บทที่ 11 ถุงเงินสีแดง
บทที่ 11 ถุงเงินสีแดง
กู้ซีฮันและกู้ฮุ่ยชิวเดินมาถึงหน้าห้องของจินเยว่ หญิงชราเดินปรี่เข้าไปกระชากผมของจินเยว่และลากนางให้ตามมา ร่างเล็กเจ็บจนน้ำตาเล็ด
จินเยว่สับสนไปหมดนางยังไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ แล้วนี่จะจิกหัวกันอีกนานไหมเนี่ยเจ็บจะตายอยู่แล้ว
“มานี่เลยนะนังสาวเลว” ฮุ่ยชิวบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวพร้อมกับลาก
จินเยว่ให้ตามมา
“ท่านแม่ปล่อยเยว่เอ๋อร์เถอะนะเจ้าคะอย่าทำลูกข้าเลย” หนิงเทียนอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงน่าเวทนา
จินเยว่ที่พึ่งตั้งสติได้พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของ
หญิงชรา สุดท้ายนางก็สะบัดหลุดจนได้
“นี่มันอะไรกันเจ้าคะท่านปู่ ข้าทำสิ่งใดผิด ทำไมต้องใช้กำลังกันด้วย” ร่างเล็กรู้สึกตึงที่หนังศีรษะจากการโดนกระชากผมถามอย่างขุ่นข้องใจ
“เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ ตัวเจ้าทำอะไรไว้เจ้าจะไม่รู้ตัวเลยหรือ”
กู้ซีฮันตะโกนเสียงดังลั่น ปกติเขาอาจจะเป็นห่วงหน้าตาของครอบครัวตลอด แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถปล่อยมันไปได้
ครอบครัวของกู้จางลี่ที่ได้ยินเสียงโวยวายก็รีบวิ่งตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้นเห็นจินเยว่นั่งอยู่กับพื้นมือกุมศีรษะก็เผยรอยยิ้มสะใจออกมา แต่พวกเขาก็ต้องรีบเก็บสีหน้าเสียก่อน
“เยว่เอ๋อร์ไปทำอะไว้ขอรับท่านพ่อ” กู้ซีห่าวสงสารบุตรสาวที่โดนทำร้ายแต่ก็ไม่กล้าออกโรงปกป้องมากนักอย่างไรเขาก็ต้องเกรงใจพ่อของเขา
นี่สินะสิ่งที่เธอต้องเจอจินเยว่ พ่อกับแม่ที่เหมือนจะรักเธอมากมายขนาดนั้น แต่เมื่อถึงเวลามีเหตุร้ายพวกเขาก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้เพียงเพราะกลัวคนพวกนี้ ฉันพอจะเข้าใจเธอบ้างแล้วว่าเธอต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอดสูขนาไหนกัน
“ลูกสาวของเจ้าขโมยถุงเงินของท่านพ่อเจ้าไปน่ะสิ” ฮุ่ยชิวพูดน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
“ข้าไม่ได้ขโมยไปนะเจ้าคะ ข้าจะไปขโมยเงินของท่านตอนไหนกัน” เมื่อพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเย็นชายชราใช้ให้นางไปหยิบพู่กันให้ แต่จินเยว่แค่หยิบพู่กันแล้วก็เดินออกมาเลยหาได้ไปขโมยของที่ไหนกัน
“นอกจากข้าและย่าของเจ้าก็มีแค่เจ้าที่เข้าไปในห้องข้าวันนี้ เจ้ายังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือกู้จินเยว่” กู้ซีฮันตวาดน้ำเสียงทรงอำนาจ
“ในสายตาพวกท่านข้าเป็นคนขี้ขโมยหรือเจ้าคะ ข้าเคยขโมยสิ่งใดจากใครสักครั้งไหม” โฉมสะคราญตอกกลับเสียงแข็งพร้อมจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
“พวกเจ้าจับตัวนางไว้ แล้วค้นห้องนางซะ” กู้ซีฮันที่เห็นว่าหลานสาวไม่ยอมรับก็ตวาดขึ้นมาอีกครั้ง
ลุงใหญ่ของจินเยว่คว้าข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้ ร่างเล็กพยายามดิ้นให้หลุดแต่นางไม่สามารถสู้แรงผู้ชายได้ ซูฮวาที่เห็นว่าสามีของนางจับตัวจินเยว่ไว้ได้แล้วก็เริ่มลงมือค้นห้องของหญิงสาว นางแกล้งทำเป็นค้นตรงโน้นทีตรงนี้ที
หนิงเทียนได้แต่นั่งร้องไห้ฟูมฟาย พ่อของจินเยว่ก็เอาแต่คุกเข่าก้มหน้า เป็นพ่อแม่คนประสาอะไรกันแค่ปกป้องลูกยังทำไม่ได้ ถ้ามีลูกแล้วไม่คิดจะปกป้องแล้วจะมีไปทำไมกัน เคยคิดถึงชีวิตเล็กๆที่ต้องเกิดมาท่ามกลางครอบครัวแบบนี้บ้างหรือไม่
“ปล่อยข้านะเจ้าคะข้าเจ็บ” จินเยว่ก็ยังดิ้นรนต่อไป
ซูฮวาเดินไปที่หัวนอนของจินเยว่หยิบหมอนขึ้นมาแล้วสอดมือไปในปลอกหมอน นางแสร้งชะงักทำหน้าฉงนพร้อมขมวดคิ้ว
“เจอแล้วเจ้าค่ะ”
ซูฮวายกถุงเงินในมือให้ชายชราดู นางเขย่าถุงเงินสีแดงในมือแต่มันกลับว่างเปล่า ชายชราที่เห็นแบบนั้นก็เลือดขึ้นหน้าทันทีตอนแรกเขาคิดว่าจะแค่ลงโทษโบยนางไม่กี่ครั้งแต่เมื่อเห็นว่าเงินในถุงเงินไม่อยู่แล้วความโกรธยิ่งทวีคูณ
เพียะ!
