ตอนที่สาม ลุกขึ้นสู้ 2
ตอนที่สาม ลุกขึ้นสู้ 2
“วันนี้ข้าได้ยินคนในงานของท่านตาบอกว่าให้พวกเราไปแจ้งทางการกัน ท่านตาโดนทำร้ายจนตายไป ข้าไม่มีวันยอมให้เรื่องเงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งเช่นนี้”
“คนของทางการเองใช่ว่าจะทำอันใดได้ อย่างมากก็จับพวกนักเลงไปขังไว้สักคนสองคน แต่พวกเราคงต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน ตราบใดที่พวกเขายังอยากได้ที่ดินตรงนี้
เฮ้อ...เดิมทีพวกเขาส่งคนมาขอซื้อ แต่หว่านล้อมอย่างไรตาเฒ่าก็ไม่ยอมขาย สุดท้ายจึงต้องสังเวยชีวิต” ยายเหลียนก้มลงเช็ดน้ำตา
“ชั่วชาติจริงๆ” ไข่มุกในร่างเซียงเจินจูเผลอด่าออกมาจนยายเหลียนซึ่งกำลังหลั่งน้ำตาอย่างทดท้อต้องมองจ้องด้วยหลานสาวผู้เคยอ่อนแอและเรียบร้อย ยามนี้แลดูแปลกออกไป
“พวกเรายังมีเงินทองอีกมากหรือไม่เจ้าคะ” เซียงเจินจูถามถึงเรื่องสำคัญ การจะทำสิ่งใดย่อมต้องใช้เงินทองหว่านลงไป
“มีมากทีเดียว พวกเราเก็บเอาไว้ให้เจ้านะอาจู เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะยากลำบาก” ยายเฒ่าแปลความไปอีกด้าน
“เช่นนั้นขอให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าจะทำสิ่งใดหรือ”
“ข้าจะนำไปซื้อของตอบแทนให้ผู้ที่นำซองมาให้ในงานของท่านตาเจ้าค่ะ” สาวน้อยยกข้ออ้าง
“อืม...จริงด้วย ข้ามัวแต่เศร้าหมองจนหลงลืมธรรมเนียมไป เอ้านี่เงิน...อาจู หาซื้อขนมเปี๊ยะอย่างดีล่ะ” ยายเหลียนกำชับ ก่อนจะรีบสั่งเด็กในร้านซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวให้เดินตามหลานสาวไปเพื่อช่วยเหลือ
เซียงเจินจูได้เงินมาแล้วจึงรีบออกจากร้านเพื่อไปตามหาชายสองคนซึ่งกล่าววาจาเข้าข้างพวกนางในงานพิธีวันนี้ นางพบพวกเขาคนหนึ่งเปิดแผงขายบะหมี่ อีกคนเปิดร้านขายรองเท้าอยู่ใกล้กันจึงรีบเข้าไปพูดคุยเพื่อปรึกษา
“ท่านอา ข้าไม่อยากปิดร้านชาเซียงซือ แต่คงไม่อาจสู้นักเลงกลุ่มนั้นได้ หากข้าจะขอร้องให้ช่วยหาคนดีมีฝีมือสักหลายคนไปช่วยคุ้มครองจะได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ย่อมได้สิหลานสาว ร้านบะหมี่ของข้าเป็นแหล่งชุมนุมของคนมีฝีมือมากมาย ข้าจะทาบทามคนนิสัยดีมีฝีมือเก่งกาจให้ เจ้าเอง ดีจริง ข้าล่ะอยากจะสั่งสอนนักเลงพวกนั้นให้หลาบจำ บังอาจทำร้ายคนจนตายแล้วยังเดินลอยหน้าไม่ถูกจับกุม หากต่อไปพวกเขาอยากได้ร้านบะหมี่ของข้ามิใช้วิธีเดียวกันบีบคั้นจนคนทั้งตลาดต้องหนีกลับบ้านนอกกันหมดหรือ” ชายขายบะหมี่ออกท่าออกทาง
“นั่นสิเจ้าคะ พวกเขาช่างชั่วช้านัก ยิ่งคนเบื้องหลังยิ่งชั่วชาติกว่า แต่ยามนี้ข้าคงต้องป้องกันตัวก่อน แล้วค่อยคิดหาทางสู้กับคนเบื้องหลังอีกทีหนึ่ง” สาวน้อยรีบผสมโรง
เมื่อเจรจาสำเร็จ เซียงเจินจูจึงเดินวนเพื่อเสาะหาข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องนำไปทดแทนของที่เสียหายไป แล้วกลับไปจดลงกระดาษจัดทำบัญชีรายการและจำนวนเงินอย่างละเอียด
วันรุ่งขึ้น เจ้าของร้านบะหมี่เดินนำชายท่าทางดุดันมาที่หน้าประตู4คน โดยแนะนำว่าพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันซึ่งผ่านทางมาจึงอยากรับงานนี้ หญิงสาวตกลงค่าจ้างและให้คนงานสาวซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวจัดหาที่พักให้ก่อนจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมยายเหลียนอีกครั้ง
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะสืบสานร้านชาเซียงซือต่อให้ได้ ขอท่านยายสนับสนุนข้าด้วย”
“อาจูเอ๊ย เรื่องนี้ทั้งยุ่งยากและอันตรายเกินไป เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวจะทำอันใดได้”
“นั่นจึงต้องขอให้ท่านยายช่วยอย่างไรเจ้าคะ”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าผู้คุ้มกันไม่กี่คนนี่จะต้านทานนักเลงพวกนั้นได้”
“คงต้องรอดูก่อนเจ้าค่ะ หากไม่ได้ก็หาใหม่”
เซียงเจินจูตอบอย่างง่ายๆด้วยนางเองก็ยังไม่เห็นฝีมือของชายทั้งสี่นั่นเช่นกัน
หญิงสาวไม่ต้องรอนานด้วยเย็นวันนั้น กลุ่มนักเลงก็พากันมาขับไล่สองยายหลานอย่างย่ามใจ ผู้คุ้มกันที่จ้างมาทั้งสี่หิ้วพวกเขาออกไปที่ด้านนอกร้าน แล้วเป็นฝ่ายทุบตีขับไล่พวกนักเลงแทนจนล้มลุกคลุกคลานวิ่งหนีหางจุกตูดไปตามๆกัน
เซียงเจินจูพยักหน้ามองคนที่จ้างมาอย่างพึงพอใจ
อืม...มีฝีมือ ค่อยสมค่าจ้างหน่อย
