บทที่2 เรื่องจริงหรือความฝัน
“ท่านแม่ทัพ”
ฉีอิงแสร้งหลับตานิ่ง เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหน้าประตู เธอเคยอ่านนิยายแนวโบราณ รู้ดีว่าฐานะตัวเองในตอนนี้ คือนายย่อมต้องมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ และมันเป็นเรื่องดี ที่ไม่ว่าใครจะไปหรือมา ต้องมีการเรียกขานชื่อให้รับรู้กันก่อน
“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง นางฟื้นรึยัง”
เสียงทุ่มลึกของคนพูด ทำให้ฉีอิงอยากจะลืมตามองนัก ว่าหน้าตาของเขาจะเหมือนกับเสียงนั่นหรือไม่ ทว่าจากน้ำเสียงของแม่ทัพคนนี้ ดูมิได้ไร้เยื่อใยต่อเจ้าของร่างเท่าใดนัก ‘เห็นทีต้องทดสอบกันหน่อย’
“เอ่อ...ฮูหยินตื่นขึ้นมาเพียงครู่เดียว ก่อนจะหมดสติไปอีกเจ้าค่ะ” สาวใช้ของคนบนเตียง เอ่ยด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย
“ตามท่านหมอมาดูอาการของนางอีกครั้ง หากมีสิ่งใดให้รีบแจ้งแก่ข้า”
ชายหนุ่มมองไปยังร่าง ที่ยังคงไร้สติอยู่บนเตียง พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหมุนกายจากไป โดยไม่คิดที่จะเข้าไปดูภรรยาใกล้ ๆ หรือจับมือให้กำลังใจนางสักนิดก็ไม่มี ทุกอย่างถูกวางเอาไว้ตามที่แม่ทัพหนุ่มกำหนดเท่านั้น แม้แต่ระยะห่างระหว่างสามีภรรยา
“เจ้าค่ะ”
เมื่อมั่นใจว่าสามีเจ้าของร่างจากไปแล้ว ฉีอิงที่เริ่มหิว ได้ค่อย ๆ ลืมตา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มองไปยังสาวใช้สองนาง ที่ดูจะตื่นเต้นที่เห็นเธอลุกขึ้นมาได้
“เอ่อ...ข้ารู้สึกหิวน้ำ”
ฉีอิงนั่งทวนความจำเรื่องชื่อของสาวใช้ ก่อนจะขยับตัวไปนั่งขอบเตียง หลายวันทีเดียวกับการหลับใหลของหลี่ฉีอิง ก่อนที่นางจะหมดลมไปในยามดึกอย่างเดียวดาย
“น้ำเจ้าค่ะฮูหยิน”
“ข้าหิวแล้ว มีอะไรให้ข้ากินสักหน่อยหรือไม่ เสี่ยวเจี้ยน”
เมื่อนึกชื่อของสาวใช้ออก ฉีอิงจึงได้เอ่ยขออาหาร กองทัพจำต้องเดินด้วยท้อง หากหิวโซ ก็ย่อมไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อ
“เช่นนั้นข้าจะไปตามท่านหมอ และแจ้งข่าวแก่ท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ”
เสี่ยวเตี๋ยสาวใช้อีกคน เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวหน้าตาดี ที่พยายามเสนอตัวเข้าหาสามีผู้เป็นนาย
“ไม่ต้อง ข้าอยากกินอะไรสักหน่อย แล้วพักผ่อน ท่านแม่ทัพมีงานมากมาย เรื่องเพียงเท่านี้ อย่าได้รบกวนเขาเลย เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าอาบจะดีกว่า”
ฉีอิงตัดเส้นทางของเสี่ยวเตี๋ย เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาเพิ่มให้กับการใช้ชีวิตในภายหน้า เท่าที่รู้จากภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่มีอนุหรือภรรยารอง จึงไม่แปลกที่มีคนพยายามเสนอตัวให้แก่เขา เพราะระหว่างสองสามีภรรยา หาได้มีเรื่องเช่นนั้นร่วมกันนับตั้งแต่แต่งงาน
