุ่นพี่คนนั้นด้วยแล้ว ทำให้ผมใส่แรงไปไม่ยั้ง จะใครก็ขวางผมไม่อยู่ ผมซัดพวกมันไปพร้อมๆกันจนพวกมันเริ่มไม่มีแรงลุกขึ้นยืน คนหนึ่งสลบ อีกคนสาหัส ส่วนคนสุดท้ายผมจับคางของมันและยกหน้ามันขึ้นมา
ฟึบ
“เปิดๆ!!” จนในตอนนี้ได้มีคนมาเคาะประตูและกำลังจะไขกุญแจ
“คืนนี้กูจะไปหาพวกมึง” ผมกล่าวโดยใช้ปืนที่คุณเบนซ์ให้มาจ่อหัวของมัน จนมันแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาอย่างสุดขีด และฟุบลงไปบนพื้น ก้มกราบผม ร้องขอชีวิตผม
ตุบ
ผมใช้ด้ามปืนตบที่หัวของมันไปอย่างแรงจนร่างของมันแน่นิ่งไป และผมก็รีบเก็บปืนไว้ที่เอวของผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก ซึ่งก็เป็นพวกยามของมหาลัยที่เดินเข้ามา
“ปิดประตูก่อนครับ” ผมกล่าวขณะที่มือของผมเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งมันก็เป็นเลือดของพวกมันที่นอนกองอยู่บนพื้น
“อ่าว…พี่ยาม” ผมกล่าวเมื่อหันไปก็พบกับยามที่ผมเคยมอบบุหรี่ให้ข้างหน้าหอพักมหาลัย ซึ่งยามก็มาด้วยกันสองคน
“เดี๋ยวผมอธิบายทีหลังครับ…ช่วยผมลากพวกมันออกไปวางไว้หน้าตึกหน่อยได้ไหม?” ผมกล่าวก่อนจะโชว์ตราของ Supreme และแน่นอนว่าพวกยามไม่รู้จัก แต่พวกเขาก็เชื่อว่าผมคงจะมีเส้นสายอะไรใหญ่โตแน่ๆ และคงไม่ใช่คนธรรมดาจึงยอมทำตามที่ผมกล่าว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ส่วนรุ่นพี่สาขาของผมก็เดินออกมาจากห้องเพื่อรอดูสถานการณ์ เมื่อผมลากคอเสื้อของพวกมันคนนึงออกไป พวกรุ่นพี่ถึงกับหวาดกลัวผมในทันที
“เขาเป็นใครกันแน่เนี่ย?” เกิดความสงสัยขึ้นมากมายเกี่ยวกับตัวตนของผม และมันทำให้สีหน้ารุ่นพี่ว๊ากคนนั่นซีดไปเลย
“ที…เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นอะไรไหม?” พี่เอมวิ่งมาหาผมและกล่าวถาม ซึ่งพี่เอมใส่เสื้อสภานักศึกษามาด้วย ดูเหมือนเธอจะมาดูสถานการณ์โดยเฉพาะ
