ขุ่นข้องใจ
4
ขุ่นข้องใจ
หญิงสาวลืมตาตื่นเมื่อแสงสว่างจากภายนอกสาดส่องผ่านกระดาษไขเข้ามา เปลือกตาหนักพริบขึ้นลงหลายครั้ง ในหัวพยายามจัดการทบทวนทุกเหตุการณ์จนแน่ใจแล้วก็เบิกตาโพล่งขึ้นมา
ภาพในหัวฉายซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบครั้ง ราวกับกำลังตอกย้ำว่านางทำสิ่งผิดมากมายเพียงใด หยาดน้ำตาก่อขึ้นหยดลงแต่เหือดแห้งไปเมื่อได้ยินเสียงกุกกักนอกห้อง
ร่างกายที่มีเพียงชุดคลุมสีขาวบางขยับไปชิดตั่งนุ่มด้านใน หัวใจสั่นไหวราวกับภูเขาถล่ม หอบหายใจรวดเร็วกลัวว่าข้างนอกจะมีสิ่งน่ากลัวที่นางคิดอยู่ใน
ประตูไม้ถูกเปิดเสียงแผ่วเบาคล้ายกลัวคนข้างในจะตื่น หญิงสาวอายุราวสิบสี่สิบห้ากำลังหย่อนเท้าข้ามมาอีกด้านของประตู ใบหน้าเรียบเฉยเผยยิ้มดีใจเมื่อสายตาจับจ้องชัดเจนว่าในที่สุดคนด้านในก็ตื่นเสียที
หญิงสาวย่อกายลงข้างเตียงเอ่ยถามเสียงนอบน้อม “คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” นางถูกสั่งให้มาดูแลสตรีผู้นี้ตั้งแต่ยามเหมา คล้ายนางจะมีไข้เมื่อสัมผัสตัวแล้วจึงออกไปต้มน้ำ ทำอาหารรอให้นางตื่น
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ แล้วนี่ข้าอยู่ที่ใด” สายตาเลือนลางถามออกไป ขณะเดียวกันก็พึงระลึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือนางกล่าวถ้อยคำน่าอับอายแก่ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ได้
“คุณหนูมีไข้ พักผอนก่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะไปนำอาหารและยามาให้ เมื่อคุณหนูกินยาแล้วบ่าวจะเล่าเรื่องราวที่รู้ให้ฟังเอง” เหลียงฟางหรูมองหน้าหญิงรับใช้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใด แววตาวูบไหวใคร่ครวญ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากรู้ว่าตนเองประสบพบเจอเรื่องใดมา สุดท้ายก็พยักหน้ารับนั่งรออยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
คล้ายนางจำได้แต่บางคราก็คล้ายจำไม่ได้สักกะพีก ลางเลือนเสียจนนางนึกว่าความฝัน แต่ความฝันคงมิอาจทำให้นางบอบช้ำร่างกายได้เช่นนี้
หญิงรับใช้ในชุดสีขาวนวลท่อนล่างสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อนจาง ขณะกล่าวว่าเป็นบ่าวรับใช้ชุดของนางยังดูงดงามกว่าเหลียงฟางหรูเสียอีก
หญิงรับใช้จากไปไม่นานกลับมาในมือถือถาดอาหารเอาไว้มั่น อาหารถูกยื่นมาตรงหน้า เพราะหญิงสาวถูกสั่งไว้ให้ปรนนิบัติคุณหนูตรงหน้าข้างเตียง เหลียงฟางหรูจึงไม่ต้องลุกจากเตียง
