บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 กวางน้อยแสนซื่อ

ตอนที่ 5

กวางน้อยแสนซื่อ

รถหรูนำเข้าจากต่างประเทศค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาจอดลงที่หน้าคณะเภสัชศาสตร์ โดยมีคนขับคือ คุณหมอกราฟ หมอเฉพาะทางด้านกระดูก พี่ชายคนโตของเจ้าแก้มเป็นคนขับ

หมอกราฟหันมามองน้องสาวสุดหวงของตนเองที่นั่งอยู่ข้างคนขับและกำลังปลดสายเบลล์ออก

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” เขาเอ่ยบอกน้องสาวเสียงนุ่ม และย้ำเตือนให้เจ้าแก้มดูแลตัวเองให้ดี

“ค่ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เจ้าแก้มยิ้มรับแล้วยกมือไหว้พี่ชายด้วยความนอบน้อม

“ครับ” หมอกราฟยกมือขึ้นมาลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดูส่วนเจ้าแก้มก็ยิ้มแฉ่งให้พี่ชายอย่างน่ารัก

สองพี่น้องร่ำลากันไม่นาน เจ้าแก้มก็เปิดประตูรถลงมา แล้วยืนรอส่งจนพี่ชายของเธอขับรถไปแล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าไปด้านในคณะ แต่ยังเดินไม่ถึงไหนก็มีเสียงเรียกทางด้านหนึ่งดังขึ้น

“แก้ม!! ทางนี้”

เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเป็นหนูดีและชิงชิงนั่นเอง ที่อยู่ในชุดเสื้อคณะและกางเกงยีนส์ขายาว เช่นเดียวกันกับเจ้าแก้ม ที่วันนี้ใส่เสื้อคณะมา ส่วนกางเกงคือยีนส์ขากระบอกสุดฮิต

“มาเช้ากันจัง?” เจ้าแก้มเดินไปหาเพื่อนสนิทแล้วพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ

“จะไม่ให้เช้าได้ยังไงล่ะ ฉันล่ะตื่นเต้น จะได้เจอรุ่นน้องเอ๊าะ ๆ แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว”

หนูดีตอบแล้วก็ทำหน้าเพ้อฝัน เพราะวันนี้คือวันรับน้องรวม ที่รวมทุกคณะในมหา’ลัยมาด้วยกัน จึงทำให้เธอตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เจอทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ต่างคณะ

“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะย่ะ” ชิงชิงพูดขัดขึ้นแล้วทำหน้าเอือม

แต่พอหันมามองเจ้าแก้มที่ยืนขมวดคิ้วงุนและทำหน้าดุอยู่ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“แล้วนี่ทำหน้างงอะไร?”

“หนูดีนัดรุ่นน้องไปทานข้าวเหรอ? ทำไมไม่กินข้าวมาก่อนล่ะ ข้าวเช้าสำคัญนะ”

“แล้วรุ่นน้องคนไหนชื่อเอ๊าะ ๆ อ่ะ เราไม่เห็นจำได้ว่ามีชื่อนี้? รุ่นน้องคณะไหนอ่ะ?”

เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง และสอนเพื่อนสนิทไปด้วย แต่พอนึกถึงรุ่นน้องที่ชื่อแปลก ๆ นั่นเธอกลับจำไม่ได้ว่ามีชื่อนี้ในคณะตัวเองด้วย

แล้วคำพูดของเจ้าแก้มก็ทำให้สองสาวชะงักงัน พูดอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว

“พาฉันไปนั่งทีแก ไม่ไหวแล้ว”

หนูดีหันไปเกาะแขนชิงชิงแล้วพูดขึ้น รู้จักกันมาก็นาน แต่เธอไม่เคยชินเลยเวลาที่เจ้าแก้มไม่เข้าใจมุก และยิงคำถามที่ใสซื่อแบบนี้มาตลอด เรียกได้ว่าช็อตฟีลสุด ๆ

“เออ ไปด้วย” ชิงชิงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วรีบพาหนูดีเดินหนีไป

เจ้าแก้มเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความงง และสุดท้ายก็เดินตามเพื่อนไป

และในขณะที่กำลังจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนด้านหน้าคณะ ก็มีคนเรียกเธอไว้เสียก่อน

“เจ้าแก้ม”

“พี่ฟีน พี่จิน สวัสดีค่ะ” เจ้าแก้มหันไปมองเห็นว่าคนที่เรียกเธอคือพี่รหัสและรุ่นพี่ที่เป็นถึงเฮดว้ากก็รีบยกมือไหว้ทันที

“สวัสดีค่ะ” ตามด้วยสองสาวที่หันมาแล้วหยุดเดินด้วย

“จ๊ะ นี่เจ้าแก้มกับเพื่อนจะไปสนามกีฬาไหม?”

