บทที่ 11 เล่นตัว
“ก็ดีเหมือนกันนะ วันหลังพาขิมไปหาแม่หน่อยนะ” นวพัฒน์เป็นเด็กจังหวัดอื่นที้ย้ายมาเรียนชั้นมัธยมปลายและเรียนต่อปริญญาตรีที่นี่ ซึ่งถ้าจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาก็ต้องขับรถไปกลับเกือบสี่ร้อยกิโลเมตร
“จ้ะ แต่ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยว่างหรอก อย่าเพิ่งไปเลยนะ” ความจริงทุกคนที่บ้านของเขารู้ว่าเขากับปูรดาคบกันต่างหากล่ะ ถ้าพาเธอไปมีหวังความลับแตกแน่ อย่างน้อยเขาก็ต้องขอเวลาเตรียมข้อมูลให้แม่กับพี่สาวก่อน
กัลยาพยายามจับผิดในน้ำเสียงของคนรัก ถึงจะไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันมันก็รู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกันนะ จะมีความเป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงที่มาห้องของเขาอาจจะเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน แต่นี่มันในห้องนอนนะ แล้วถ้าเขาพลาดเหมือนเธอแล้วเธอจะยอมรับเขาได้ไหม กัลยาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ขอให้เธอสืบความจริงให้รู้ก่อนก็แล้วกัน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
นั่นสิ แล้วเธอจะสืบอย่างไร
กัลยานอนอยู่ห้องนวพัฒน์จนถึงเย็นจึงชวนเขากลับ
“คืนนี้ไม่ค้างกับหนุ่ยเหรอ หนุ่ยสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรขิมเด็ดขาด” มองแฟนสายตาเว้าวอน
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวหนุ่ยติดไข้จากขิม” อย่างไรถ้าเธอไม่กลับบ้านพ่อก็ต้องโทรตามอยู่ดี
“เฮ้อ กล่อมไม่เคยสำเร็จสักที”
“ไปกันเถอะมืดมากแล้วเดี๋ยวพ่อขิมเป็นห่วง” ใจจริงเธออยากให้อีกคนเป็นห่วงเธอบ้าง บางความรู้สึกแอบคิดว่าอยากให้เขาโทรหา โทรถามเธอบ้างว่าเธอเป็นอย่างไร
เธอกำลังเป็นอะไรไปกัลยา อยู่กับคู่หมั้นแต่เธอกลับคิดถึงผู้ชายอีกคนทั้งวัน ป่านนี้เขาคงกลับไปแล้ว เขาไม่มานั่งรอเธอหรอก
“ก็ได้ ๆ”
ร่างเล็กเดินออกไปก่อนแล้ว
“ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา เล่นตัวชะมัด” นวพัฒน์บ่นพึมพำออกมา รู้สึกไม่พอใจที่คนรักทำตัวหัวโบราณ เขารอมานานมากแล้วที่จะได้ลองชิมไข่แดงของเธอสักที และเขาจะต้องกินมันให้ได้ ของสวย ๆ แบบนี้เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่
เขาจอดรถแค่หน้าบ้านของเธอ
“ขับรถดี ๆ นะ”
“จ้ะ ขอหอมทีนึง” กัลยาเอียงแก้มให้เขาหอมข้างหนึ่ง
“หอมหนุ่ยบ้างสิ”
ฟอด!
หารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาของพ่อเลี้ยงที่ยืนมองอยู่ข้างพุ่มไม้หน้าบ้าน เขาออกมายืนรอเธอเป็นชั่วโมง
“ขิมเข้าบ้านก่อนนะ” พูดพร้อมเปิดประตูลงจากรถ
“แล้วเจอกันนะ”
พูดจบนวพัฒน์ก็ขับรถออกไป
หมับ! มือใหญ่คว้าเข้าที่ข้อมือของเธอ
“พ่อเลี้ยง!” เธอตกใจระคนดีใจที่เขายังอยู่ที่บ้าน
“ทำไมกลับเอาป่านนี้”
“พ่อเลี้ยงมีอะไรกับขิมหรือเปล่าคะ”
“พ่อ…เอ่อ ฉันอยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น” นึกละอายในใจตัวเองจนไม่อาจจะใช้คำว่าพ่อกับเธอได้อีก คนฟังก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินสรรพนามใหม่ที่ดูห่างเหิน
“ฉันไม่รู้ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่ป้านวลบอกว่าเธอถือแก้วนมเข้าไปให้ฉัน แล้วฉันก็…”
“ช่างมันเถอะค่ะ ขิมจะถือว่ามันเป็นฝันร้าย ต่อไปพ่อเลี้ยงก็ไม่ต้องมาที่บ้านนี้อีก ขิมมีคู่หมั้นแล้วขิมจะต้องแต่งงานกับหนุ่ย และอีกอย่างขิมไม่อยากเจอหน้าพ่อเลี้ยงค่ะ” กัดฟันพูดน้ำตาเธอกำลังคลอเบ้า เธอมั่นใจว่ามันคงเป็นฝันร้ายที่เธอลืมมันไม่ได้แน่ สิ่งที่เจ็บไปกว่านั้นคือเขาบอกว่าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ขิม ฉันขอโทษ เธอจะทำโทษฉันยังไงก็ได้” มันเจ็บแปลบเข้าไปถึงข้างในหัวใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรให้เธอรู้
“ขิมไม่อยากจองเวรใครค่ะ และขิมอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น ขิมหวังว่าพ่อเลี้ยงจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร”
“ไม่มีทางขิม ฉันไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใคร” มองใบหน้าสวยด้วยความสงสารจับใจ
“ขอบคุณค่ะ ปล่อยขิมได้แล้วค่ะ”
“ขิม!” มือใหญ่ยังกำข้อมือเธอแน่น
“ปล่อยค่ะ”
“ขิม หมอก ทำอะไรกันอยู่พ่อลูกคู่นี้ไม่ยอมเข้าบ้าน” เสียงหรรษธรดังเข้ามาใกล้ม่านหมอกจึงยอมปล่อยมือเธอ
“มายืนทำไรกันมืด ๆ เดี๋ยวยุงก็กัด ยิ่งไม่ค่อยสบายด้วยกันทั้งคู่ เข้าบ้านกันเถอะ อาหารเสร็จละ”
“กำลังจะเข้าไปพอดีเลยค่ะพ่อ” เดินเข้าไปเกาะแขนพ่อแล้วเดินเข้าบ้านด้วยกัน ไม่สนใจคนข้างหลังอีก
“เป็นไงดูหนังสนุกไหม”
“สนุกมากค่ะ” ทั้งที่นอนหลับตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
“ไปเที่ยวไหนกันต่อกลับซะมืดค่ำ”
“ไปคอนโดหนุ่ยมาค่ะ”
“แอบเกเรรึเปล่า” ยีผมลูกสาวเบา ๆ แล้วรอคำตอบ กัลยาปรายตามองอีกคนหนึ่งกำลังทำหน้านิ่งจึงเสคุยไปเรื่องอื่น ทำไมต้องแคร์เขาด้วย เธออยากทำให้เขาเจ็บบ้างไม่ใช่หรือ
“อือ กินข้าวกันเถอะค่ะ ขิมหิวจะแย่” ทำท่าลูบคลำท้องเบา ๆ เหมือนหิวมาก
ม่านหมอกนั่งลงข้าง ๆ เธอ กัลยาจึงลุกขึ้นแล้วไปนั่งข้างสร้อยสุดา ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนจนสร้อยสุดาและหรรษธรรู้สึกแปลกใจ แต่ทั้งสองก็ได้แค่มองหน้ากัน
หรรษธรสังเกตเห็นลูกสาวไม่ค่อยคุยกับม่านหมอกเหมือนก่อน
“คืนนี้แกนอนที่บ้านฉันนี่แหละนะ สร้อยเขาจัดห้องไว้ให้แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันกลับไปนอนบ้านพักดีกว่า”
“ไม่ดีหรอกน่า แกยังไม่หายดีเดี๋ยวไม่มีคนดูแล” ถึงม่านหมอกจะมีสุชินกับรุ่งรวีคอยดูแลแต่เขาก็ยังเป็นห่วงเพื่อนอยู่ดี เมื่อตอนกลางวันที่ม่านหมอกกำลังนอนหลับ กมลพรรณก็โทรมาฝากให้เขาดูแลม่านหมอกแทน เขาก็ต้องทำตาม
“ฉันไม่ได้เป็นไรมากซะหน่อย”
“อย่าเถียงได้ปะ คุณแม่จะว่าฉันได้”
“ก็อยากดื่มแต่เหล้าดีนัก” พึมพำออกมาเสียงเบาแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้
“ขิมว่าอะไรนะ” หรรษธรเอ่ยถาม
“เปล่าค่ะ ขิมขอตัวนะคะ ขิมอิ่มแล้วค่ะจะรีบไปพักผ่อน วันนี้ใช้พลังงานเยอะไปหน่อย” พูดแล้วก็เหลือบมองหนุ่มร่างโตที่นั่งอยู่ตรงหน้า แล้วเดินออกจากโต๊ะอาหาร
“อะไร ทำไมกินน้อยจังล่ะลูก ยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่นะ จะไดเอทอะไรนักหนาไอ้ลูกคนนี้” หรรษธรบ่นไล่หลัง แต่คนที่รู้ดีที่สุดกว่าใครว่ากัลยาผอมหรือไม่ผอมก็คงมีแต่ม่านหมอกคนเดียวที่รู้
“ขิมไม่ค่อยหิวค่ะพ่อ”
พูดจบก็ปิดประตูลง ม่านหมอกรู้ว่าเด็กคนนี้กำลังหาเรื่องหลบหน้าเขา แล้วเขาจะทำอย่างไรดี ในเมื่อเธอยืนยันชัดเจนแบบนั้นว่าไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แล้วเขาจะยอมให้มันจบลงแบบนี้จริง ๆ น่ะหรือ
