บท
ตั้งค่า

บทที่ 1. คำเชิญ... เสน่หา

บารนี ดีแลนด์ สะใภ้คนสวยแห่งตระกูลดังยิ้มให้สองสาวที่มาพบในวันนี้ด้วยความยินดียิ่ง เมื่อเธอจะได้ตอบแทนน้ำใจของนางแบบสาวคนสวยที่นับถือน้ำใจและให้ความเคารพว่าเป็นพี่สาวเช่นยอดรัก ที่ยินดีรับคำเชิญของเธอกับ คุณดารา ผู้เป็นแม่สามีซึ่งเชิญให้ยอดรักไปพักผ่อนที่ไร่อัคราอันกว้างใหญ่ของครอบครัวเสียที แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอกับแม่สามีแอบคาดหวังอะไรอยู่ในการเชิญให้เจ้าหล่อนไปเยือนไร่แห่งนี้...

“บีดีใจมากเลยค่ะที่พี่รักตอบรับคำเชิญเราเสียที”

“ความจริงพี่ก็อยากจะหยุดทำงานแล้วพักผ่อนบ้างอยู่หรอกค่ะ เพียงแต่ติดคิวงานที่ยังคาราคาซังอยู่ นี่ก็เกือบจะหนึ่งปีแล้วสินะที่คุณบีเชิญเรา”

“โธ่... พี่รักน่ะ บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าให้เรียกว่าน้องบีเถอะค่ะ อย่าเรียกคุณอะไรเลย ฟังดูขัดๆ เขินๆ ยังไงไม่รู้”

“โอคๆ ค่ะ น้องบี...”

ยอดรักยิ้มกว้างให้สาวสวยตรงหน้าและนึกชื่นชมว่าลูกชายบ้านนี้ช่างโชคดีที่ได้ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเก่งและน่ารักนิสัยดีอย่างบารนี เธอไม่นึกเสียใจเลยที่รับไมตรีนี้จากหญิงสาวตรงหน้า

“แล้วนี่พี่รักกับพี่กุ้งเต้นจะไปไหนกันต่อคะ”

“พี่กุ้งเต้นกับนังยอดจะไปชอปปิงเสริมความงามกันต่อค่ะ แบบว่าเราจะไปสวยสู้แดดกันที่ไร่ค่ะ อิอิ”

“ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลยค่ะจะไปวันไหนกันบอกบีมาเลยนะคะ บีจะได้โทร. ไปแจ้งพี่เด่นไว้ล่วงหน้า”

“ได้ค่ะ... ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอตัวเลยนะคะน้องบี”

ยอดรักกล่าวลาด้วยรอยยิ้มแจ่มใสรู้สึกปลอดโปร่งจากข่าวคาวหรือปัญหาทั้งมวลที่ใครบางคนพยายามจะโยงให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้อง นับจากนี้เธอจะทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้คนพวกนั้นจัดการกันเอาเอง...

เมื่อรองเท้าคู่งามได้เหยียบย่างลงบนพื้นหญ้าเขียวขจีของ บ้านไร่อัครา อันกว้างใหญ่ไพศาลจนยอดรักรู้สึกเหมือนตัวเล็กเท่าแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น บ้านเรือนไทยสไตล์โมเดิร์นที่สร้างจากไม้สักทองหลังงามใหญ่โตโอ่อ่าท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นและการตกแต่งที่ทันสมัยลงตัวก็ให้ความรู้สึกร่วมสมัยยิ่งใหญ่อลังการ... เรือนเด่น ยอดรักอ่านป้ายหน้าเรือนหลังงามด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงแปลกๆ

“แก... ฉันว่าเราหันหลังกลับตอนนี้ยังทันนะ...”

กุ้งเต้นสะกิดไหล่เพื่อนเบาๆ เมื่อเห็นสถานที่ตรงหน้าเพราะมันช่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างจนเธอที่ขึ้นว่ามั่นหนังหน้ามากยังต้องฝ่อ...

“เฮ้ย... ได้ไงแก มาถึงที่แล้ว อีกอย่างเราเป็นแขกวีไอพี ได้รับเชิญมาจากแม่เจ้าของสถานที่เลยนะแก เขาไม่กล้าไล่เราหรอก อีกอย่างนะ ถ้าหากคนที่นี่กล้าไล่เราจริงๆ เจอฤทธิ์นังยอดแน่ๆ” ยอดรักกว่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่แล้ว...

“นี่พวกหล่อนมาจากไหนกันยะ...”

เสียงแหบแห้งฟังดูสูงวัยของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ยอดรักกับกุ้งเต้นหันไปตามเสียง ก็พบกับผู้หญิงที่น่าจะอายุราวสามสิบเศษๆ คนหนึ่งรูปร่างบางดูผอมมากจนดูเหมือนเหี่ยวแห้งมากกว่าสวยงามการแต่งกายก็ดูฉูดฉาดด้วยเสื้อผ้ารัดติ้วจนเห็นรูปทรงองเอวที่ดูไม่ค่อยจะสมส่วนนักทั้งทรวงอกก็ใหญ่เกินไปซึ่งดูก็รู้ว่าคงยัดซิลิโคนไว้เต็มที่ กางเกงยีนทรงสกินนี่ก็ฟิตแน่นกับเรือนร่างนั้นก็รัดเสียจนเห็นส่วนซ่อนเร้นขึ้นเห็นรูปเป็นร่างชัดเจนเกินไป

ยอดรักกวาดตามองหญิงตรงหน้าอย่างเสียวไส้ขนาดว่าเธอเคยใส่เสื้อผ้าเดินแฟชั่นโชว์ยังไม่คิดจะเน้นสัดส่วนตรงนี้จนเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนเหมือนหญิงสาวตรงหน้าเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งจะมีการเซฟความเรียบร้อยของร่างกายเสมอเพื่อป้องกันภาพหลุดที่ไม่งาม ส่วนใบหน้าของหญิงตรงหน้านั้นก็ดูสวยงามดีแต่ก็ดูออกว่าเป็นความสวยงามที่ถูกปรุงแต่งจากมีดหมอ และมันก็ดูผิดรูปไปเล็กน้อยจากการศัลยกรรมที่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ผ่านมีดหมอมากี่ครั้ง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...

“สวัสดีค่ะ เรามาพบคุณเด่นค่ะ คุณอัครา ดีแลนด์น่ะคะ ไม่ทราบว่าเราจะไปพบคุณเด่นได้ที่ไหนคะ...”

ยอดรักกล่าวอย่างอ่อนน้อมตามมารยาทที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจาก “มาเซอร์” ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ามีชื่อแห่งหนึ่ง ที่พอจำความได้เธอก็พบว่าตนเองอยู่ที่นั่นแล้วแต่ยอดรักไม่ได้รู้สึกว่าตนเองนั้นขาดความอบอุ่นหรือความรักแต่อย่างใด และไม่เคยโหยหามันเลยแม้แต่น้อย

ที่สำคัญเธอไม่เคยอยากรู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใครเพราะคิดว่าพวกเขาคงไม่ต้องการเธอ จึงได้นำเธอมาทิ้งไว้ที่นี่ และมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องขวนขวายรู้ชาติกำเนิดของตนให้เจ็บปวด เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กกำพร้าอยู่ดี เหตุผลเพียงเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่ยอดรักก็ยอมรับคำว่าเด็กกำพร้านั้นได้และพยายามทำตัวให้อยู่ในกฎระเบียบที่ดีงามเพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกได้ ข้อนี้เองยอดรักจึงเป็นที่รักของทุกคนและได้ดิบได้ดีเพราะมีแนวความคิดที่ดีงาม...

(ซิสเตอร์ (Sisiter) หรือ มาเซอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกนักบวชหญิงของนิกายคาทอลิก ซิสเตอร์ (Sisiter) มาจากภาษาอังกฤษ ส่วน มาเซอร์ (ma soeur) มาจากภาษาฝรั่งเศส ทั้งสองคำนี้ใช้เรียกนักบวชหญิงที่ยังสาว บางที่อาจจะเรียก มาร์แมร์ (Ma mere) มาจากภาษาฝรั่งเศสบ้างก็เรียกคุณแม่ ใช้เรียกนักบวชหญิงที่มีอายุเพื่อแสดงความเคารพ)

“นายใหญ่ไม่อยู่ มีอะไรบอกกับฉันได้ ฉันชื่อ แคท เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่และหากพวกหล่อนไม่มีอะไรแล้วก็เชิญกลับไปได้ อ้อ... ฝากเบอร์โทร.ติดต่อกลับไว้ก็ได้นะเผื่อฉันจะติดต่อกลับไป”

ยอดรักมองคนที่บอกตนว่าเป็นหัวหน้าแม่บ้านอย่างพิจารณาด้วยสายตาเฉกเช่นเดียวกับที่ถูกมองมาคือ เหยียดหยันและเชิดใส่

“อ๋อ... หรือคะ พอดีว่าฉันกับเพื่อนได้รับเชิญโดยตรงจากเจ้าของไร่ อ้อ... ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า คุณแม่ เจ้าของไร่ เชิญเรามาที่นี่และเจ้าของไร่ก็รู้แล้วว่าเราจะมาในวันนี้ หากคุณแม่บ้านจะกรุณา ช่วยหลีกทางให้แขก วี ไอ พี อย่างพวกเราด้วยนะคะ...”

ยอดรักพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานเน้นย้ำให้คนฟังเห็นถึงความสำคัญของตนอย่างทระนงตัว ยิ่งตอนนี้เธออยู่ในรูปลักษณ์ใหม่คือเรือนผมซอยสั้นทันสมัยเข้ากับรูปหน้าคมเฉี่ยวของตนแล้ว ทำให้เธอดูสูงปราดเปรียวและคล่องแคล่วมั่นใจมากขึ้น จนคนที่มองเธอด้วยแววตาเหยียดหยันในคราแรกรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่กระจายออกมาจากหญิงสาวสวยตรงหน้า แต่ก็ยังเก๊กท่าว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าอยู่

จะสักแค่ไหนวะ... ยอดรักคิดในใจห่ามๆ และเริ่มหงุดหงิด

เธอไม่ใช่คนอ่อนหวานอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ ด้วยสิ ยิ่งมาเจอคนงานระดับนี้อวดศักดาใส่ยอดรักก็ยิ่งอยากจะวีน ไม่ใช่ว่าจะดูถูกดูแคลนคนที่ทำงานแม่บ้าน ยาม หรือชาวไร่ชาวสวน แต่ในเมื่อคนตรงหน้าเธอเป็นเพียงลูกจ้าง แต่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้านที่เสียมารยาทแบบนี้ ยอดรักเองก็ไม่ปลื้มเช่นกัน คนเราหากไม่ได้ดีเด่นกว่าใคร ก็อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาเหยียดหยันหรือดูแคลนใครอย่างไร้มารยาทเช่นที่หัวหน้าแม่บ้านคนนี้ทำอยู่เลย...

“จะมาจากไหนก็ไม่สำคัญ แต่วันนี้ยังไงพวกเธอไม่ได้พบคุณเด่นอยู่ดีเพราะคุณเด่นไม่อยู่” อีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้

“เรากลับไปหาโรงแรมพักในเมืองก็ได้มั้งนังยอด แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่...” กุ้งเต้นซึ่งไม่อยากเห็นเพื่อนรักแสดงแสนยานุภาพการทำลายล้างเอ่ยชวนนิ่มๆ

“ไม่ไป... ฉันตั้งใจมาแล้ว แกก็น่าจะรู้ว่าหากฉันตั้งใจแล้ว อะไรก็ไม่อาจจะต้านทานได้”

“แต่ฉันนี่ล่ะจะต้านทานพวกแก เชิญกลับไปได้ไร่นี้ไม่ต้อนรับพวกหล่อน”

หัวหน้าแม่บ้านนามว่าแคทเชิดหน้าพูดอย่างไร้มารยาทเหมือนเป็นเจ้าของบ้านทำให้กุ้งเต้นเริ่มอยากแสดงฤทธิ์เสียเอง

“นี่นางกุลาหน้าฝ้า หน้าวอก หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเองบ้างนะยะ หล่อนเป็นใครยะ หัวหน้าแม่บ้าน นี่ขนาดเป็นแค่หัวหน้าแม่บ้านยังไร้มารยาทไล่แขกของเจ้าบ้านเจ้าเรือนขนาดนี้ มันไม่มากไปหน่อยหรือยะ แล้วนี่เจ้าของบ้านเขารู้มั้ยว่าจ้างนางกุลาใจหยาบมาเฝ้าบ้าน แถมยังมีท่าทางเหมือนหมาขี้เรือนหวงก้างไม่มีผิด นี่หากฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ ฉันไล่หล่อนออกไปนานแล้ว รู้จักเจียมตัวไว้บ้าง อย่าให้กะเทยวีนนะยะเดี๋ยวจะหาว่าสวยไม่เตือน...”

กุ้งเต้นเท้าสะเอวชี้นิ้วกราดใส่หน้าแคทซึ่งได้แต่อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนทั้งสองจะด่าตนซึ่งๆ หน้าแบบนี้ และไม่คิดว่าจะโดนด่าด้วยเพราะที่ผ่านมาเธอจะเป็นฝ่ายที่ชนะมาตลอด ไม่เคยมีใครฝ่าด่านเธอไปได้เลย และต่างก็แตกพ่ายไปอย่างไม่เป็นท่าด้วย แต่สาวแท้สาวเทียมสองคนนี้มาจากไหนถึงกล้ามาแหยมกับเธอ...

“นี่พวกแก แก...” เจ้าหล่อนอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออกได้แต่ชี้หน้าแขกผู้มาเยือนด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความโกรธ

“โว้ย... นังแมว ฉันให้แกมาดูว่าใครมา ทำไมหายหัวไปเลยวะ ข้ารอใช้เอ็งอยู่นะเว้ย...”

เสียงร้องโหวกเหวกของใครบ้างคนดังขึ้นทำให้ทั้งสามสาวหันไปมองพร้อมกัน ทำให้หญิงสาวที่บอกว่าตนเป็นหัวหน้าแม่บ้านถึงกับหน้าเสีย เมื่อปรายตามามองเห็นว่าสองสาวนั้นปิดปากหัวเราะเธอเบาๆ ก็ยิ่งเดือดดาล

“ที่แท้ก็ชื่อแมว สาระแนมาบอกเราว่าชื่อแคท ชื่อแมวก็ดูดีกว่าเยอะเลยนะ กระแดะมาชื่อฝรั่ง” กุ้งเต้นเบะปากใส่

“อ้าว คุณๆ มาพบใครคะ...” ผู้มาใหม่เป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างท้วมใบหน้าอวบอูมดูใจดีถามพวกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมดูมีการอบรมที่ดี

“สวัสดีค่ะคุณป้า พวกเราเป็นแขกของคุณดารากับน้องบีและเราก็จะมาพักผ่อนที่นี่ตามคำเชิญของคุณเด่นค่ะ”

ยอดรักบอกด้วยน้ำเสียงสดใสพลางยิ้มให้ผู้สูงวัยกว่าด้วยกิริยานอบน้อมจน ป้าแก้ว ยิ้มอย่างเอ็นดูหญิงสาวที่ดูเปรี้ยวจี๊ดปราดเปรียวตรงหน้าแต่กิริยามารยาทนั้นอ่อนหวานน่ารักจับใจ...

“อ้อ... จริงด้วยวันนี้คุณเด่นเธอสั่งไว้แล้วค่ะว่าให้ต้อนรับคุณๆ พอดีว่าคุณเด่นมีประชุมด่วนเลยไม่ได้อยู่ต้อนรับคุณๆ นะคะ เชิญเลยค่ะ ป้าชื่อป้าแก้วนะคะ เป็นแม่บ้านของที่นี่ล่ะค่ะ เรียกใช้ป้าได้ตามสะดวกเลยนะคะ พวกเราเตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว นังแมวพาคุณๆ เขาไปห้องพักได้แล้ว นี่อย่าบอกนะว่าแกมาแผลงฤทธิ์อะไรกับคุณๆ เขาอีก...”

ป้าแก้วเอ่ยด้วยความนอบน้อมทั้งยังหันไปดุคนที่ก้มหน้าก้มตาอย่างรู้สึกอับอายเมื่อตนถูกป้าแก้วต่อว่าแบบไม่ไว้หน้า

“อะไรกันป้า อย่ามาใส่ความฉันนะ...”

“เออ.. จับไม่ได้คาหนังคาเขา ขี้ข้าอย่างแกมันไม่ยอมรับหรอก ไปเลย ไปช่วยคุณๆ เขายกของไปที่ห้องเลยไป”

แมวหน้างอเมื่อเจอคำสั่งของป้าแก้ว เธอเดินไปยกกระเป๋าใบใหญ่ของกุ้งเต้นซึ่งตั้งใจจะให้แมวยกไปให้ด้วยความหมั่นไส้เปิดเผย ส่วนยอดรักก็เดินลากกระเป๋าตามเข้าไปโดยไม่ให้ป้าแก้วช่วยถืออะไรเลย ในขณะที่กุ้งเต้นเดินถือกระเป๋าใบเล็กใบน้อยเข้าบ้านหลังงามไปอย่างอารมณ์ดี...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel