
บทย่อ
" ง่วงหรือยัง.. หื๊ม? " พระสุวรรณเมฆานำพาน้องน้อยมาตรงพระแท่นบรรทม ร่างหนาหย่อนกายลงนั่งตรงปลายพระแท่นแล้วรั้งเอวคอดของน้องให้ลงมานั่งบนตักตน มือหนาโอบน้องเอาไว้หลวม ๆ " ยังมิค่อยง่วงเท่าไหร่เจ้าค่ะ " ครุฑีตัวน้อยตอบพระสวามีเสียงใส.. ก็ไม่ง่วงจริง ๆ นี่ " อีกประเดี๋ยวก็ง่วง.. เพราะพี่จักทำให้น้องง่วงเอง ฟอดด " ปลายจมูกโด่งได้รูปปัดป่ายบนไหล่เนียนไปมาก่อนจะฝั่งลงไปสูดกลิ่นหอมหวนไปฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว " งื้อ.. ทุกคืนเลย มิเหนื่อย มิเมื่อย.. บ้างหรือเจ้าคะ? " ครุฑีน้อยย่นจมูกอย่างน่าเอ็นดู คำเตือน : นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับนักอ่านที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ####
ตอนที่ ๕๖ ยืนมิไหว
.
.
.
แสงสีทองผ่องอำพันของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาภายในห้องบรรทมใหญ่ของเมืองพนาราพณ์ ครุฑีตัวน้อยยังคงหลับใหลอยู่บนแผงอกแกร่ง เพราะความเหนื่อยล้าที่กษัตริย์อสุรานั้นมอบให้ตลอดทั้งคืน
พระสุวรรณเมฆาจ้องมองเมียตัวน้อยที่หลับใหลบนแผงอกแกร่งของตนนิ่ง กษัตริย์อสุราตื่นนานแล้ว แต่ก็มิได้ปลุกน้องน้อยให้ตื่นเพราะใคร่จักให้น้องได้พัก
ดวงตาสีนิลเปล่งประกายวาววาบอย่างพึงพอใจ นัยน์ตานั้นแฝงรอยยิ้มสุขใจยิ่งนัก ..เมื่อในตอนนี้ตนได้ครอบครองครุฑีน้อยแล้ว
“ มายา.. ”
“.......”
“ มายา.. ”
“ มายา!!.. ตื่นได้แล้วหนา ”
เสียงของพนาลีเอ่ยเรียกมายาที่กำลังหลับใหลบนม้านั่งตัวยาวที่อยู่หน้าห้องบรรทมใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่อวบของมายาแล้วเขย่าเพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น
“ อื้ออ.. ตายแล้ว!! นี่ข้าเผลอหลับไปอย่างงั้นหรือนี่? หลับไปตอนไหนเนี่ย? มิรู้ตัวเลยหนา ”
มายาส่งเสียงงัวเงียออกมา พลางเอื้อมมืออวบอูมขึ้นมาขยี้ตาตัวเองพร้อมทั้งรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเบิกตากว้างร้องตกใจออกมา
“ เจ้านี่จริง ๆ เลยมายา ..แล้วนี่องค์เหนือหัวออกมาจากห้องบรรทมแล้วหรือไม่เล่า? ”
พนาลีมองค้อนพลางบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามถึงกษัตริย์อสุราทันที
“ นั่นสิ!!.. ข้าก็รอองค์เหนือหัวจนดึกจนดื่น ก็มิเห็นพระองค์ออกมาเสียที ”
“........”
