ตอนที่ 14
เทียนหยดตัดพลาสเตอร์เป็นชิ้นเล็ก...แปะแผลให้
"เสร็จแล้วค่ะ ฉันใส่ยาให้แล้ว ช่วงนี้ก็ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดหน้าไปก่อนนะคะ ห้ามล้างหน้าจนกว่าแผลจะแห้งค่ะ"
เธอเอายาแก้ปวดมาให้เขาแผงนึง เขามองงง ๆ
"แผลแค่นี้...ต้องกินยาด้วยเหรอ"
"ยาแก้ปวดค่ะ เดี๋ยวคุณก็กินซักเม็ดก่อนนอนนะคะ"
"ฉันไม่ปวดจะกินทำไม"
"ตอนนี้คุณอาจไม่ปวด แต่พรุ่งนี้คุณต้องเจ็บหลังแน่ หลังคุณกระแทกเสาแบบนั้น ไปหาหมอดูสักหน่อยก็ดีนะคะ เพื่อความอุ่นใจ"
"ขอบใจนะ.."
เทียนหยดยิ้ม เอาของเก็บใส่กระเป๋า
"ถ้าคุณจะกลับ ก็กลับเสียตอนนี้นะคะ ดึก ๆ รถสิบล้อออกเยอะค่ะ"
วรายุไม่ตอบ เขาหันไปมองท่านเจ้าสัว เอามือจับหน้าอกของท่าน
"เป็นแบบนี้บ่อยไหม"
"หมายถึงทะเลาะกันหรือคะ"
เขาพยักหน้า
"ก็...มีบ้างค่ะ เวลาขออะไรแล้วท่านไม่ให้ แต่ท่านก็ด่ากลับไปนะคะ"
วรายุกัดฟันกำมือแน่น
"แล้ววันนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ"
"คงเพราะตกใจค่ะ ท่านคงไม่คิดว่าพวกคุณจะถึงขั้นชกต่อยกันแบบนี้"
วรายุหันมามองหน้าเทียนหยด
"นี่เธอจะโทษฉันเหรอ"
"ถ้าไม่โทษคุณ...จะโทษใครล่ะ คุณวู่วามลุกขึ้นชกหน้าคุณต๊อบก่อนนะคะ"
"ก็มันว่าคุณปู่...เธอก็ได้ยิน"
"แค่นี้คุณท่านจัดการเองได้ค่ะ คุณต๊อบก้าวร้าวแบบนี้เสมอ แต่ที่คุณไปชกเขาก่อน เขาแจ้งจับคุณได้นะ"
"แปลว่าฉันผิด"
"ค่ะ...คุณผิด ผิดที่ใช้อารมณ์ แล้วเป็นไงคะ มีอะไรดีขึ้นไหม คุณท่านช็อค คุณกับคุณต๊อบและคุณกานดาก็ต้องผิดใจกัน มองหน้ากันไม่ติด ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย"
วรายุรู้ว่าเทียนหยดพูดถูก แต่ก็ไม่พอใจที่เธอกล้าต่อว่าเขา
"มากไปนะ นี่เธอกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ"
"ฉันเป็นคนพูดตรง ๆ คิดยังไงก็พูดแบบนั้น คุณอาจไม่ชอบฟัง แต่ที่ฉันพูดเพราะสงสารคุณท่าน ไม่ได้อยากจะว่าคุณหรอก"
เทียนหยดเดินออกจากห้อง ทิ้งเขาให้อยู่กับปู่สองคน
เธอกลับมาอาบน้ำที่ห้อง เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ห้องท่านเจ้าสัว ก็เห็นวรายุยังนั่งอยู่ที่เดิม
"เอ๊า...ฉันคิดว่าคุณไปแล้วซะอีก"
วรายุหันมามองเทียนหยด ที่ใส่ชุดนอนแขนยาวขายาว
"เธอจะมานอนเฝ้าปู่ฉันหรือไง"
"ค่ะ...ทำไมหรือคะ"
เทียนหยดเดินมาจับชีพจรที่ข้อมือของท่านเจ้าสัว เธอยิ้มที่หัวใจเต้นเป็นปกติแล้ว
"เธอไปนอนเถอะ...คืนนี้ฉันจะเฝ้าเอง"
"คงไม่ได้หรอกค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของฉัน ถ้าคืนนี้คุณไม่กลับ ก็ไปอาบน้ำนอนเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงคุณท่านนะคะ หัวใจท่านเต้นปกติแล้วค่ะ"
วรายุพยักหน้า ลุกเดินออกไปจากห้อง ท่านเจ้าสัวก็ลืมตาขึ้นมา
"ดีขึ้นบ้างหรือยังค่ะคุณท่าน"
ท่านพยักหน้า จะชันตัวลุกขึ้น เทียนหยดเข้ามาช่วยพยุง ให้ขึ้นมานั่งพิงพนักเตียง
"ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"สักพักแล้ว แต่เจ้าไผ่อยู่ ฉันเลยไม่ลืมตา"
"คุณไผ่เป็นห่วงท่านนะคะ"
"ฉันรู้...แต่ห่วงแล้วไง มันก็ไม่ยอมมาอยู่บ้านนี้อยู่ดี"
ท่านเจ้าสัวหน้าเศร้าพูดเสียงอ่อย เทียนหยดมองท่านอย่างเห็นใจ แต่ก็แค่เห็นใจ นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของท่าน และเธอก็ยุ่งมากไปแล้ว
"ไปนอนเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้"
"เทียนจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าท่านจะหลับค่ะ"
"ไปเถอะ...ไม่ต้องห่วงฉันหรอก"
"ก็ได้ค่ะ...มีอะไรก็กดเรียกเทียนได้เลยนะคะ"
ท่านเจ้าสัวพยักหน้า เทียนหยดจึงกลับเข้าห้องตัวเอง ท่านลุกขึ้นนั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ท่านเป็นห่วงวรายุ...ที่ไปมีเรื่องกับคนิน ท่านกลัวคนินจะผูกใจเจ็บ แล้วคิดจะลอบทำร้ายวรายุ ท่านเจ้าสัวถอนใจ คิดหาทางปกป้องหลานชายคนโปรด
กานดากับคนินกลับมาจากโรงพยาบาล คนินเจ็บไปทั้งตัว เขาแค้นเคืองวรายุมาก
"ไอ้ไผ่...เจ็บใจนัก ผมต้องเอาคืนมันให้ได้"
กานดาที่ล้มลงไปจนเจ็บสะโพก บอกกับลูกชายว่า
"แกจะไปทำอะไรได้ ใคร ๆ ก็เข้าข้างมัน ทั้งพ่อแกทั้งน้องแก แกตัวคนเดียว...จะไปทำอะไรได้ รวยมันก็รวยกว่า แกมันมีแต่มือเปล่า ๆ"
"รวยแล้วไง อย่าให้ผมรวยบ้างก็แล้วกัน ผมจะทำให้รวยกว่ามันอีก"
"เชอะ!...แกทำธุรกิจเจ๊งไปกี่อย่างแล้วล่ะ ถ้าแกทำได้อย่างมัน แกคงรวยไปนานแล้ว ไม่ต้องมาง้อสมบัติคุณปู่แบบนี้หรอก"
"โห...คุณแม่ ทำไมไม่ให้กำลังใจกันบ้างเลย"
"แล้วมันจริงไหมล่ะ แกวู่วามเกินไป แทนที่จะคอยประจบเอาใจคุณปู่ ก็ดันไปด่าคุณปู่แบบนั้น ต่อไปเขาคงไม่ให้อะไรแกแน่"
"ก็ลองไม่ให้ดูสิ..."
กานดาส่ายหัว เอานิ้วจิ้มหน้าผากคนิน
"แกอย่าโง่นักสิไอ้ต๊อบ ไอ้ไผ่มันไม่ชอบมาที่นี่ มันถึงนาน ๆ มาที แต่แกอยู่ใกล้ชิดคุณปู่ แทนที่แกจะเอาใจเขา ดันหาเรื่องเขาตลอด แม่บอกแกไว้เลยนะ ถ้าแกยังทำตัวแบบนี้ สุดท้ายแกจะไม่ได้อะไรเลย"
"กลัวทำไมครับ ถ้าตาแก่นั่นตาย คุณพ่อเป็นลูกชายคนเดียว ยังไงคุณพ่อก็ต้องได้อยู่ดี"
"โง่อีกละ...แกยังมีป้างามตากับอางามพิศอยู่นะ พวกเขาคงยอมให้พ่อแกเอาสมบัติคนเดียวหรอก แล้วถ้าคุณปู่เขียนพินัยกรรมไว้ล่ะ ทีนี้แดงเดียวแกก็อาจจะไม่ได้"
คนินฮึดฮัดขัดใจ โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ กานดาตบไหล่ลูก
"แกต้องใจเย็นกว่านี้ พรุ่งนี้ไปขอโทษคุณปู่ซะ แล้วไม่ว่าคุณปู่จะด่าว่าแกยังไง แกก็ต้องอดทน...เข้าใจไหม เชื่อแม่นะลูก"
คนินพยักหน้ารับปาก
"ผมจะทำตามที่คุณแม่บอกครับ"
กานดาลูบหัวเขา เธอก็จะไม่ยอมให้ลูกชายของเธอถูกเขี่ยออกจากกองมรดกง่าย ๆ แม้จะรู้ว่าคนินไม่ค่อยเอาไหน แต่เขาก็เป็นลูกรักของเธอ
กรองทองได้ยินแม่คุยกับพี่ชาย เธอส่ายหัวอย่างเสียใจ ที่แม่กับพี่ชายหวังสมบัติของท่านเจ้าสัว เธอรู้สึกเอียนที่ต้องมารับรู้กับเรื่องนี้เต็มที แต่เธอจะทำอะไรได้ เธอจะกล้าทรยศเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านเจ้าสัวได้หรือ