ฟีน หรือฟีน่า พี่รหัสของเจ้าแก้มยกมือขึ้นรับไหว้แล้วถามขึ้น ส่วนจินเขาเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไร

“ไปค่ะ พอดีจะไปช่วยงานที่กองอำนวยการ”

เจ้าแก้มตอบแล้วยิ้มอย่างร่าเริง เพราะวันนี้หน้าที่ของเธอที่ได้รับมอบหมายคือการไปเป็นแพทย์อาสา ร่วมกับคณะแพทย์นั่นเอง

“อ้าว ตัวแทนคณะเราคือเจ้าแก้มเหรอ?” ฟีนขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าจินทันที

จินไม่ได้ตอบ แต่ไหวไหล่เล็กน้อยเท่านั้น เป็นเชิงตอบว่าใช่

“ใช่ค่ะ” เจ้าแก้มจึงตอบแทน

“โอเค อย่างนั้นฝากด้วยนะ”

แม้จะสงสัยว่าทำไมเจ้าแก้มและเพื่อนถึงได้ไปทำหน้าที่นี้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของปีสามและปีที่สูงกว่านี้ แต่ฟีนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ถึงฝากฝังงานให้รุ่นน้องของเธอทำเต็มที่เท่านั้น

อีกอย่างคือเจ้าแก้มเป็นคนเก่ง ความสามารของน้องรหัสเธอสามารถเรียนหมอได้อันดับต้น ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่พอเธอถามเจ้าตัวกลับตอบว่าที่ไม่เรียนหมอ เพราะกลัวผีเสียอย่างนั้น

“ค่ะ”

หลังจากที่แยกย้ายจากพี่รหัส เจ้าแก้มและเพื่อนทั้งสองก็นั่งเล่นกันสักพัก จากนั้นก็มีเพื่อนในคณะมาตามให้ไปรวมตัวกัน

“แก เมื่อไหร่จะถึงกลุ่มเรานี่?”

ชิงชิงเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะหลังจากที่มานั่งรอรุ่นพี่ปีสี่แจกแจงงานอยู่นั้น ก็มีกลุ่มของพวกเธอเท่านั้นเป็นปีสองที่อยู่ตรงนี้ ส่วนเพื่อน ๆ นั้นได้แยกย้ายกันไปแล้ว

“ใจเย็น ๆ กันก่อนสิ รุ่นพี่กำลังจับกลุ่มอยู่” เจ้าแก้มจึงหันมาปรามเพื่อนให้ใจเย็น ๆ

“เจ้าแก้ม ถ้ารุ่นพี่ถามแกว่าอยากไปประจำที่ไหน บอกว่าวิศวะนะ”

หนูดีเอ่ยขึ้น เพราะตัวแทนของกลุ่มที่ต้องไปหารุ่นพี่คือเจ้าแก้มนั่นเอง

“ทำไมต้องวิศวะล่ะ? เราไม่เอาด้วยหรอก พี่กราฟบอกว่าวิศวะผู้ชายเยอะ”

เจ้าแก้มส่ายหน้าพรืดอย่างไม่ยอม เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายของเธอได้ย้ำเตือนมาว่าไม่ให้ไปใกล้คณะวิศวะเด็ดขาด

สองสาวได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าปลงทันที

“เวรกรรม”

“ชิงชิงจะเกิด แต่ถูกพี่กราฟคุมกำเนิดซะอย่างนั้น”

“แกก็อย่าไปฟังพี่แกให้มาก ออกไปเผชิญโลกกว้างบ้างสิ?” แต่หนูดีไม่ยอม พยายามเสี้ยมสอนให้เพื่อนก่อกบถกับพี่ชายตนเอง

“เราก็ออกไปตลอดนะ ไม่ได้อุดอู้นี่นา” เจ้าแก้มก็เถียงขึ้นทันควัน

“เออ เดี๋ยวฉันไปเอง ไม่อยู่แล้ว ปวดหัว” ทำให้ชิงชิงยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความปวดหัว จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าเพื่อไปหารุ่นพี่ทันที

“อ้าว?” เจ้าแก้มมองตามหลังเพื่อนสนิทไปอย่างงงงัน และกำลังจะหันมถามหนูดี

“เราหยุดพูดกันสักสิบนาทีนะแก้ม” แต่หนูดียกมือขึ้นห้ามแล้วพูดเสียงอ่อน

“อะไรกัน?” เจ้าแก้มได้แต่เกาหัวแกรก ๆ ด้วยความงง

ชิงชิงไปไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับยิ้มร่ามาแต่ไกล

“เป็นไง? ได้ไปอยู่คณะไหน” หนูดีเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างลุ้น ๆ

“นี่ แกไม่ควรถามคำถามนี้กับฉันนะ นี่ใครคะ ชิงชิงคนสวยระดับสิบนะ” ชิงชิงจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดขึ้น

“แกจะบอกว่า...” หนูดียกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองด้วยความตะลึง

จากนั้นสองสาวก็มองหน้ากันอย่างรู้ทัน

“กรี๊ดดดดดด”

“ชิงชิง! หนูดี!” เจ้าแก้มสะดุ้งกับเสียงกรี๊ดของเพื่อนสนิททั้งสอง จากนั้นก็รีบปรามทันที

ทำให้ทั้งสองได้สติ หันไปก้มหัวให้กับรุ่นพี่ที่อยู่รอบ ๆ

“อุ๊ย โทษ ๆ ขอโทษค่ะ”

“แกพูดจริงไหม? นี่เราได้ไปที่นั่นจริงเหรอ” หนูดีก้มหัวให้ทุกคนแล้วหันมาถามย้ำชิงชิงอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“จริงสิ แล้วที่แปลกคือ พี่เขาจัดให้เราไปอยู่วิศวะแต่แรกแล้ว” ชิงชิงพยักหน้ายืนยันแล้วพูดขึ้น พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ฮะ?” หนูดีทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ ทางด้านเจ้าแก้มนั้นก็ไม่เข้าใจแต่แรกแล้วเหมือนกัน

“นี่ไง ป้ายชื่อพร้อม ไปกับรุ่นพี่คณะเราอีก 2 แพทย์อีก 3” ชิงชิงจึงยื่นป้ายที่เป็นชื่อของพวกเธอไปให้เพื่อนสนิท แล้วหยิบของตนเองมาคล้องคอไว้

“เอ๊ะ ไหนดูซิ?” หนูดีรับป้ายมาดูด้วยความสงสัย

“จริง ๆ ด้วย”

“แก้มไม่ไปได้ไหม?” เจ้าแก้มยื่นหน้าไปดูเห็นว่าคณะที่เธอต้องไปคือวิศวะ ก็หันมาถามเพื่อนอย่างเกร็ง ๆ

“ไม่ได้!!” สองสาวหันหน้ามาพร้อมกันแล้วปฏิเสธทันที

“ทำไมอ่ะ ถ้าพี่กราฟกับพี่กลูมรู้เข้านะ...” เจ้าแก้มก้มหน้าลงแล้วพูดขึ้นเสียงอ่อน

“ก็อย่าให้รู้สิ”

“แกพูดเหมือนพี่ชายเจ้าแก้มไม่มีคนรู้จักที่นี่อย่างนั้นแหละ” ชิงชิงมองหนูดีที่พูดเหมือนง่าย เพราะพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้มเคยเรียนที่นี่กันทั้งนั้น เจ้าแก้มทำอะไร มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้

“เออ แต่ยังไงแกก็ต้องไป เพราะชื่อเราอยู่นั่น” หนูดีจึงพูดปัดไป และกำชับให้เพื่อนสนิทไปด้วยกัน

“ก็ได้” เจ้าแก้มจำต้องยอม เพราะขัดไม่ได้

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ” หนูดียิ้มร่าอย่างพอใจแล้วลากแขนเพื่อนทั้งสองไป

“อ้าว ไม่ไปรวมกลุ่มก่อนเหรอ?” เจ้าแก้มขืนตัวไว้แล้วชี้ไปที่กลุ่มของรุ่นพี่ที่คุยกันอยู่

“ไม่ต้อง ไปก่อน เดี๋ยวรุ่นพี่ก็ตามไป” แต่หนูดีไม่สนใจ โดยมีชิงชิงเข้าร่วมด้วย สองสาวจึงลากเอาเจ้าแก้มไปที่เต็นท์ของคณะวิศวะทันที

“เจ้าแก้ม!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้เจ้าแก้มหันไปมองทันที

“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยความนอบน้อม

“แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ?” รุ่นพี่ถามขึ้นแล้วมองหาเพื่อนสนิทของเจ้าแก้มทั้งสองคน

“ไปซื้อน้ำตรงนู้นค่ะ”

เจ้าแก้มชี้ไปที่รถน้ำที่อยู่ไม่ไกล ที่ตอนนี้มีเพื่อนของเธอยืนต่อแถวรอซื้อกันอยู่ ส่วนเธอได้รับหน้าที่เฝ้าของ และรอรุ่นพี่มามอบหมายงานให้ ตอนแรกที่มาถึงพวกเธอเห็นเด็กวิศวะนั่งอยู่กันเต็ม จึงไม่กล้าเดินเข้าไป และได้มายืนรอที่ด้านหน้าทางเข้าตรงนี้ ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะขอตัวไปซื้อน้ำกัน

“อ๋อ ตามพี่มาจ้ะ” รุ่นพี่พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินนำเจ้าแก้มไปที่เต็นท์เล็ก ๆ ข้าง ๆ จุดของวิศวะ

“เดี๋ยวแก้มเฝ้าโต๊ะให้พี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่ไปตามคนมาช่วยยกโต๊ะไปตรงนู้น” รุ่นพี่หันมาสั่งเจ้าแก้มให้อยู่เฝ้าของให้ก่อน

“ค่ะ”

เจ้าแก้มรับคำแล้วนั่งลงมอง ๆ ปมองมาด้วยความอย่างรู้อยากเห็น

กึก

ขายาว ๆ ที่กำลังจะก้าวเข้าไปในเต็นท์ของคณะวิศวะชะงักงัน แล้วหันไปมองที่เต็นท์เล็กข้าง ๆ ทันที

เมื่อโซ่เห็นว่าใครที่นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวก็กระตุกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวเปลี่ยนทิศทางการเดินทันที

“สวัสดีค่ะ”

เจ้าแก้มมองไปรอบ ๆ แล้วหันมาเห็นโซ่แล้วก็จำได้ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ยทักทายเขาอย่างเกรง ๆ เธอยังจำได้ดีว่าเจอรุ่นพี่คนนี้ครั้งก่อนเขามองเธอจนเธอเกร็งแค่ไหน

“แพทย์สนาม?” โซ่พยักหน้ารับแล้วเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อที่ห้อยคอเจ้าแก้มอยู่พร้อมกับเอ่ยถาม

“คะ เอ่อ ค่ะ เจ้าแก้มเป็นแพทย์สนาม” เจ้าแก้มจึงพยักหน้ารับ

“ประจำที่ไหน?”

“วิศวะค่ะ”

“หึ”

เมื่อได้ยินคำตอบแล้วโซ่ก็กระตุกยิ้มขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่าที่คนตรงหน้าได้มาอยู่คณะเขาทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของปีสองนั้น ต้องเป็นเพื่อนของเขาอย่างจินแน่ ๆ ที่วางงานมา แต่ก็ถือว่าเพื่อนทำได้ดี

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?” เจ้าแก้มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอจึงเอ่ยถามเผื่อว่าเขาต้องการอะไร ถึงได้มาตรงนี้

“อื้ม”

“เป็นอะไรมาคะ? ถึงแก้มจะไม่ใช่หมอ แต่จ่ายยาให้ได้นะ”

เมื่อโซ่พยักหน้ารับ เจ้าแก้มก็ถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น ใครจะบอกว่าเธอเป็นแค่เด็กปีสองไม่รู้อะไร คนนั้นคิดผิดแน่นอน เพราะเธอได้เรียนรู้วิชาจากทั้งพ่อแม่ และพี่ชายมานานแล้ว

“หัวใจเต้นแรงน่ะ” โซ่ตอบพร้อมกับยิ้มละมุน มองหน้าเจ้าแก้มอย่างสื่อความหมาย

“เอ๊ เหนื่อยหรือเปล่าคะ? หรือว่ามีโรคประจำตัว?” แต่เจ้าแก้มที่ไม่รู้อะไร จึงถามอาการเขาให้ละเอียดอีกรอบ

“เปล่า” โซ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า

“เจ้าแก้มไม่รู้อาการ คงจะจ่ายยาไม่ได้ เดี๋ยวเจ้าแก้มไปตามรุ่นพี่คณะแพทย์ให้นะคะ!!”

เจ้าแก้มทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ขอตัวรีบวิ่งไปเรียกรุ่นพี่ที่รู้เรื่องกว่าเธอมาดีกว่า

“ดะ เดี๋ยว!”

โซ่ขมวดคิ้วแล้วพยายามร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว กวางน้อยแสนซื่อของเขาวิ่งหนีเข้าป่าไปเสียแล้ว

เขาได้แต่คิดว่าหรือที่ตัวเองพูดไปจะทำให้อีกฝ่ายเขินจนต้องหนีไป แต่ท่าทางใสซื่อและแววตาที่ตระหนกนั่นมันไม่ได้มีความเขินอายเลยสักนิดเดียวจริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel