บทที่ 8 ตอบแทนบุญคุณ
หลังจากกลับถึงเหมืองหลวง ซ่งหยีเหนียนใช้อิทธิพลทั้งหมดที่มีตามหาผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับคนผู้นั้นได้ นั่นทำให้เขายิ่งอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนผู้นั้นมากขึ้น! แต่ว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา คนผู้นั้นก็ไม่ได้ติดต่อเขามาเลย เขาคิดว่าคำสัญญานี้คงจะกลายเป็นคำพูดลอยๆ ไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่าย เขาจะไม่ดีใจได้ยังไง!
สวีเส้าถางเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ซ่งอานปังอย่างท้าทาย และพูดกับปลายสายว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรใหญ่โต แค่ตอนนี้ตรงข้ามผมชื่อว่าซ่งอานปังดูเหมือนว่าจะเป็นผู้บัญชาการ ของเขตทหารตะวันออกเฉียงใต้ กำลังตะโกนว่าจะประหารผม…”
ตู๊ด ตู๊ด…
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปทันที
ซ่งอานปังหัวเราะออกมา เมื่อครู่มีแวบหนึ่ง เขาสึกว่าเด็กคนนี้จะรู้จักกับพ่อของเขา ทำเป็นพูดจาโอ้อวด ที่แท้ก็แค่เสแสร้งแกล้งทำ!
“ดูสิ เสียงเกือกเหล็กดังสนั่น ก้าวข้ามภูเขาและแม่น้ำทั่วหล้า…”
เสียงเรียกโทรศัพท์ในกระเป๋าของซ่งอานปังดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ในใจรู้สึกไม่ดีขึ้นมากะทันหัน พอเห็นว่าผู้โทรคือพ่อของเขา เขาก็รีบกดรับสาย เขายืดตัวตรงและกล่าวทักทายเสียงดังว่า “ครับ…คุณพ่อ…”
“ฉันไม่สนว่าคนตรงข้ามแกทำอะไรผิด รีบปล่อยเขาไปเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า!” เสียงคำรามด้วยความโกรธของซ่งหยีเหนียนดังมาจากโทรศัพท์ จะไม่ให้ซ่งหยีเหนียนโกรธได้ยังไง ลูกชายของเขาถึงกับคิดจะประหารชีวิตผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้? ล้อเล่นใช่ไหม ด้วยฝีมือการต่อสู้ของคนผู้นั้น ไม่จำเป็นต้องโทรหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ? การที่เขายอมโทรมาหาตนเอง แสดงว่าเขายังเห็นแก่หน้าตนเองอยู่ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ลูกชายของเขาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว!
พอได้ยินเสียงคำรามของพ่อ ซ่งอานปังจับโทรศัพท์ในมือไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึง เขานิ่งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับปลายสายอย่างไม่เต็มใจว่า “แต่ว่า… คุณพ่อครับ เจ้าบ้านี่เกือบจะข่มขืนญีโน่นะครับ…”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ปล่อยคนที่อยู่ตรงข้ามแกเดี๋ยวนี้! ถ้าเขาเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ฉันเอาแกตาย! และพูดขอโทษเขาด้วย!” คำพูดของซ่งหยีเหนียนบ่งบอกว่าห้ามแม้แต่จะปฏิเสธ พอพูดจบเขาก็วางสายทันที
ซ่งอานปังมองโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้ามึนงง พอได้สติกลับมา เขาก็ทำได้เพียงวางมือลงอย่างหมดแรง สมองเต็มไปด้วยเสียงคำรามของพ่อ จนถึงตอนนี้ เขายังคิดว่าเขากำลังฝันอยู่ ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงรู้จักพ่อเขาได้? ทำไมพ่อของเขาถึงไม่ถามอะไรเลยก็ให้เขาปล่อยคน?
ยังให้เขากล่าวขอโทษเจ้าบ้านี่อีก? เจ้าบ้านี่ ลูกสาวของเขาเกือบจะถูกอีกฝ่ายข่มขืน แต่เขายังต้องกล่าวขอโทษเขาอีกเหรอ?
คุณพ่อเสียสติไปแล้วหรือเปล่า?
แน่นอน ว่าเขาก็กล้าพูดแค่ในใจเท่านั้น ถึงเขาจะมีความกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดออกมาแน่ ในตระกูลซ่ง คำพูดของพ่อเขามีอำนาจเด็ดขาด!
สวีเส้าถางเปลี่ยนท่าทางให้สบายขึ้น เขายกยิ้มมองไปทางซ่งอานปังคิดว่าจะทำอะไรเขาก็ได้เหมือนบีบดินเหนียวเล่นหรือไง และอีกอย่าง ดินเหนียวยังมีความเป็นดินที่แข็งแกร่งอยู่สามส่วนนะ!
“ผู้บัญชาการซ่ง รีบพูดขอโทษผมได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าหูของผมตั้งขึ้นมารอฟังขนาดนี้แล้ว?” ที่เขาพูดกันว่าตีคนให้ตีหน้าให้อีกฝ่ายต้องขายหน้า นายคงคิดว่าจะเล่นงานฉันได้แล้วสินะ ตอนนี้มาขอโทษฉันซะดีๆ !
ซ่งอานปังโมโหจัด จะให้เขาขอโทษเจ้าบ้านี่? ไม่มีทาง!
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!” ซ่งอานปังตัดสินใจปล่อยตัวเจ้าบ้านี่ไปก่อน แล้วค่อยตรวจสอบประวัติของเขาทีหลัง ดูเหมือนว่าข้อมูลที่เขาได้มาก่อนหน้านี้จะผิดพลาดไป เห็นได้ชัดว่าเจ้าบ้านี่ไม่ง่ายอย่างที่ข้อมูลบอกไว้
ทหารรักษาการณ์ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกประตูรีบเปิดเข้ามา และทำความเคารพซ่งอานปัง
“ส่งตัวเจ้าบ้านี่กลับตระกูลสวี!” ถึงแม้ซ่งอานปังจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่คำสั่งของพ่อเขาไม่สามารถฝ่าฝืนได้
ทหารรักษาการณ์ทั้งสองคนเดินเข้ามาทันที และเตรียมจะพาสวีเส้าถางออกไป แต่สวีเส้าถางกลับไม่ยอม เขายังไม่ได้ฟังคำขอโทษเลย แล้วจะให้เขาไปได้ยังไง?
มือของเขาวางลงที่โทรศัพท์ แต่ตากลับมองไปที่ซ่งอานปัง ซ่งอานปังเข้าใจทันทีว่าเจ้าบ้านี่กำลังข่มขู่เขา ถ้าเขาไม่พูดขอโทษ เจ้าบ้านี่ก็จะโทรหาพ่อเขาอีกครั้ง! ถึงตอนนั้น เขาคงไม่ใช่แค่โดนตะโกนด่าแน่นอน!
ซ่งอานปังโบกมือให้ทหารรักษาการณ์ทั้งสองคนถอยกลับไปก่อน ยังไงก็จะพูดขอโทษเจ้าบ้านี่ต่อหน้าทหารรักษาการณ์ทั้งสองคนไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาที่เป็นถึงผู้บัญชาการ ของเขตทหารตะวันออกเฉียงใต้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“สวีเส้าถาง นายอย่าได้คืบจะเอาศอก!” ซ่งอานปังตะโกนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
สวีเส้าถางยกยิ้มเล็กน้อย: “ผู้บัญชาการซ่ง ผมกำลังช่วยคุณทำตามคำสั่งของท่านซ่งอยู่นะ คุณคงไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าคำสั่งของท่านซ่งไม่มีความน่าเกรงขามหรอกใช่ไหม?”
ซ่งอานปังโมโหมาก หลายครั้งที่มือของเขาจะจับปืนที่เอว เขาอยากจะควักปืนออกมาและจัดการกับเจ้าบ้าจริงๆ! แต่พอคิดถึงคำสั่งของพ่อเขา สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ พยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง ข่มความคิดที่จะยิงสวีเส้าถางตายลงไป แล้วพูดออกมาเสียงแข็งว่า “คุณชายสวี ขอ……โทษ……ด้วย!”
ซ่งอานปังกัดฟันพูดสามคำนี้ออกมา ตอนนี้เขาแค่อยากจะรีบส่งเจ้าบ้านี่ออกไป ถ้าให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไป เขาคงจะถูกทำให้โมโหจนต้องหยิบปืนออกมายิงอีกฝ่ายแน่!
“การขอโทษของคุณไม่มีความจริงใจเลย…” สวีเส้าถางทำปากยื่น พอเห็นว่าอารมณ์ของซ่งอานปังใกล้จะระเบิดแล้ว เขาจึงตัดสินใจไม่กวนโมโหมากนัก จึงพูดว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมไม่ทำให้คุณลำบากใจแล้ว ชาของคุณรสชาติไม่เลว แบ่งให้ผมหน่อย ถือว่าเป็นการชดเชย…”
เพราะสวีเหวินเจิ้งพ่อของเขาชอบดื่มชามาก เขาถือโอกาสปล้นชาของซ่งอานปังกลับไปให้เขาดีกว่า เขาคิดว่าตอนนี้พ่อของเขาคงกำลังเป็นห่วงเขาอยู่แน่!
ในเมื่อได้ครอบครองร่างของสวีเส้าถางแล้ว เขาก็จะทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีสักหน่อยก็แล้วกัน
