ตอนที่ห้า สอบสวนเรื่องราว 2
ตอนที่ห้า สอบสวนเรื่องราว
“ได้ข่าวว่า ‘ซือถู’ ถูกหญิงสาวตะโกนต่อว่ากลางตลาดหรือ” เลขามู่หวังเยี่ยนซึ่งเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กและเติบโตมาด้วยกัน เดินเข้ามาเอ่ยคำหยอกล้อพลางยิ้มขำแล้วนั่งลง
เขาขอรับตำแหน่งเลขาเจ้ากรมศึกษาโดยไม่ยอมไปอยู่ชายแดนกับบิดาซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพด้วยไม่ชอบการใช้กำลังอีกทั้งยังชอบใช้ชีวิตอิสระ
“เจ้าไม่ต้องขำ ข้ากำลังสอบสวนเรื่องราว มาช่วยกันก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือ” หวางชิวเฟินหรือที่ผู้คนมักเรียกว่าซือถู เอ่ยเสียงเคร่งเครียดพาให้เลขาหนุ่มปรับสีหน้าเป็นงานเป็นการ
หลังจากสอบสวนอย่างละเอียดจึงได้ความว่าลูกน้องคนหนึ่งอยากได้ผลงานด้วยการรวบรวมนำโฉนดที่ดินมาส่งมอบให้แก่เขาอย่างรวดเร็ว จึงไปบังคับขู่เข็ญเอากับตายายเจ้าของร้านชาเซียงซือ ซึ่งเป็นร้านเดียวในย่านนั้นซึ่งยังไม่ยอมขายที่ดิน
เดิมทีโฉนดได้มาเกือบครบแล้ว ลูกน้องคนนั้นจึงยิ่งกระเหี้ยนกระหือรืออยากเอาใจหวางชิวเฟินเพื่อการเลื่อนตำแหน่งในคราวหน้า จึงวางแผนส่งนักเลงโตไปบีบคั้นและทำร้ายตาเฒ่าจนเสียชีวิต
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนะขอรับซือถู ตาเฒ่าคนนั้นใจเสาะเอง” ลูกน้องผู้ก่อเรื่องยังไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเอง
หวางชิวเฟินเมื่อได้ฟังจึงรับรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเขาด้วยส่วนหนึ่งที่ควบคุมลูกน้องไม่เข้มงวดจนสร้างเรื่องให้คนคนหนึ่งต้องเสียชีวิตไปโดยไร้ความผิด
ชายหนุ่มสั่งปลดลูกน้องคนนั้นออกจากตำแหน่งและลงโทษสถานหนัก อีกทั้งจับกุมนักเลงกลุ่มนั้นไปส่งให้กรมอาญาเพื่อเข้าคุกไปรับโทษฐานทำร้ายคนจนตาย
“เจ้าคิดว่าข้าควรชดใช้เด็กสาวคนนั้นกับยายของนางอย่างไรดี” ซือถูหนุ่มปรึกษากับเลขา
“ชีวิตคนคงไม่อาจนำกลับคืนมาได้ เจ้าบอกว่านางอยากเปิดร้านชาต่อไป เช่นนั้นก็ช่วยเหลือพวกนางในจุดนี้ก็แล้วกัน”
“คงได้แต่ทำเช่นนั้น” หวางชิวเฟินพยักหน้ายอมรับ
“แต่กรมศึกษาต้องการที่ดินตรงนั้นเพื่อเปิดสำนักศึกษา หากเจ้าจะให้นางเปิดร้านชาต่อ แล้วแผนการเปิดสำนักศึกษาจะทำอย่างไร”
“ใช้ที่ดินผืนอื่นไม่ได้หรือ”
“พวกเราซื้อที่ดินละแวกนั้นมาเกือบทั้งหมดแล้ว ที่ดินของร้านชาเซียงซืออยู่ตรงกลาง หากนางไม่ยอมขายและยังดึงดันจะเปิดร้านชาต่อไป เช่นนั้นสถานศึกษาของเรามิใช่โอบล้อมร้านชาของนางหรือ”
“เช่นนั้นคงต้องไปบอกเล่าให้นางเข้าใจและปรึกษาหารือกันอีกที” หวางชิวเฟินตัดสินใจใช้การเจรจา
“เจ้าก็ไปกับข้าด้วย” ชายหนุ่มหันมาสั่งเลขาซึ่งคือเพื่อนสนิท
“ได้ขอรับ ท่านซือถู” มู่หวังเยี่ยนโค้งรับอย่างเสแสร้งด้วยหากอยู่กันตามลำพังพวกเขาไม่เคยวางท่าเป็นเจ้านายลูกน้อง
“เรื่องที่เด็กสาวคนนั้นตะโกนด่าเจ้ากลางตลาดถูกเล่าลือไปทั่วแล้ว ข้าอยากเห็นหน้านางเช่นกันว่าเป็นเช่นไร ซือถูของเราหล่อเหลาออกปานนี้ หญิงสาวทั่วไปเพียงเห็นหน้าก็อ่อนระทวยได้แต่บิดมือเอียงอาย แต่นางกลับกล้าด่าเจ้าเสียๆหายๆ ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจนัก” มู่หวังเยี่ยนยิ้มแย้มอยากเห็นหน้าหญิงสาวดั่งเช่นคุณชายเจ้าสำราญทั่วไป
“นางงดงามหรือไม่” เลขาหนุ่มหันมาถามเพื่อนสนิท
“ข้าไม่ได้จ้องมองจึงยังเห็นไม่ชัด เจ้าก็ไปดูเอาเองเถอะ” หวางชิวเฟินเดินหนีอย่างระอาใจในความมากรักของเพื่อนหนุ่ม
หวางชิงเฟินไม่อยากให้ผู้คนคิดว่าเขาจะพาพวกไปรุมรังแกยายหลานจึงพาเพียงเลขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและผู้ติดตามไปอีกคนเดียวเท่านั้น
ทันทีที่เดินเข้าไปถึงร้านซึ่งกำลังตกแต่งเสียงดังวุ่นวาย เขาถึงกับงงงันด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวจะเอาจริงเรื่องที่จะสืบทอดร้านชาเซียงซือ
“นางถึงกับไม่รอคำตอบจากเจ้าแต่ตั้งใจจะเปิดร้านชาในเร็ววันแล้ว” มู่หวังเยี่ยนซึ่งเดินตามมาเอ่ยบอกแล้วหันไปมองยังเด็กสาวซึ่งยืนเด่นอยู่บนโต๊ะกลางร้าน
“ท่านลุงขยับมาทางซ้ายอีกหน่อยเจ้าค่ะ ดี ดีแล้ว เอาตรงนั้นเลย ตอกลงไปเลยเจ้าค่ะ” เสียงตะโกนสั่งงานดังออกมาจากร่างอ้อนแอ้นซึ่งหันไปหันมาไม่ได้หยุดจนกระทั่งเห็นชายหนุ่มหล่อสองคนยืนตะลึงอยู่ที่ทางเข้า จึงรีบกระโดดลงมาแล้วเดินไปต้อนรับอย่างไม่มีมาดของหญิงสาวเรียบร้อย
“ท่านเจ้ากรมศึกษามาด้วยตนเองเลยหรือเจ้าคะ ขออภัยที่ไม่ได้รีบออกมาต้อนรับ” สาวน้อยโค้งให้พลางหันหน้าส่งสายตามายังคนด้านข้าง
