บท
ตั้งค่า

๖ จำต้องยอมแต่ง (๑)

จำต้องยอมแต่ง

“พี่ว่ายังไงนะ จะให้ต่ายแต่งงานกับพี่เหรอ!” ถึงกับผุดลุกยืนด้วยความตระหนกเมื่อฟังความต้องการของชายตรงหน้า ใบหน้าหวานซีดเผือดไม่เตรียมใจมาก่อนว่าต้องแต่งงานทั้งที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

เธอเดินออกมาคุยกับภาวิชที่สวนหลังบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว ปล่อยให้บิดาเก็บสิ่งของที่ถูกรื้อจนตกกระจายแตกเต็มพื้นบ้าน ไม่รู้ว่าเขามาได้อย่างไรแต่ร่างสูงมาทันเวลาทุกครั้งที่เธอต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งลัลนาก็รู้สึกขอบคุณเสมอ

แต่การแต่งงาน...มันมากเกินไป

เธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตน และไม่ต้องการขายร่างกายเพื่อแลกกับเงิน ถึงมันจะเป็นเงินจำนวนมากก็ตาม

“มันอาจจะฟังดูบ้า ใช่ พี่คงบ้าไปแล้ว” เขาพูดกับตัวเองแล้วหัวเราะในลำคอเหมือนสมเพชตน แอบรักเธอมานานไม่คิดจะบอก ทว่าอีกใจก็รอเวลาให้หญิงสาวเลิกกับแฟนมาถึงสามปี แต่เหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจเพราะหล่อนยังรักใคร่กับอติกานต์ไม่มีทีท่าว่าจะบอกเลิก

เมื่อถึงวันนี้ที่อาจจะอยู่บนโลกได้อีกไม่นาน จึงไม่คิดจะรอเวลาอีกต่อไป แม้จะใช้วิธีบีบบังคับจิตใจ แต่ขอเพียงได้เธอมาเคียงกาย...เขาก็เลือกจะทำ

“แบบนี้มันไม่ถูกนะพี่ภาพ ต่ายมีแฟนแล้วจะให้แต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง คนในหมู่บ้านจะมองต่ายเป็นผู้หญิงแบบไหน พี่คิดอะไรของพี่” ถึงกับหันหลังให้เขาแล้วยกมือกอดอก หอบหายใจเร็วเพื่อระงับความโกรธ

ไม่คิดว่าภาวิชจะขอร้องในสิ่งที่เธอไม่อาจทำให้เขาได้ ความต้องการที่อยากให้หล่อนแต่งงานด้วยคืออะไร

“พี่อยากทำความฝันครั้งสุดท้ายของยายให้เป็นจริง...ท่านบอกว่าอยากเห็นพี่แต่งงานมีครอบครัวก่อนท่านจะตาย ท่านเป็นห่วงพี่ ไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว พี่ พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วต่าย พี่ไม่อยากให้ยายตาย แต่พี่ก็ไม่สามารถไปหยุดยั้งโรคได้” คำพูดสวยหรูของเขาทำให้คนที่อยู่ในอารมณ์กรุ่นโกรธเริ่มคิดตามแล้วกลายเป็นความเข้าใจ

ภาวิชต้องการทำปรารถนาสุดท้ายของยายให้เป็นจริง...

ถึงมันจะไม่ถูกต้อง และไม่ยุติธรรมสำหรับเธอก็ตาม เพียงแค่คิดว่าต้องแต่งงานทั้งที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย อีกทั้งเจ้าบ่าวยังไม่ใช่แฟนหนุ่มที่คบหากันมานาน เรื่องของตนคงถูกเอาไปพูดกันอย่างสนุกปาก คนที่เสียมีแต่ตน

ลัลนาจึงไม่อาจทำตามความต้องการของชายหนุ่มได้...ทว่าใจเธอก็เริ่มเขวเพราะสงสารอีกฝ่าย

“ต่ายก็รู้ว่าอีกไม่นาน...พี่คงตายตามยายไป” ก้มหน้าแล้วมองมือที่วางบนตัก จนหญิงสาวหันขวับมามองเขา เห็นถึงความหดหู่ที่แผ่กระจายออกมาจากคนตรงหน้า จนนึกสงสารจับใจ

ภาวิชยอมเสียเงินเกือบล้านเพื่อช่วยเหลือเธอโดยไม่คิดสักนิดว่าคุ้มหรือเปล่า เหมือนเอาเงินมาละลายแม่น้ำเพราะพวกเธอคงไม่สามารถใช้คืนได้ทั้งหมดในคราวเดียว

“แต่การแต่งงาน...การแต่งงานมันคือเรื่องใหญ่นะพี่ภาพ ต่ายจะบอกพี่ปลื้มยังไงล่ะ เขาต้องไม่เห็นด้วยแน่” เพียงแค่คิดถึงหน้าของแฟนหนุ่มก็รู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เธอกดดันเมื่อต้องมารับมือกับเรื่องใหญ่ขนาดนี้

ไม่รู้ว่าตนควรเลือกเส้นทางใด ได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจกับชะตาชีวิต...

หากเอ่ยปากขออติกานต์ก็ไม่กล้า เธอรักเขาด้วยใจจริงไม่ใช่เพราะต้องการทรัพย์สมบัติ แต่ที่สำคัญคืออยากรักษาหน้าตาตัวเองต่อชายที่ชอบ ไม่อาจเอาปัญหาในครอบครัวบอกเขาได้

ต่างจากภาวิชที่ทราบโดยบังเอิญ กลายเป็นเจ้าหนี้ของเธออย่างกะทันหัน

“ไม่ต้องบอกสิ ยังไงพี่ก็คงตายก่อนที่เขาจะเรียนจบกลับมาอยู่แล้ว ต่ายไม่ต้องกลัวนะ...หลังจากที่พี่ตายค่อยบอกความจริงกับเขาก็ได้ พี่เชื่อว่าปลื้มคงไม่โกรธต่ายหรอก” สีหน้าเหนื่อยล้าปลงตกกับชีวิต เขายอมรับความจริงว่าอีกไม่นานตนจะต้องตาย

“พี่อย่าพูดว่าตัวเองจะตายได้ไหม ฟังแล้วต่ายใจไม่ดีเลย”

“มันคือความจริงนี่น่า โรคของพี่ไม่มีทางรักษา พ่อของพี่ก็เป็นโรคนี้แล้วตายตั้งแต่พี่ยังเด็ก ไม่คิดเลยว่าพี่จะตามรอยพ่อ” ทำเพียงยิ้มเศร้าให้คนตรงหน้า เงยมองลัลนาที่กำลังสับสน เขาใช้โอกาสนี้จับมือของหล่อน ก่อนเอื้อนเอ่ยคำที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งตนจะได้พูด

โอกาสยื่นมาตรงหน้า เขาขอเห็นแก่ตัวรับไว้ได้หรือเปล่า แม้ได้ครอบครองหล่อนเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม

“แต่งงานกับพี่นะ” ประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากภาวิช ทำให้เธอถึงกับนิ่งงัน จ้องมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ด้วยแววตาสั่นไหว

ความรู้สึกที่มีต่อเขาคือเห็นเป็นเพียงพี่ชาย แล้วจะให้แต่งงานกันได้อย่างไร ไม่กล้าคิดถึงภาพเหล่านั้นด้วยซ้ำ

“พี่ภาพ...”

“พี่สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินต่าย เราจะแต่งงานแค่ในนามให้ยายสบายใจ แต่อาจจะต้องมีพิธีหมั้นให้ท่านเชื่อ” โน้มน้าวเพื่อให้หญิงสาวคล้อยตาม ยิ่งเห็นแววตาสั่นไหวของเธอเขาก็เริ่มมีความหวัง ก่อนที่ลัลนาจะปลดมือหนาออกแล้วทิ้งแขนแนบลำตัว

ทุกอย่างประดังประเดในคราวเดียว ไม่ว่าบ้านเป็นหนี้ ภาวิชใช้หนี้ให้ตน ถูกขอแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ ดูท่าเขาคงไม่ได้ล้อเล่น

ถึงการแต่งงานจะเป็นไปในนาม ทว่าคนอื่นไม่ทราบสักหน่อย...

