บทที่1
บราลีหลบซ่อนความเสียใจเอาไว้เมื่อเห็นว่าสามีไม่ได้สวมใส่ชุดที่เธอเตรียมเอาไว้ให้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แต่เธอก็ยังตั้งใจทำหน้าที่ภรรยาไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าทุกสิ่งที่ทำจะถูกเขามองข้ามมาตลอดก็ตามที
“เย็นนี้ตั้งโต๊ะเผื่อคุณสร้อยด้วย ฉันจะพาเขากลับมาดินเนอร์ที่นี่” คำบอกกล่าวนั้นแม้จะกัดกินใจคนฟัง แต่กระนั้นเธอก็ยังเลือกที่จะกลืนทุกๆ ความรู้สึกเอาไว้ในใจ
“ค่ะคุณสินธุ์” หญิงสาวรับคำเพียงสั้นๆ ก่อนจะตักข้าวต้มที่ตื่นมาทำให้สามีตั้งแต่เช้าอย่างใจเย็น
ด้วยรู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำหวังเพียงอยากเห็นความเจ็บช้ำในใจเธอเท่านั้น ซึ่งเขาก็ทำมันสำเร็จแทบจะทุกครั้งไป แต่จะมีเพียงอย่างเดียวที่เขาจะไม่มีวันทำสำเร็จนั่นคือการทำให้เธอยอมหย่า เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอให้เขาไม่ได้ต่อให้เขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ให้เขาไม่ได้จริงๆ
บราลีทำหน้าที่เดินออกไปส่งสามีไปทำงานเหมือนทุกวัน ภายนอกทั้งสองอาจดูเป็นสามีภรรยาทั่วไป จะมีก็แต่คนในเท่านั้นที่รู้ว่าทุกสิ่งมันก็แค่การแสดงละครเท่านั้น ไม่มีความสุขวนเวียนรายล้อมอยู่ในชีวิตคู่ของทั้งสองเลย
“ฉันล่ะสงสารคุณลีเธอจังเลยป้า ไม่รู้ทำไมคุณสินธุ์ถึงได้จงเกลียดจงชังเธอ เมียก็ออกจะแสนดีปานนี้ ผิดกับอีพวกลิงข้างบ่างชะนีริมทางที่อยากจะจับนายของเราทำผัวจนตัวสั่น!” เสียงแว่วๆ ที่ดังผ่านสายลมมาให้ได้ยิน ทำให้คนที่ตั้งใจจะเข้าไปเก็บโต๊ะได้แต่ยิ้มเยาะในโชคชะตาตัวเอง แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีใครสักคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำใจให้ชินไม่ได้เลยจริงๆ
“เรื่องเจ้านายอย่าเข้าไปสอดนังเงาะ ไปล้างจานนู้นไป!” ซึ่งนางเวียนเอ็ดหลานสาวเสียงแข็ง แม้ว่าจะรู้สึกเห็นด้วยกับอีกฝ่ายแทบทุกคำ
แต่ด้วยสถานะคนใช้จึงไม่อาจทำอะไรได้…
นอกจากจะทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างภายในบ้านแล้ว บราลียังมีอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญนั่นคือดูแลเด็กๆ ผู้ยากไร้ หญิงสาวใช้เวลาว่างในแต่ละวันขับรถคันเก่าที่สามียกให้ไว้ใช้สอยมาสอนหนังสือเด็กๆ ที่พ่อแม่ไม่มีเงินทองมากพอที่จะส่งเข้าโรงเรียน มันจึงเป็นความสุขเดียวที่พอจะทำให้เธอยิ้มได้ หลังจากต้องนอนซมจมน้ำตามาทั้งคืน
ส่วนสามีของเธอเขาเป็นเจ้าของพี่ดินหลายพันไร่ที่ส่วนใหญ่ปลูกผลไม้เพื่อส่งออก ไม่แปลกที่เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ที่นั่น กว่าจะกลับเข้าบ้านก็ค่ำมืดดึกดื่นแทบทุกวัน เธอยอมรับว่าสินธุ์คือคนเก่งที่ใครต่างก็พากันชื่นชมโดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเธอเองก็ด้วยที่ตกหลุมรักเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จัก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เกลียดชังเธอเหมือนเช่นทุกวันนี้ หากมันไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นมา เรื่องราวที่มันทำให้พี่สินธุ์ของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หญิงสาวคิดก่อนจะลอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ เมื่อเผลอกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เธอไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมันได้นอกจากต้องทำใจยอมรับชะตากรรมของตัวเอง และหวังว่าสักวันเขาจะให้อภัยกัน อภัยให้กับคนที่รักเขาหมดหัวใจ จนถึงวันนี้ก็ยังคงรักเขาอยู่
การที่ภรรยากลับบ้านช้าไปหลายชั่วโมงสร้างความหงุดหงิดให้แก่สินธุ์ไปไม่น้อย เพราะว่านี่นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่บราลีกล้าขัดคำสั่ง ซึ่งเมื่อสอบถามก็ไม่มีใครให้คำตอบแก่เขาได้ว่าหล่อนหายไปไหน เหตุใดถึงได้กลับบ้านช้า ปล่อยให้เขากับคู่ขาคนสวยต้องพากันหิ้วท้องรอ
กระทั่งเมื่อเห็นร่างบอบบางคุ้นตาเดินเข้ามาในบ้านช่วงสามทุ่ม ร่างสูงถึงลุกพรวดขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย หวังจะเอาเรื่องกัน
“หายหัวไปไหนมา ถึงได้กลับเอาป่านนี้ รู้ไหมว่าพวกฉันต้องแขวนท้องรอเธอคนเดียว!” เพราะความโกรธที่กำลังครอบงำจิตใจอยู่จึงทำให้สินธุ์ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างบนร่างกายของภรรยาสาวแต่อย่างใด ต่างจากอีกคนที่กำลังฝืนความเจ็บเอาไว้จนสุดความสามารถ
“ลีขอโทษค่ะ คุณสินธุ์รอสักครู่นะคะเดี๋ยวลีจะรีบไปทำอาหารเย็นให้” บราลีไม่คิดเล่าถึงเหตุการณ์ชวนน่าตกใจให้สามีได้รู้ เพราะคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากนัก ถึงเล่าไปก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