อาหารถูกกลืนลงท้องเพียงสามสี่คำก็หยุด เรื่องราวยังเลือนลางผู้ใดจะมีอารมณ์ดื่มกินได้อย่างสำราญ ฟางหรูยื่นชามข้าวต้มคืนจากนั้นรับถ้วยยาไปดื่มรวดเดียวจนหมด “เกิดสิ่งใดขึ้น”
“บ่าวก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ คุณชายให้บ่าวมาคอยดูแลคุณหนูที่นี่ตั้งแต่ยามหยินเจ้าค่ะ กำชับเพียงให้คุณหนูรออยู่ที่นี่ อีกไม่นานจะกลับมา” สาวใช้ว่าพลางรับถ้วยยาคืนจากเหลียงฟางหรู วางไว้บนถาดไม้ นางเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวใดไปมากกว่าเหลียงฟางหรูเลย รู้เพียงต้องดูแลปรนนิบัติคุณหนูผู้นี้เป็นอย่างดีตามคำสั่ง
“เช่นนั้น ไปเถอะ” เหลียงฟางหรูถอนหายใจเอนตัวพิงเตียงราวกับกำลังเหนื่อยหน่ายใจ ออกจากจวนคราแรกก็ทำเรื่องเช่นนี้จะมีหน้าไปพบเจอผู้อื่นได้อย่างไร
“อย่างนั้นบ่าวขอตัวนะเจ้าค่ะ” หลังสาวใช้ออกจากห้องไป ปล่อยให้เหลียงฟางหรูทบทวนความคิดอยู่ลำพัง ครู่หนึ่งก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองออกมาจากจวนแล้วหนึ่งวัน ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเป็นตายร้ายดีอย่างไร เช่นนี้คงเกิดเรื่องเป็นแน่
เหลียงฟางหรูผุดลุกหย่อนเท้าลงบนพื้น เดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบาไม่ต้องการให้ผู้ใดได้ยิน รับรู้ว่านางกำลังหนีจากที่แห่งนี่ อย่างไรเสียตระกูลบิดาก็มีชื่อเสียงไม่น้อย สอบถามไปเรื่อย ๆ ไม่ไกลคงถึง
นางไม่ได้ฝากเรื่องราวใดไว้ก็หายออกไปจากอาคารไม้ไร้ชื่อ เสี่ยวไป๋ที่กลับมาไม่พบนางก็ออกตามหาอยู่นาน ไม่พบเจอร่องรอยจึงกลับไปนั่งเฝ้าเตียงไม้อยู่ในห้อง
เหลียงฟางหรูถือวิสาสะหยิบพวกกันลมกันฝุ่นมาจากในห้อง ปกปิดใบหน้าตนเองมิให้โดดเด่นหรือถูกจับจ้องมากมาย ขณะหาทางกลับจวน ระหว่างเดินทางก็ถามไถ่ผู้อาวุโสบ้าง ขอทานบ้าง เกือบสองชั่วยามจึงมองเห็นประตูใหญ่จวนเหลียง
หลังพบเห็นที่หมายหัวใจก็พลันกรีดร้องหวีดหวิว นางกำลังกลัวว่าจะถูกลงโทษ บิดานางหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับนางเขาไม่ยินยอมรับฟังคำกล่าวอ้างใด หากเขาคิดเช่นไรก็จะปักใจเชื่อเช่นนั้น
คนงานเฝ้าประตูเอ่ยทักเปิดทางให้ สองเท้าก้าวเขาไปในจวนคุ้นเคยด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนัก หัวใจเต้นรัวดั่งกลองรบ เดินนิ่งสงบหมายไปให้ถึงโถงชุนเถิง
สาวรับใช้ในจวนเห็นก็รีบวิ่งไปตามนายหญิงใหญ่ของจวนเหลียง ถีเยว่สือดื่มชาอีกคำก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ออกมา นางวางถ้วยชาลงแล้วรีบออกไปยังห้องหนังสือผู้เป็นสามี