“ รอพระองค์อยู่นานสองนาน แล้วข้าก็เผลอหลับไปอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละพนาลี ”
เป็นคำตอบที่ทำให้พนาลีถึงกับมองบน ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าให้ ..แล้วจะรู้ได้ยังไงกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องบรรทมใหญ่
“ ช่างเถอะ.. เช้าแล้ว เราเข้าไปดูพระธิดากันก่อนเถิดหนา ”
คงจักต้องเป็นเช่นนั้น เช้าแล้วก็ต้องเข้าไปดูแลพระธิดาตัวน้อยเฉกเช่นทุกวัน
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เข้าไปดูพระธิดาก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจักไปเอาอ่างสรงพระพักตร์แล้วจักรีบตามไปหนา ”
“ เช่นนั้นเจ้าก็รีบหน่อยแล้วกันนะสายแล้ว ..ข้าเกรงว่าพระธิดาจักตื่นบรรทมแล้วหนา ”
“ อื้ม..ประเดี๋ยวเดียว ..ข้าจักรีบไปรีบมา เจ้ารีบเข้าไปก่อนเถิด ”
พูดจบมายาก็รีบเดินไปทางข้าง ๆ พระตำหนักทันทีเพื่อไปเอาอ่างสรงพระพักตร์
เมื่อประตูบานใหญ่ของห้องบรรทมถูกเปิดออก พนาลีมองไปที่พระแท่นบรรทม และภาพแรกที่เห็นคือพระธิดาตัวน้อยนั้นนอนหลับใหลนิ่งไม่ขยับ อยู่บนแผงอกแกร่งของกษัตริย์อสุรา พนาลีดวงตาเบิกโพลงในทันที ก่อนที่รอยยิ้มดีใจจะปรากฏบนใบหน้า
พนาลีรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ เมื่อกษัตริย์อสุราส่งสัญญาณมาไม่ให้ตนส่งเสียงดังออกมาเพราะกลัวว่าครุฑีน้อยที่กำลังหลับใหลบนแผงอกนั้นจักตื่นขึ้น
“ อ้าว! เหตุใดเจ้ายังมิเข้าไปอีกเล่าพนาลี? ”
“ !!.. ”
จู่ ๆ เสียงของมายาที่ยืนถืออ่างสรงพระพักตร์อยู่ก็เอ่ยถามดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ แล้วพระธิ อุ๊บ! ”
ไม่ทันที่มายาจะได้เอ่ยอะไรต่อ เพราะพนาลีนั้นเอื้อมมือไปปิดปากนางเอาไว้เสียก่อน
แล้วมายาก็ต้องเบิกตากว้างไปอีกตน เมื่อพนาลีส่งสัญญาณให้มองตามสายตาตน ก่อนจะเอ่ยกระซิบที่ข้างหูมายาเบา ๆ
“ เราออกไปกันก่อนเถิด เดี๋ยวพระธิดาจักทรงตื่น ”
“ อื้อ ๆ ”
มายารีบพยักหน้างึก ๆ ก็ในเมื่อปากโดนปิด ส่วนมือทั้งสองข้างก็ถืออ่างสรงพระพักตร์เอาไว้ จะทำอันใดได้นอกเสียจากรีบพยักหน้ารับ
“ จริงหรือนี่?.”
มายาเบิกตาโตก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น รอยยิ้มดีใจปรากฏฉายชัดบนใบหน้า และสีหน้าของพนาลีเองก็ไม่ต่างกัน ค่อนข้างจะดีใจเอามาก ๆ
“ ข้าว่าเราควรจักไปตระเตรียมสระสรงน้ำน่าจักดีกว่าหนามายา.. ข้าคิดว่าหากพระธิดาทรงตื่นบรรทมขึ้นมา คงใคร่จักสรงน้ำมากกว่าสรงพระพักตร์เป็นแน่ ”
เพราะเท่าที่เห็นทำให้พนาลีคิดว่ากษัตริย์อสุราของตนนั้นคงจะรังแกพระธิดาตัวน้อยหนักตลอดทั้งคืนเป็นแน่ ครุฑีน้อยถึงได้หลับใหลมิรู้เรื่องเฉกเช่นนี้
“ นั่นสิ.. เช่นนั้นเรารีบไปเตรียมอ่างสรงน้ำกันเถิดพนาลี ”
มายาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
เพราะความเหนื่อยล้าทำให้ครุฑีตัวน้อยหลับใหลยาวนานจนครึ่งค่อนวัน โดยที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนแผงอกแกร่งของกษัตริย์อสุรา พระสุวรรณเมฆายอมที่จะนอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นเพื่อให้เมียตัวน้อยได้หลับสบาย
เปลือกตาคู่สวยเริ่มขยับ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นช้า ๆ ก็เห็นว่าตนเองนั้นกำลังนอนอยู่บนแผงอกกว้าง และแผงอกนี้ก็คงจะเป็นของผู้ใดไปมิได้นอกเสียจากแผงอกของพระสุวรรณเมฆา
แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อทันใด เมื่อจู่ ๆ ภาพบทรักแสนจะเร่าร้อนที่กษัตริย์อสุรามอบให้ในค่ำคืนที่ผ่านมานั้นฉายชัดเข้ามาในหัว
“ ตื่นแล้วหรือน้องพี่?.. เจ้าหลับไปครึ่งค่อนวันเลยหนารู้หรือไม่เล่า ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมขึ้นลูบหัวของน้องน้อยอย่างแผ่วเบา แววตานั้นเปล่งประกายเอื้อเอ็นดู
“ จริงหรือเจ้าคะ? ”
ครุฑีน้อยเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามกลับอย่างตกใจ ก็มิเคยจักนอนตื่นสายเฉกเช่นนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ก่อนที่จะรีบเบือนหน้าไปอีกทาง เพื่อหลบสายตากรุ้มกริ่มของกษัตริย์อสุราที่กำลังจ้องมองมา
“ พี่ขอโทษ.. ที่รังแกเจ้าจนเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้.. ”
“.......”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่กษัตริย์อสุราเอ่ยออกมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย
“ น้องหิวหรือไม่นิศามณี? ”
“.......”
“ ว่าอย่างไรเล่าน้องพี่ เจ้าหิวหรือไม่? ”
เมื่อน้องน้อยไม่ตอบอันใดกลับมา กษัตริย์อสุราจึงเอ่ยถามย้ำขึ้นอีกหน
“.......” ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่นด้วยท่าทีที่ขวยเขิน
“ หรือว่าเจ้าอิ่มเอมจนมิหิวโหยอันใดแล้วหนา ”
เห็นน้องน้อยนั้นมีท่าทีที่เขินอาย กษัตริย์อสุราก็อดที่จะเอ่ยหยอกล้อออกมาไม่ได้ แก้มเนียนที่กำลังแดงระเรื่ออยู่แล้วก็เห่อร้อนขึ้นไปอีก
“ ยังมิหิวเจ้าค่ะ น้องใคร่จักอาบน้ำมากกว่าเจ้าค่ะ ”
กษัตริย์อสุรายิ้มให้กับคำตอบของน้อง ที่ตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเพราะกำลังเขินอาย ..ก็รังแกน้องตลอดทั้งคืนเช่นนั้น น้องคงอยากจะอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว
“ ปล่อยน้องลงเถิด น้องเดินไปเองได้เจ้าค่ะ ”
ครุฑีน้อยเอ่ยขึ้นขณะที่ร่างเล็กอยู่ในอ้อมแขนของกษัตริย์อสุรา เมื่อพระองค์นั้นโอบอุ้มออกมาจากห้องบรรทมโดยไม่ยอมให้เดิน
“ แค่ยืนน้องยังมิไหวเลยหนา แล้วจักเดินไปได้อย่างไรกันเล่า.. ให้พี่โอบอุ้มน้องไปเถิด อย่าดื้อเลยหนา ” เอ่ยกับน้องน้ำเสียงนุ่ม ..ไม่กล้าดุหรอกเดี๋ยวน้องจะตกใจ
“.......”
ครุฑีน้อยก้มหน้างุดเมื่อมิกล้าแม้แต่จะเถียง เพราะเมื่อครู่นั้น เพียงแค่ก้าวลงจากพระแท่นบรรทม ร่างเล็กก็ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที ก็ในเมื่อขาแข้งนั้นมันอ่อนไปหมด ร่างเล็กนั้นปวดร้าวไปทั้งตัวจนแทบยืนมิไหว
เวลาต่อมา
“ สบายตัวขึ้นแล้วใช่หรือไม่น้องพี่? ”
กษัตริย์อสุราเอ่ยถามเบา ๆ ข้างใบหูงาม ขณะที่ฝ่ามือหนานั้นโอบประคองน้องน้อยจากทางด้านหลัง ภายในสระสรงน้ำพลางลูบไล้เอวคอดกิ่วอย่างแผ่วเบา
“ เจ้าค่ะ ”
ครุฑีน้อยเอ่ยตอบออกมาทั้งที่ใบหน้าเนียนนั้นยังคงแดงระเรื่อไม่จางหาย ก็มิเคยอาบน้ำร่วมกับผู้ใดมาก่อนจะไม่ให้เขินอายได้อย่างไรกัน
“ เช่นนั้นก็ขึ้นจากสระเถิด เจ้ายังมิได้กินอะไรเลย ..ป่านนี้พนาลีคงจักเตรียมโต๊ะเสวยแลเครื่องต้นไว้รอเรียบร้อยแล้วหนา ” ก็กลัวว่าน้องนั้นจะหิว
“ น้องยังใคร่จักแช่น้ำอีกเดี๋ยวเดียว ได้หรือไม่เจ้าคะ? ”
รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏบนใบหน้าหล่อของกษัตริย์อสุราทันทีพลางส่ายพระพักตร์เล็กน้อย
พระองค์ก็รู้อยู่แล้วหละว่าน้องนั้นจะต้องตอบตนเช่นนี้ เพราะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งเวลาอาบน้ำในสระ ครุฑีน้อยจะไม่ยอมขึ้นจากสระง่าย ๆ
“ ตั้งแต่เช้าเจ้ายังมิมีอาหารใดตกถึงท้องเลยหนาน้องพี่ เจ้ามิหิวโหยบ้างเลยหรืออย่างไรเล่า? ”
“ ก็น้องยังมิหิวนี่เจ้าคะ ”
“ หรือว่าเจ้านั้นอิ่มเอมจนมิหิวโหยแล้ว ”
พระสุวรรณเมฆาจับร่างเล็กให้หันมาหาช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาพร้อมกับแววตาหยอกเย้า
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
