ep2
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถของมินตราก็แล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าคอนโดหรูแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวง ทันทีที่เธอเปิดประตูรถ ก็มีรถจักรยานยนต์คันโตรุ่นคลาสิคเข้ามาจอดข้างๆ พร้อมถอดหมวกนิรภัยออก
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะมาถึงก่อนผมซะอีก”
“คุณอาจจะออกจากงานทีหลังฉันก็ได้นี่คะ”
มินตราหัวเราะขันๆ แล้วเดินตามชายหนุ่มเข้าไปภายในคอนโด ซึ่งเขาเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย ราวกับเป็นห้องของตัวเอง วิศรุตใช้คีย์การ์ดรูดบัตรผ่านเข้าไปในลิฟท์แล้วพาเธอขึ้นไปในห้องชุดห้องหนึ่ง ภายในห้องกว้างขวาง แบ่งเป็นห้องนอน ๒ ห้อง ห้องน้ำและห้องโถงกว้างที่มีเก้าอีโซฟาเบาะนั่งบุด้วยผ้าชั้นดี ตั้งในลักษณะรูปเกือกม้า มีจอโทรทัศน์ขนาดโฮมเธียเตอร์พร้อมเครื่องเสียงราคาแพง ผนังห้องและตู้โชว์ประดับด้วยรูปศิลปะ รวมทั้งผลงานและรางวัลจากภาพยนตร์ที่เขากำกับ
“สวยจัง” มินตรามองดูรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ
วิศรุตแอบมองหญิงสาวด้วยความสนใจ มินตราถูกตาต้องใจเขาตั้งแต่แรกเห็น เธอมีบุคลิกโดดเด่น แต่น่าเสียดายที่ตัวเล็กไปสำหรับนางแบบ และตัวเล็กไปเมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมแข่งขันดาวจรัสฟ้าคนอื่นๆ เขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอตกรอบอย่างน่าเสียดาย สำหรับวิศรุตนอกจากจะเป็นช่างภาพแล้ว เขายังเป็นตากล้องมือหนึ่งให้กับผู้กำกับหนุ่มหล่อไฟแรงที่กำลังมือขึ้นในเรื่องของการทำภาพยนตร์ ทำให้เขามองหญิงสาวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ
“คุณอยู่ที่นี่กับผู้กำกับหรือคะ”
มินตราถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เปล่าหรอกครับ เราอาจมาเร็วไปเลยไม่เจอเขา แต่ถ้า
คุณมินไม่สะดวก เราค่อยนัดกันวันหลังก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันสะดวก นี่ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าเพื่อนของคุณ คือคุณชัชชล”
มินตรารีบบอกด้วยความตื่นเต้น ผู้กำกับหนุ่มคนนี้ ก็คือกรรมการที่นั่งมองเธอตลอดเวลาในการประกวดนั่นเอง โลกมันกลมเหลือเกินที่เธอกำลังจะได้รู้จักใกล้ชิดเขาขนาดนี้
“งั้นสิครับ ชัชเองก็ชื่นชมคุณอยู่ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ชวนคุณมาที่นี่” วิศรุตเปิดตู้เย็นรินน้ำส้มให้เธอและนำวัตถุดิบในตู้เย็นออกมาปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่ว ทำให้มิตรามองเขาอย่างทึ่งๆ อีกครั้ง
“คุณทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ?”
“ครับ ปกติผมจะมาทำอาหารทานกับชัชเขาเสมอ”
“มิน่าล่ะ คุณดูรู้จักที่นี่ดีเหลือเกิน ฉันตื่นเต้นจังค่ะ”
วิศรุตยิ้มรับและปล่อยให้เธอเดินชมห้องอย่างใจดี ไม่นานนักชายหนุ่มสองคน พร้อมด้วยหญิงสาวอีกสองคนก็เดินเข้ามาในห้อง
“อ้าว นายรุต นี่ก็พาผู้ประกวดมาด้วยเหมือนกันหรือ?”
ทันทีที่ชัชชลผลักประตูเข้ามาทักทายวิศรุตด้วยรอยยิ้ม พร้อมด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนที่เดินตามเข้ามา มินตราก็รู้ทันที ว่านั่นคือคู่แข่งของเธอ เพราะหญิงสาวหน้าตาจืดๆ คนนั้นร่วมเวทีเดียวกันกับเธอ แต่มินตราก็ยกมือไหว้ชัชชลทันทีที่สบตาเขา
“เธอชื่อมินตราครับ”
“ผมจำได้ บนเวทีนั่นคุณทำได้ดี ”
หญิงสาวยิ้มรับทันทีที่เขาจำได้
“แต่โชคก็ไม่ได้อยู่ข้างมิน”
“ใครบอกล่ะ บางทีโชคที่คุณถามหา มันอาจจะอยู่ตรงนี้กับคุณก็ได้” ชัชชลพูดยิ้มๆ โดยไม่ได้สนใจคนที่ตามมาด้วยเลย
“เอ่อ..คุณชัชคะไหนว่าเราจะมารับประทานอาหารร่วมกันไงคะ” เสียงผู้หญิงสูงวัยกว่าอีกคนแทรกขึ้นมา เพื่อดึงความสนใจ ทำให้ชัชชลหันมามองแล้วพยักหน้าให้
“ใช่สิครับ อาหารง่ายๆ ของเชฟมือหนึ่งอย่างวิศรุต”
เขาผายมือไปยังวิศรุตที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก อาหารทุกอย่างก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าแขกผู้มาเยือน โดยมีมักกะโรนีผัดขี้เมา เสิร์ฟอยู่ตรงหน้าชัชชล
มินตรามองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่กลับผู้หญิงที่ต้องการสิ่งเดียวกันกับเธอ ไม่ได้เป็นมิตรด้วย
“ไม่คิดว่าจะเจอหนูอีกนะคะ มินตรา”
คุณแก้วมองหญิงสาวแบบเหยียดๆ ปนขวาง เพราะงานส่วนตัวแบบนี้ ไม่คิดว่าจะมีก้างอีกชิ้นนั่งรออยู่ด้วย
“มินก็พอมีโชคบ้างค่ะ ที่เจอเพื่อนอย่างคุณวิศรุต” มินตรายิ้มเย็นแล้วหันไปมองวิศรุต
“แหม..อุตส่าห์มีเพื่อนเป็นช่างภาพ แต่ก็ชวดขวัญใจช่างภาพเสียได้” คุณแก้วหัวเราะขันๆ ขณะที่วิศรุตทำหน้าอึดอัด
“ค่ะ แต่รับรองว่าคราวนี้มินจะไม่ให้พลาดอีกแล้ว”
มินตราจ้องสายตาตอบไปอย่างไม่ลดละเมื่อคุณแก้วจ้องตอบแบบไม่ยอมแพ้