ที่สำคัญคืออติกานต์คงโกรธมากถ้ารู้ว่าหล่อนเข้าพิธีวิวาห์กับชายอื่น หญิงสาวถึงกับกุมขมับด้วยความเครียด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้ พรูลมหายใจเพื่อไล่ความอึดอัดที่สุมทรวง

จะทำอย่างไรดี เธอมองไม่เห็นหนทางว่าจะใช้หนี้เขาหมดภายในปีนี้เลย ถ้าตนไปเรียนที่เมืองหลวงก็ไม่อาจหาเงินจำนวนมากมาให้อีกฝ่าย เกรงว่าภาวิชอาจจากไปก่อนตนจะเก็บเงินก้อนใหญ่มาใช้คืน

มองทางใดก็เจอแต่ความมืด นอกจากแสงสว่างเดียวที่เขายื่นให้ตน...คือการแต่งงาน

“ขอเวลาหน่อยได้ไหม” อย่างน้อยก็ต้องการเวลาในการคิด เพื่อตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองว่าต่อจากนี้ควรไปทางไหน

“พี่อยากให้เวลาต่าย แต่พี่ก็กลัวว่ายายจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น ถ้าต่ายตกลง...เงินที่พี่จ่ายหนี้ให้ครอบครัวต่ายถือว่าเป็นเงินหมั้นส่วนหนึ่ง” เขารีบเร่งรัดหญิงสาวโดยอ้างคุณยายเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร มือบางกำกางเกงของตัวเองแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น

เหมือนว่าเขาต้องการให้หล่อนตอบตอนนี้ ซึ่งการตัดสินใจแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก โดยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนและคนทั้งหมู่บ้านก็รับรู้ค่อนข้างยาก

ถ้าปฏิเสธก็ไม่รู้จะหาเงินมาคืนทางไหน แต่หากตกลงก็กลัวอติกานต์จะไม่เข้าใจ

เลือกทางใดก็ดูเหมือนจะเป็นปัญหาไปซะหมด...

“พี่ภาพ มันยาก มันยากสำหรับต่าย” เธออ้อนวอนต่อเขาเพื่อยืดเวลาในการทบทวน ภาวิชเห็นอย่างนั้นจึงยอมยืดเวลา แต่ใจของเขาก็หวังให้เธอตอบรับการขอแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้

มีเพียงทางนี้ทางเดียว ที่จะทำให้สมหวังก่อนที่ตนจะจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล ถึงแม้จะเป็นความเห็นแก่ตัวก็ตาม

“ค่อยให้คำตอบพี่พรุ่งนี้ก็ได้ พี่จะรอ” คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้เธอดีใจสักนิด

เพราะมีเวลาคิดไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่าเขาบังคับเอาคำตอบวันนี้ ซึ่งหล่อนไม่อาจให้ได้

เพราะยังคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไร

นอนคิดไม่ตกอยู่ทั้งคืนว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรเลือกทางไหน ยืนอยู่ระหว่างสองทางแยกที่ตัดสินใจได้ยาก จนกลายเป็นว่าหล่อนนอนไม่หลับทั้งคืน เพิ่งจะเข้าสู่ห้วงนิทราช่วงรุ่งสาง ไม่นานก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากชั้นล่าง

เท้าเรียวรีบเปิดประตูแล้วเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว บ้านกลับมาเป็นสภาพเดิมแต่มีสิ่งของบางชื้นไม่อาจนำกลับมาใช้ได้อีก ห้องด้านล่างจึงค่อนข้างโล่งอย่างน่าใจหาย

“พ่อ! ทำไมพ่อร้องไห้ เกิดอะไรขึ้น” เข้ามาประคองบิดาที่นั่งปิดหน้าร้องไห้อยู่ตีนบันได อาการของท่านน่าสงสารเป็นอย่างยิ่งจนต้องรีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วง เหลือบมองซ้ายขวาไม่รู้ว่ามารดาอยู่ไหน เธอไม่เห็นท่านตั้งแต่เมื่อคืน เกรงว่าอาจจะไปอยู่ที่บ่อนไม่ยอมกลับบ้าน

นึกโมโหที่คนต้นเรื่องไม่กลับมาแสดงความรับผิดชอบ ที่ดินของย่าหลายสิบไร่ถูกขายเพราะเอาเงินให้แม่ เหลือเพียงไม่กี่ไร่ที่ยังคงเป็นชื่อบิดาและสามารถใช้ทำเกษตรกรรมหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้

งานเย็บผ้าถูกทิ้งร้างเพราะช่างติดการพนันจนไม่สนใจทำงานทำการ เธอกับบิดาคร้านจะเอ่ยจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งทะเลาะ ลัลนารอเพียงวันที่จะได้โบยบินออกจากบ้านเพื่อไปอยู่เมืองหลวงกับคนรัก

แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซะก่อน...

“แม่เขาไปแล้ว เขาหนีเราไปแล้วต่าย” ภีมเดชเงยหน้ามองบุตรสาวด้วยน้ำตานองหน้า ไม่อายที่ร้องไห้ต่อหน้าลูกเพราะตนตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความเสียใจ

บอกเสียงสั่นพร้อมถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้แน่น ความรักที่มีต่อภรรยายังเปี่ยมล้นถึงเธอจะไม่เคยรักตนเลยก็ตาม คิดว่าพอมีลูกทุกอย่างจะดีขึ้น แต่มันยังคงเหมือนเดิม พวกเราเป็นแค่สามีภรรยาที่เขาเป็นฝ่ายรักข้างเดียวตลอดมา

“หมายความว่ายังไง” ลัลนาถึงกับมือไม้สั่นแล้วเอื้อมไปหยิบข้อความในกระดาษมาอ่าน เธอไล่อ่านทุกตัวอักษรไม่ให้ตกหล่น ก่อนจะพบว่าแม่ได้หนีออกจากบ้านพร้อมทิ้งปัญหาใหญ่เอาไว้ให้พวกตนแก้เพียงลำพัง

‘จดหมายฉบับนี้ถือเป็นคำลาของฉัน ขอบคุณระยะเวลาหลายปีที่พี่อยู่ข้างฉันตลอด แต่ฉันทนกับความจนไม่ไหวแล้ว หวังว่าพี่จะเข้าใจและอโหสิกรรมให้ฉัน ฝากดูแลกระต่ายด้วย ชาตินี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก เงินที่พี่เก็บไว้ฉันขอแล้วกันนะ ต้องเอาไปตั้งตัวกับชีวิตใหม่ ลาก่อน’

เห็นแก่ตัว!

คำเดียวที่พอจะคิดออกและมอบให้คนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ เธอไม่ได้มีความรักและผูกพันกับท่านถึงจะอยู่ด้วยกันหลายสิบปีก็ตาม แม่ไม่เคยมอบความรักให้สักครั้ง มีเพียงดุด่าและบังคับให้ทำตามใจ

เธอไม่รู้ว่าจะเป็นการเนรคุณหรือเปล่าถ้าหากนึกโล่งใจที่ท่านไปสักที เพราะรู้ดีว่าชีวิตคู่ของท่านทั้งสองลุ่มๆ ดอนๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่งคงต้องเลิกรา

แต่ไม่คิดว่าหลังจากเกิดเรื่องเพียงวันเดียว มารดาจะหนีออกไปพร้อมเงินของบิดาที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่

“พ่อจ๋า” เป็นห่วงอย่างเดียวคือความรู้สึกของพ่อ จึงโอบกอดท่านแน่นกว่าเดิม

“ไม่เป็นไรนะลูก เราอยู่กันสองคนพ่อลูกก็ได้นะ” พยายามเข้มแข็งแล้วเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการให้บุตรสาวเป็นห่วง ถึงตอนนี้จะเริ่มกังวลกับสถานะทางการเงินของครอบครัว

เงินที่ภรรยาเอาไปคงจะเป็นเงินที่เก็บไว้เพื่อให้ลัลนาไปเรียนต่อเมืองหลวง แต่กลับถูกขโมยไปจนหมด...

