บุพเพอาละวาด
12.40 นาที
“มิลินท์ ครูประพันธ์เรียกพบน่ะ”
ฉันที่กำลังนั่งกินขนมกับเพื่อนอยู่ที่โซนพักผ่อนของโรงเรียนแล้วก็นั่งเมาส์เรื่องทั่วไป สักพักเพื่อนต่างห้องก็วิ่งมาตาม ฉันเลยขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้น
“ขอบใจนะ แล้วไปที่ไหนล่ะ ห้องพักครูเหรอ”
“เปล่าๆ ที่ศูนย์อาหาร”
“อ๋อ อะเค พวกมึงรอกูอยู่นี่ก็ได้”
“ไม่เป็นไร ไปด้วยกัน เดี๋ยวกูนั่งรอ โต๊ะเก้าอี้เรามีเยอะแยะ”
“เคๆ”
ตู้มมมม!!
“เชี้ย ไอ้เซทท์ มึงว่ายเร็วฉิบหาย”
ผมว่ายน้ำไปกลับ 500 เมตร จากนั้นก็ถอดแว่านตาแล้วตอบรุ่นพี่ในชมรมกีฬากลับไปแบบปกติ อ๋อ แล้วพอครูชูศักดิ์เค้าผู้ว่าผมย้ายมานี่เลยทาบทามให้มาอยู่ชมรมกีฬาด้วยกัน ผมก็ตอบรับครูเค้า เพราะผมก็ชอบอยู่แล้ว และตอนนี้ผมก็สนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องทุกคนเรียบร้อยแล้ว มันผู้ชายด้วยกันแล้วก็คุยกันไม่ยากอะ
“อือ นี่ความเร็วปกติ ถ้าให้ว่ายเร็วกว่านี้ก็ทำได้”
“เชี้ยย แล้วมึงเล่นได้ทุกกีฬาเลยเหรอวะ”
“อืม จำความได้ก็แข่งกีฬามาตลอด”
“โคตรสุด กูว่าแล้วทำไมมึงแม่งชำนาญขนาดนี้”
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะตอบเพื่อนในชมรมกลับไปพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ไอ้ที่แพ้ก็มี ใครจะชนะทุกครั้งที่ลง”
“แล้วถ้ามึงต้องแข่งกับโรงเรียนเก่ามึงทำไงวะ”
“ทำให้เต็มที่เท่าที่ทำได้ เพราะพอลงสนามฝ่ายตรงข้ามคือคู่แข่ง นอกสนามเป็นไงค่อยว่ากัน”
“ง้วว น้องผมครับน้องผม”
“หล่อสัส”
“เรื่องนี้กูก็พอรู้ตัวนะ”
“กูหมั่นไส้มึงมาก เออ ว่าแต่มึงอยู่ห้องเดียวกับน้องมิลินท์เหรอวะ”
“อืม”
“แล้วมึงสนใจน้องมิลินท์ไหม”
ผมเลิกคิ้วแล้วมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ในชมรม แล้วพอพี่เค้าถามทุกคนก็ทำหน้าคาดหวังกับคำตอบอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่ายัยตัวสั้น สวย แล้วก็น่ารักมาก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่อนาคตก็ไม่แน่ ผมเลยถามพวกพี่เค้ากลับไป
“ถามทำไม”
“ก็ถ้ามึงเป็นคู่แข่งกูก็จะถอดใจแล้วเชียร์มึงอะสิ น้องมิลินท์นี่ดาวค้างฟ้าเลยนะมึง คนสวยขาของโรงเรียนกูเลย แต่โหดนิดหน่อยเลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปหา”
“ฮึ ไม่ต้องถอดใจ ตอนนี้กูไม่ได้คิดอะไร แต่ในอนาคตไม่รู้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นกูยืนยันคำตอบเดิม ลงสนามทุกคนคือคู่แข่ง”
“สัสเอ๊ย นี่ความรักครับ ไม่ใช่กีฬา”
“มันเหมือนกันแหละ สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคนแพ้คนชนะ”
“มึงนี่เหนือความคาดหมายจริงๆ”
“คุณครูประพันธ์ สวัสดีค่ะ”
ฉันกับเพื่อนเดินมาด้านในของศูนย์อาหารก่อนจะยกมือไหว้คุณครูประพันธ์ ส่วนเพื่อนฉันก็พากันไปสั่งน้ำแล้วก็พากันมานั่งที่โต๊ะ
“อ้าว หนูมิลินท์ หนูนั่งก่อนสิลูก ครูมีเรื่องจะให้เราช่วยอะไรครูสักหน่อย”
“อ๋อ ค่ะ”
ฉันนั่งลงตรงข้ามคุณครูแล้วหลังจากนั้นครูเค้าก็เข้าประเด็นทันที
“เจ้าเซทท์อยู่ห้องเดียวกับหนูใช่ไหมลูก”
“ค่ะคุณครู”
“งั้นครูฝากหนูดูแลเจ้าเซทท์หน่อยนะลูก ไอ้เรื่องกีฬามันเก่งแต่หลานครูมันไม่ค่อยสนใจเรียน หนูช่วยตามงานแล้วดูแลมันแทนครูหน่อยนะ ครูกลัวหลานครูมันจะเรียนไม่จบ มันอาจจะดื้อสักนิดหน่อย ครูไม่เห็นใครนอกจากหนู ถือว่าช่วยครูหน่อยนะลูกนะ”
อือหื้อ หน้าที่อันแสนจะหนักได้เข้ามาอีกงานหนึ่งแล้ว แต่พอมองหน้าคุณครูจะปฏิเสธมันก็ทำไม่ลงอะ เอาวะ มันดื้อกันสักแค่ไหน
“ค่ะ เดี๋ยวหนูจะช่วยดูเพื่อนให้คุณครูนะคะ คุณครูไม่ต้องห่วงค่ะ”
“ขอบใจนะลูก เดี๋ยวครูจะให้ค่าขนมเราเป็นการตอบแทนนะลูกนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะครู หนูเป็นหัวหน้าห้องมีหน้าที่ดูแลเพื่อนอยู่แล้ว คุณครูไม่ต้องคิดมากนะคะ หนูจะช่วยเพื่อนเท่าที่หนูจะทำไหว”
“ขอบใจนะลูกนะ งั้นหนูไปพักผ่อนเถอะลูก ครูรบกวนเวลาพักของหนูล่ะสิเนี่ย”
“ครูคะ หนูก็ลูกศิษย์คุณครูนะคะ เรื่องแค่นี้เองค่ะ งั้นหนูขอตัวไปหาเพื่อนก่อนนะคะ”
“โอเคๆ ขอบใจนะลูกนะ”
“ค่ะ”
ฉันยกมือไหว้คุณครูและยิ้มให้ท่าน เพราะท่านก็คงเครียดแล้วก็เป็นห่วงนายนั่นพอสมควร อีกอย่างท่านก็ใจดีมากๆ ฮึ แบบนี้เจอฉันหน่อย ฉันเดินมาหาเพื่อนจากนั้นก็รีบขอแก้วน้ำที่ฝากเพื่อนะสั่งเลยจ่ะ
“เอาชาเขียวมาให้กูหน่อยสิมึง น้ำตาลในเลือดกูเหมือนจะลด”
“พรืด เอาๆ แล้วครูเค้าเรียกมึงไปคุยเรื่องอะไรวะ”
ฉันดูดน้ำก่อนจะกลืนลงไปในคอและตอบไอ้พวกนี้ออกไปแบบไม่ปิดบัง
“ครูเค้าให้กูช่วยดูแลไอ้เซทท์เรื่องเรียน”
“อุต๊ะ เอาแล้วๆ บุพเพสันนิวาสชัดๆ เหมือนคุณพี่หมื่นเจอกับแม่การะเกด”
“ช่างกล้าเปรียบเนาะ บุพเพอาละวาดเถอะอาการนี้ กูเป็นห่วงเรื่องเดียวอะสิ”
“เรื่องไรวะ”
“กูกลัวกูจะบ้าก่อนจะมีแฟน ไม่กูก็ไอ้บ้านั่นต้องมีใครสักคนที่บ้าไปก่อนแน่ๆ”
“ฮ่าๆ ไอ้สัสเอ๊ย งื้อ แต่อิจฉาอะ เซทท์แม่งคนดังเวอร์ คนตามเฟสตั้งหลายแสน”
“ก็ปกติปะวะ ก็เซทท์เป็นนักกีฬาไปแข่งให้โรงเรียนตั้งเยอะแยะ ไปนอกสถานที่แล้วโปรไฟล์ขนาดนี้ ขนาดมาแข่งที่โรงเรียนเรากูยังเชียร์นางเลยค่ะ”
“คิกๆ นี่ไงจ๊ะ ถึงต้องเจอคนดังฝ่ายเราค่ะ ยอดฟอลพอๆ กัน”
“เฮ้อ กูว่ากูต้องซื้อยาแก้ปวดไปไว้ในห้องหลายๆ กระปุกซะละ ทำไมกูเริ่มรู้สึกว่าความสุขในชีวิตของกาลเทศะเริ่มจะลดลงวะ ทำไมกูรู้สึกอิจฉาพวกมึงจัง กูแม่งน่าสงสารว่ะ”
“พรืด สู้จ่ะสาว”
หลังจากว่ายน้ำเสร็จผมก็มาอาบน้ำสระผมแล้วก็เช็ดตัว เช็ดผม แล้วก็ใส่ชุดนักเรียนจากนั้นก็เดินมาซื้อน้ำเปล่า ขนม ของกินเล่น พอซื้อเสร็จผมก็เดินขึ้นห้อง เพราะตอนนี้ก็กำลังได้เวลาขึ้นเรียนตอนบ่าย พอผมนั่งลงยัยผู้หญิงตัวสั้นที่นั่งข้างๆ เลยพูดขึ้นมา
“นี่ นายเอาโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนคิวอาร์โค้ดของห้อง ถ้าไม่มาหรือจะลาก็บอกในกลุ่ม แล้วเวลามีกิจกรรมฉันจะแจ้งเข้าไปในกลุ่ม”
“อืม เอา ทำเอง ฉันขี้เกียจ รหัส 123456”
“แค่หยิบโทรศัพท์ก็ขี้เกียจเหรอวะ แต่ดูจากรหัสก็รู้”
“ฮึ เออ ทำไมอะ”
“ขี้เกียจจนขนจะขึ้นขนาดนี้ ดีนะขนแม่งขึ้นไม่เยอะ”
ฉันบ่นพึมพำออกมาแล้วก็หยิบโทรศัพท์กดเข้าไลน์ เพราะถ้ามีอะไรฉันก็จะแจ้งเข้าไปในไลน์อยู่แล้ว สักพักก็ได้ยินนายนี่ตอบกลับมา
“ตรงแขนไม่เยอะ แต่ตรงอื่นอะเยอะ”
“ไอ้โรคจิต”
“ฉันหมายถึงขนขา เธอคิดไปถึงไหนอะ”
ผมปรายตามองยัยตัวแสบที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ พอยัยนี่หันมาผมเลยหยักคิ้วส่งไปให้ 2-3 ที
“จับนายสาบานก็ตายฟรีเปล่าๆ นี่ แล้วต่อไปนี้นายคือบัดดี้ของฉัน กรุณาดูแลตัวเองให้ดี เพราะอย่าลืมว่าถ้านายถูกทำโทษฉันต้องโดนทำโทษไปกับนายด้วย ถ้านายโดนลบคะแนนฉันก็จะโดนลบด้วย เพราะฉะนั้นอย่า”
ฉันข่มขู่คนตัวสูงที่อยู่ข้างๆ ถ้าครูประพันธ์ไม่ขอฉันก็ต้องวุ่นวายกับนายนี่อยู่ดี เพราะนายนี่ก็เป็นบัดดี้ฉัน เพิ่งมานึกได้ เพราะตามธรรมเนียมของห้องฉันคือให้ดูแลกันและกัน แล้วฉันก็ว่ามันก็ดีมาตลอดนะ มันทำให้เราช่วยเหลือกัน แต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่ค่อยดีละ ดูนายนี่ตอบฉันกลับมา
“ฮึ งั้นเธอก็ต้องดูแลฉันดีๆ เพราะฉันมันบ้า ถ้าดูแลไม่ดีฉันก็ไม่รู้จะทำให้เธอโดนทำโทษอะไรบ้าง”
ผมสวนยัยนี่กลับไป เออ พอนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นบัดดี้กับยัยตัวสั้นนี่หว่า สนุกดิครับแบบนี้
“แล้วมาคอยดูกันว่าฉันกับนายใครจะชนะ”
“หึ เกมส์ เริ่ม”
“ไอ้บ้า”
“แล้วเธอโทรหาใครอะ”
ฉันกดเบอร์โทรของตัวเองลงในโทรศัพท์ของเขาแล้วก็โทรออก จากนั้นก็บันทึกชื่อ เพราะถ้าไลน์ไม่ตอบจะได้โทรหาไอ้บ้านี่ได้ แล้วก็เพิ่มเพื่อนพร้อมกับกดรับไว้ทุกช่องทางไปเลยแม่
“ก็โทรหาฉันไง แล้วฉันก็บันทึกเบอร์ฉันลงในเครื่องนายแล้ว ไลน์ส่วนตัวของนายฉันก็มี เฟสบุ๊ค IG มีหมด อะ เอาคืนไปซะ โทรศัพท์นายหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วตอนแรกคิดว่ายัยนี่พูดเล่น แม่งทุกอย่างที่ยัยนี่พูดเป็นเรื่องจริงหมดหลังจากผมเช็คในโทรศัพท์ แม่งโคตรจะกล้าแกร่ง
“เธอนี่นะ”
“ฟังไว้นะ เป็นบัดดี้ของฉันนายห้ามดื้อและเป็นเด็กดีซะ เพราะถ้านายดื้อ นาย เจอ ฉัน”
“งั้นเธอเตรียมตัว เตรียมใจไว้ได้เลย ยัยเตี้ย”
“งื้ออ ตายซะ”
“เฮ้ย แค่กๆ”
ฉันหันมาหาไอ้บ้านี่ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างบีบลงไปที่คอของนายนี่แรงๆ จนหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉันเลยปล่อยมือออกพร้อมกับหยักคิ้วส่งไปแบบกวนๆ
“เอาแล้วเว้ยๆ เกมส์ความรักของเพื่อนกูได้เริ่มขึ้นแล้ว”
“จริง แล้วเซทท์ต้องชอบไอ้มิแน่ๆ กูฟันธง”
“เพื่อนกูจะมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย”
“ฮึ นี่ไงคะ คนที่จะสอยดาวค้างฟ้าของกูลงมา หน้าตา ฐานะ โปรไฟล์โคตรสมกัน กูเชียร์ค่ะ”
“จริงค่ะ”
“เซทท์ ลุก”
“จะไปไหนของเธอ”
“เอางานไปส่งสิ”
“ครูเค้าให้ทำเป็นการบ้าน เธอดีดอะไรของเธอ ถ้าเขาให้ส่งตอนนี้เขาก็ต้องพูดว่าเป็นการโรงเรียนแล้วสิ”
ฉันถอนหายใจก่อนจะนั่งลงแล้วจับนายนี่นั่งดีๆ เพราะอีกนิดแม่งจะนอนลงไปกับโต๊ะได้อยู่ละ แล้ววิชานี้ฉันเรียนวิชาภาษาไทย งานมันก็แค่ง่ายๆ ปะ แค่ทำแบบฝึกหัด ฉันเลยต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจ
“ฟัง กลับไปนายก็ไม่ทำ เพราะฉะนั้นทุกวันก่อนกลับบ้านนายต้องนั่งทำการบ้านของวันนั้นกับฉันให้เสร็จ เพราะฉันรู้ไอ้คนขี้เกียจแบบนายที่มีโนบิตะเป็นไอดอลกลับบ้านไปก็ไม่ทำ สุดท้ายก็กองงานแล้วพอถึงเวลาเรียกเก็บก็ไม่มีส่ง”
“เยอะ ฉันทำไม่ทำเกี่ยวอะไรกับเธอ เธอจะไปส่งก็เอาไปส่งสิ แล้วเลิกเรียนฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้นอะ เรียนมาทั้งวันก็จะตายอยู่ละ”
ผมตอบยัยตัวแสบกลับไปตามที่ตัวเองคิด ก็มันจริงอะ แค่เรียนในห้องก็จะอาเจียนออกมาเป็นหนังสืออยู่ละ แล้วทุกวันต้องมานั่งทำการบ้านเหมือนไปเรียนพิเศษอีกเนี่ยนะ ไม่เอาอะ ขนาดอยู่โรงเรียนเก่าผมยังจ้างเพื่อนทำเลย
“ถ้าไม่ทำตอนเย็นเวลาที่เหลือในห้องนายก็ต้องรีบทำ”
“ไม่ทำ”
“ไอ้เซทท์”
“อย่านะโว้ย ถ้าบีบคอฉันอีกฉันจะบีบเอวเธอ แล้วถ้าเธอต่อยฉัน ฉันจะบีบถัดจากเอวขึ้นไป กล้าก็มา พี่พร้อมตลอด”
“ไอ้โรคจิต ทำไมฉันต้องมาเจอนายด้วยวะ”
ฉันกำมือก่อนจะหันไปมองทางอื่น แล้วนายนี่แม่งเหมือนโนบิตะจริงๆ อะแก พวกแกก็รู้สึกใช่ปะ เรื่องเรียนนี่เฉื่อยชา ขี้เกียจเรียน แต่เรื่องอื่นเห็นตาแม่งโตยังกะนกฮูก เวรกรรมของฉันแม่งทำงานหนักเกินไปปะวะ
“ถ้าเบื่อ ถ้ารำคาญ ก็อย่ามายุ่งกับฉัน ต่างคนต่างอยู่”
ผมเก็บหนังสือกับสมุดใส่ไว้ใต้ลิ้นชักพร้อมกับพูดกับยัยตัวเตี้ยที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ เพราะผมไม่ได้อยากให้ใครมาวุ่นวายหรือมาสั่งปะ
“ไม่”
พอฉันได้ยินไอ้บ้านี่พูดก็รีบหันกลับมาแล้วสวนออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วจะให้คนอย่างฉันยอมไอ้บ้านี่อะน่ะ ไม่มีทางอะ
“ฮึ งั้นก็เตรียมพลังให้พร้อมในการลงสนามด้วยนะ”
“เออ”
ผมเลิกคิ้วมองยัยตัวแสบที่ตอนนี้สีหน้าแม่งโมโหจนจะฆ่าคนได้แล้วก็จ้องมาที่ผมนิ่งๆ แล้วจากนั้นยัยตัวสั้นก็หยิบขนมผมไปกินแบบหน้าตาเฉยด้วยนะ
“เฮ้ย นี่ขนมฉันนะเว้ย”
“ก็ใช่ไง ขนมอร่อยมากเลยคะบัดดี้ อ๋อ แล้วนายจะไปสุดแค่ไหน แต่นายจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะ ว่าฉันสุดกว่านายมากๆ แล้วนายก็ไม่บ้าคนเดียวหรอก เพราะฉันก็บ้า เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำให้ฉันบ้า”
ฉันยิ้มมุมปากก่อนจะหยักคิ้วให้ไอ้บ้านี่ไป 2-3 ที แล้วอีกอย่างคุณครูทุกคนเขาก็อนุญาตให้กินขนมได้นะ ไม่ได้ห้าม คือกินได้ตลอดอะ แต่เราก็ต้องดูความเรียบร้อยแล้วก็กาลเทศะเหมือนกัน จะมายำแหนมในห้องก็ไม่ใช่อะเนาะ คิกๆ
“ไอ้เตี้ย”
“ไอ้เปรต งื้อ เอาของฉันมา”
“เวลาของตัวเองอะหวง ยัยคนใจดำ ยัยคนใจแคบ ยัยหน้ากลม ยัยเผือก โอ๊ย!”
ผมพูดจบยัยตัวสั้นก็ใช้มือหยิกที่เอวผมแรงๆ แล้วแม่งทั้งเจ็บทั้งแสบ พอได้ยินเสียงผมคุณครูเลยรีบถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ชนรพ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไหวไหม ไปห้องพยาบาลหรือเปล่า”
“เปล่าครับครู ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ ได้นั่งเรียนกับหัวหน้าห้องทั้งวันเลยตื่นเต้นไปหน่อย”
“คิกๆ”
พอนายนี่ตอบคุณครูเขาไปทั้งเพื่อนทั้งคุณครูคือพากันหัวเราะออกมา ฉันเลยเบะปากใส่คนตัวสูงแล้วก็เอาสมุดจดงานของตัวเองขึ้นมา ถ้าวิชาไหนทำเสร็จก็จะติ๊กไว้ในช่อง แล้วส่วนมากฉันจะทำทุกวิชาเลยว่าวิชานี้สั่งงานอะไรบ้าง ทั้งการบ้านทั้งชิ้นงาน เพราะบางทีเพื่อนก็มาถาม เนี่ยแหละหน้าที่อันแสนจะยิ่งใหญ่ของฉัน
“เครื่องในรวนแล้วมั้งกู ตัดมือทิ้งแม่ง”
“ฮึ ฉันก็จะเตะก้านคอนายให้นายสลบ”
ผมขมวดคิ้วมองยัยตัวสั้นที่ตอบออกมาโดยไม่ใช้เวลาคิดด้วยนะ แล้วผมก็ยังไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างยัยนี่เลยสักคน ผมเลยตอบยัยนี่กลับไป
“ตัวแม่งเท่าปอมๆ แต่ขู่เหมือนตัวเองเป็นพิทบูล ไปต่อขาเถอะ”
“จะลองปะล่ะ”
“เอาปะล่ะ”
“ไอ้บ้า”
“ยัยบ้า”
“อิเจม มึงแน่ใจนะว่านางสองคนจะชอบกันได้อะ แม่งจะฆ่ากันอยู่แล้วนะ”
“เออ มันกรุบแค่ไหนมึงไม่เห็นเหรอ”
“ก็จริง เราแอบถ่ายโมเมนต์ลงติ๊กตอกดีกว่า”
“เริ่ดสุด”