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมสรรพในเวลาอันสั้น จนฉีอิงรู้สึกแปลกใจ เพราะยุคนี้ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวก เหมือนกับโลกที่เธอจากมา แต่ทำไมทุกสิ่งอย่าง จึงสามารถทำได้รวดเร็วขนาดนี้
ฉีอิงนั่งกินโจ๊กร้อน ๆ อย่างอารมณ์ดี โดยมีเสี่ยวเจี้ยนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จะมีเพียงเสี่ยวเตี๋ย ที่นั่งจัดเสื้อผ้าของผู้เป็นนายห่างออกไป
หลังอาหารมื้อแรก ในร่างของคนอื่น ทว่าเธอกับเจ้าของร่างมีชื่อเหมือนกัน มันคงเป็นชะตานำพา เหมือนในนิยายที่คนกำลังนิยมอ่านอยู่กระมัง 'ฉันจะใช้ร่างกายของเธอให้ดีที่สุด ฉันสัญญาแม่นางหลี่'
“เสี่ยวเจี้ยน อีกสักประเดี๋ยว เราไปเดินเล่นกันนะ”
ฉีอิงพยายามพูด ในแบบคนโบราณให้มากที่สุด นับว่าเธอโชคดีที่มีคุณย่า ที่ยังรักษาการพูด ในแบบฉบับของคนยุคเก่าอยู่ จึงทำให้เธอคุ้นชินไม่กระดากอายที่จะพูดเท่าใดนัก
“ดีเจ้าค่ะ ฮูหยินล้มป่วยมาเสียหลายวัน อากาศยามบ่ายกำลังสบายเลยเจ้าค่ะ”
“จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน ท่านเพิ่งฟื้นนะเจ้าคะ หากออกไปต้องลมด้านนอก อาจทำให้อาการป่วยกลับมาได้นะเจ้าคะ ทางที่ดีควรตามท่านหมอมาตรวจสักหน่อยจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“ตัวข้า ข้าย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด”
น้ำเสียงของฉีอิงนั้น บ่งบอกว่าไม่ชอบใจกับคำพูดจาห่วงใยของเสี่ยวเตี๋ย จะทำอย่างไรได้ ภาพที่มันฉายในหัวของเธอนั้น
คือภาพที่หลี่ฉีอิงต้องทนทรมาน เพราะสาวใช้ที่หวังเลื่อนตำแหน่ง ฉอเลาะอยู่กับสามีของนางหลายต่อหลายครั้ง เรื่องนั้นมิเจ้บปวดเท่า ตอนที่เจ้าของร่างนี้ร้องขอให้ช่วยเหลือ เสี่ยวเตี๋ยกลับเดินจากไปอย่างไร้เมตตา
ฉีอิงวางช้อนลง ก่อนจะยกน้ำอุ่นขึ้นดื่มช้า ๆ หญิงสาวแทบไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรให้มาก ในเมื่อเธอเกิดมากับความร่ำรวย ใช้ชีวิตประหนึ่งเจ้าหญิง เธอจึงไม่ค่อยจะตื่นเต้นกับการทำตัวดั่งนางพญา ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“เราไปกันเถอะเสี่ยวเจี้ยน อ่อ...เสี่ยวเตี๋ยข้าฝากเจ้าเก็บของให้เรียบร้อยด้วย และข้าหวังว่า จะไม่มีใครทำนอกเหนือคำสั่งของข้านะ”
ฉีอิงเอ่ยย้ำเตือนความจำของสาวใช้อีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าของร่างนั้น ไม่เคยที่จะทำเช่นเธอในตอนนี้
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
เสี่ยวเตี๋ยรับคำด้วยมิเต็มใจเท่าใดนัก นางอยากที่จะติดตามผู้เป็นนายออกเดินเล่น เผื่อว่านางอาจโชคดีได้พบกับท่าแม่ทัพ เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวได้วางสิ่งที่อยู่ในมือ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากลับร่างของผู้เป็นนายและเสี่ยวเจี้ยน