ชายชราตบหน้าจินเยว่เข้าไปเต็มแรง บนใบหน้าปรากฏรอยฝ่ามือ จินเยว่ที่เห็นว่าสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆจึงเลือกที่จะเงียบเพื่อคิดหาทางออก
“ลากตัวมันไป” กู้ซีฮันจะโกนลั่น
โดนตบอีกแล้วหรือตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มีวันไหนบ้างที่จะไม่โดนทำร้ายร่างกาย ยังจะต้องทนไปถึงเมื่อไหร่กันนะ
จินเยว่โดนลากมายังกลางห้องรับแขก กู้ซีฮันให้ลูกชายคนโตไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาถึงก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ท่านเสียสติไปแล้วหรือกู้ซีฮันท่านจับตัวหลานสาวตัวเองไว้ทำไม”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาพอดี มาช่วยข้าตัดสินหลานสาวไม่ได้เรื่องของข้าหน่อยเถิด” กู้ซีฮันหันไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน
“นางทำอะไรผิดท่านถึงต้องทำขนาดนี้”
“นางขโมยถุงเงินของสามีข้า เมื่อพวกเราไปค้นห้องนางก็พบแต่ถุงเงินไม่พบเงินข้างในสักอีแปะเจ้าค่ะท่านหัวหน้าหมู่บ้าน” ฮุ่ยชิวรีบชิงอธิบายก่อน
“เป็นดังที่ย่าเจ้าว่าจริงหรือไม่” เขาหันไปถามจินเยว่
“ไม่จริงเจ้าค่ะ” จินเยว่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ถ้าไม่จริงแล้วถุงเงินจะไปอยู่ในห้องเจ้าได้อย่างไร” ชายชราผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านถามน้ำเสียงดุดัน
“ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ยังจะมาโกหกต่อหน้าท่านหัวหน้าหมู่บ้านอีกหรือ” กู้ซีฮันตวาด
เสียงกร้าว
“ข้าบอกว่าข้าไม่ได้เอาไปพวกท่านก็ไม่เชื่อ” จินเยว่ยังคงยืนยันคำเดิม สร้างความโมโหให้ชายชรามากขึ้นไปอีก
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าขอนำชื่อนางออกจากทะเบียนบ้านของพวกเราขอรับ ลูกหลานสารเลวเช่นนี้ข้าไม่ขอเลี้ยงไว้ เมื่อนำชื่อออกแล้วเจ้าก็ออกไปจากบ้านข้าเสีย” ชายชรากล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน ประโยคสุดท้ายหันมาตะคอกใส่หลานสาว
“ท่านแน่ใจแล้วหรือ ข้าว่ามันเกินไปหน่อยหรือไม่”
“ข้าคิดดีแล้วขอรับ” เขาบอกเสียงเรียบ แต่ภายในใจยังคุกรุ่น
“แม่นางมีอะไรจะแย้งหรือไม่” หัวหน้าหมู่บ้านหันไปถามจินเยว่
“ไม่มีเจ้าค่ะ แต่ข้าขอยืนยันคำเดิมว่าข้าไม่เคยขโมยของใคร”
ภายในใจจินเยว่ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมายการออกจากบ้านหลังนี้เป็น
สิ่งที่นางตั้งใจจะทำอยู่แล้ว แค่ออกไปเร็วหน่อยไม่เป็นไรหรอก เพียงแค่ตอนนี้นางยังไม่มีเงินเลยสักอีแปะแล้วจะทำอย่างไร ที่อยู่อาศัยก็ไม่มี อาหารก็ไม่มีเงินซื้อ
“แล้วพวกเจ้าเล่า จะออกไปกับนางหรือไม่” ชายชราหันไปถามพ่อแม่ของ
จินเยว่
หนิงเทียนและสามีครุ่นคิดอยู่นาน กู้ซีห่าวเป็นคนกตัญญูพ่อแม่ เขามักเกรงใจพ่อแม่ของเขาเสมอ เขาเคยขัดใจบิดามารดาแค่ตอนที่เลือกที่จะแต่งกับ
หนิงเทียนที่มีฐานะยากจนเพียงเท่านั้น กู้ซีฮันคิดว่าอย่างไรลูกชายคนนี้ก็รักและ
เกรงกลัวเขามากจะต้องไม่กล้าขัดใจเขาแล้วบังคับให้จินเยว่ขอโทษเขาแน่นอนโดยนึกไม่ถึงเลยว่าบางทีความอดทนของคนเราก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