เพียงแค่คิดนางก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เหลียงฟางหรูหายจากจวนไปทั้งคืน ต่อให้เกิดเรื่องใดหรือไม่ ชื่อเสียงนางก็ไม่มีดีแล้ว ถีเยว่สือเรียกผู้เป็นสามีหน้าประตูห้องหนังสือของเหลียงจินฮ่าวน้ำเสียงตื่นตกใจ ตามด้วยผลักเข้าไปด้านใน ใบหน้าตระหนกเป็นที่สุด
“นายท่าน ฟางหรูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” บุรุษวัยกลางคนเงยหน้าจากกองม้วนผ้าไหมมองหน้าสตรีซึ่งเขาเรียกว่าภรรยาเอก คิ้วเข้มที่เคยขมวดอยู่ก่อนยิ่งขมวดแน่นขึ้น
นางลูกไม่รักดี! อนุญาตให้ออกจากจวนคราแรกก็เกิดเรื่องเช่นนี้ ต่ำช้า น่าอับอาย เขาเหลือบตามองกองม้วนผ้าไหมอีกคำรบ ก่อนจะวางกระแทกพู่กันในมือลง ลุกพรวดพราดออกจากห้องหนังสือไป
ถีเยว่สือตามไปพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยันดูแคลน ทั้งหมดตรงไปยังโถงชุนเถิงเร็วรี่
หญิงสาวยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางโถงด้วยชุดใหม่ท่อนล่างสีชมพูอ่อน ไม่นับว่าดีเลิศ แต่ไม่อับจนดังก่อนหน้า
“ข้าให้ออกไปเพื่อเที่ยวเทศกาลแต่เจ้ากลับใฝ่ต่ำหายไปทั้งคืน มิเกรงกลัวว่าผู้ใดจะติฉินนินทา” สายตาดุดันปราดมองบุตรสาวตั้งแต่เส้นผมยันปลายเล็บเท้า ตำหนินางรุนแรง น้ำเสียงไม่ไหว้หน้าผู้ใด
“ท่านพ่อฟางหรูอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้เจ้าค่ะ”
“ฟางหรูเจ้าขอขมาบิดาเสียเถิด ไม่ต้องพูดสิ่งใดให้มากความ มิเช่นนั้นบิดาจะกรุ่นโกรธมากกว่านี้” น้ำเสียงเห็นอกเห็นใจของถีเยว่สือบอกกล่าวแก่บุตรสาวคนโตสามี ใบหน้าเศร้าเสียใจแต่ความรู้สึกเหล่านั้นล้วนส่งไปไม่ถึงดวงตา
“เลี้ยงมาดีเพียงใด เลือดชั่วในตัวนางก็ไม่จางไป ทำตัวไม่ต่างจากมารดาแม้แต่น้อย”
ดวงตาสุกใสกลมโตสั่นระริก นางรู้ว่าบิดาจงเกลียดมารดาแท้ ๆ มากเพียงใดและเกลียดเพราะสิ่งใด แต่ตลอดสิบปีนี้นางไม่เคยตอบหรือโต้เถียงสักครา เหตุนี้กระมังผู้คนมากมายจึงกร่นด่ามารดาทั้งที่ไม่มีผู้ใดยืนยันความผิดนี้ได้
“ท่านพ่อ”
“เมื่อคืนเจ้าไปนอนค้างอ้างแรมที่ใดมา”
“ฟางหรูไม่สบายกายราวถูกพิษจึงหนี หนีได้ไม่นานก็หมดสติไป พอฟื้นขึ้นมารู้ตัวจึงรีบกลับมาที่นี่”
“ประเสิรฐ! ไปนอนค้างกับผู้ใดก็ไม่รู้ ไม่รู้ข้าวสุกเปลี่ยนเป็นข้าวสารแล้วหรือไม่ ใฝ่ต่ำสิ้นดี” เหลียงจินฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ที่ว่างหว่างคิ้วขมวดแน่น ความร้อนสุมอกโมโหโกรธาบุตรสาวที่ทำให้ตระกูลเสื่อมเสีย
เขาไม่ทันได้คิดสิ่งใดมากมายก็วาดฝ่ามือหนาใหญ่กลางอากาศ สะบัดลงบนแก้มเนียนใส เสียงดังสนั่นลั่นโถงใหญ่
หยาดน้ำก่อเป็นม่านทันที ไม่คิดว่าบิดาจะลงไม้ลงมือกันเช่นนี้...
ท่านแม่...เหตุใดฟางหรูไร้วาสนานัก