อนงลักษณ์กลับมาตอนไหนหรือแอบเอาไปเมื่อไหร่ เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเพราะหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็พบจดหมายลาจาก เจ็บปวดจนไม่อาจฝืนกายให้ยืนไหว

แต่คงต้องปล่อยเรื่องนี้ไป เมื่อเธอไม่รักและฝากเพียงความชอกช้ำไว้ให้จะคิดถึงทำไม สิ่งสำคัญตอนนี้คือลูกสาว

“แล้วภาพว่ายังไงบ้าง เขาจะให้เราจ่ายหนี้ยังไง ขอผ่อนจ่ายได้หรือเปล่า...พ่อไม่มีเงินก้อนมาจ่ายเขาในเดือนเดียวหรอก ต่ายพอจะคุยกับพี่เขาให้พ่อได้ไหม” เช็ดน้ำตาแล้วรีบหันมาถาม แต่กลายเป็นว่าหล่อนไม่อาจตอบได้เต็มปาก

ลัลนายังไม่ตัดสินใจด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไร

ควรตอบตกลงแต่งงานเพื่อใช้หนี้ที่ตนไม่ได้ก่อดีหรือเปล่า แต่ถ้าให้หาเงินใช้หนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะหมด

หรือต้องขายที่ดินซึ่งเป็นมรดกสุดท้าย และยังเป็นที่ทำมาหากิน...

“เรามีเงินเก็บหรือเปล่าพ่อ” ตอนนี้ที่อยากรู้คือมีเงินสำรองเท่าไหร่เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจและหาทางใช้หนี้

ตอนนี้เธอเห็นค่าของเงินกว่าครั้งไหน ทั้งต้องจ่ายหนี้และค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนปริญญาตรีที่เมืองหลวง ยังไม่รวมค่าครองชีพที่แพงขึ้นเป็นเท่าตัวหากไปอยู่ที่นั่น

หนทางที่เคยสว่างกลับเริ่มริบหรี่ลง...

หรือหล่อนควรตัดใจจากการไปเมืองหลวง แล้วเลือกเรียนสถานศึกษาใกล้บ้าน เริ่มห่วงบิดาที่อยู่คนเดียว

“พ่อมีเงินเก็บแค่ห้าหมื่นเอาไว้ให้ต่ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ แต่ แต่ตอนนี้แม่ก็เอาไปหมดแล้ว” มือบางกำเข้าหากันแน่น เธอพยายามไม่แสดงความโกรธต่อหน้าบิดา เพราะรู้ดีว่าท่านคงไม่โทษภรรยา คงจะโทษตัวเองมากกว่า

พ่อรักแม่มากจนมองข้ามทุกอย่างที่คู่ชีวิตทำผิด เธอเองก็ทำเพียงเก็บเงียบไม่กล้าพูดความในใจ

“โอเค โอเค” พูดจบก็ปิดปากเงียบ เงินจำนวนนั้นไม่น้อยเลยสักนิด กลับถูกฉกไปจากคนที่ขึ้นชื่อว่าครอบครัว แล้วจากนี้หล่อนจะทำอย่างไร อย่าว่าแต่เงินที่ต้องนำไปคืนภาวิชเลย เงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะมีหรือเปล่า

ลัลนามืดแปดด้าน ถึงกับยกมือคลึงศีรษะแล้วทรุดกายนั่งลงที่ตีนบันไดข้างบิดา ทุกอย่างบีบบังคับให้ทางเลือกเหลือเพียงทางเดียว ซึ่งเธอไม่อยากเดินไปทางนั้นสักนิด

“พ่อจะพยายามหาเงินใช้หนี้ แล้วก็หาเงินให้ต่ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ พ่อจะหาให้ได้มากกว่านี้นะ ต่ายไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ไป พ่อต้องส่งต่ายไปเรียนอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ได้” ภีมเดชหันมาบอกลูกสาวด้วยเสียงกระตือรือร้น ไม่อยากทำความฝันของลูกพังเพียงเพราะตนไม่มีเงิน

“ไม่ไปแล้วล่ะพ่อ ต่ายไม่อยากไปแล้ว” ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นแล้วรีบบอกท่าน

เธอรู้แล้วว่าถึงจะพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเอาชนะชะตาที่ฟ้าลิขิตไว้ได้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel