๓ ระยะทางคือปัญหา (๑)
๓
ระยะทางคือปัญหา
บุคคลที่สามเข้ามาเพื่อจัดการเคลียร์ทุกอย่าง รุ่นพี่ทั้งห้าคนจึงเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง ไม่รู้ว่าจะกลับมาเล่นงานเธออีกหรือเปล่า แต่ลัลนาก็โล่งใจที่ตัวเองไม่ได้ถูกตบหรือโดนทำร้ายร่างกายทั้งที่ไม่ได้เป็นคนผิด
หญิงสาวจับผมแล้วขยับไปมาเพื่อให้คลายความเจ็บ ดึงซะผมเกือบหลุดเป็นกระจุก จากนั้นหล่อนจึงมองคนที่มาช่วย หนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวซีดกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาเรียวเล็ก ปากเป็นกระจับ มองโดยรวมหล่อเหลาอ่อนโยน มีเสน่ห์อย่างที่สาวหลายคนน่าจะชอบ
แต่เธอมองด้วยความเคารพและซาบซึ้งในน้ำใจของเขามากกว่า ค่อยยกมือขึ้นประนมกลางอก ค้อมศีรษะด้วยความนอบน้อม
“ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาช่วย ไม่ได้พี่หนูแย่แน่เลย ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครถึงมาดักทำร้ายกันอย่างนี้” กระชับกระเป๋าสะพายให้แน่น ยังรู้สึกหวาดผวาไม่คิดว่าตนจะเจอเหตุการณ์ชวนขวัญผวา ถ้าอติกานต์อยู่ด้วยหล่อนคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้หรอก
เสียดายที่เขาไม่อยู่...
“ไม่เป็นไร เห็นคนถูกทำร้ายใครจะไม่เข้ามาช่วยล่ะ เราไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” คนอายุมากกว่าสำรวจกายแบบบาง กลัวว่าตนจะมาช้าจนหล่อนถูกทำร้าย แต่เห็นปกติดีไม่มีรอยช้ำบนใบหน้าหรือส่วนอื่นค่อยเบาใจ
เผลอมองดวงหน้าหวานของหญิงสาว ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ไม่รู้เป็นพรหมลิขิตหรือเปล่าถึงทำให้เราได้พบกันในสถานการณ์ที่เขาเป็นอัศวิน
“ไม่ค่ะ ไม่โดนอะไรเลย” ถอนหายใจโล่งอก อุตส่าห์นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่คนเดียว กลับเจอเรื่องไม่คาดฝันซะได้
ดวงตาคมมองชื่อที่ปักอยู่เหนืออกทางด้านซ้าย ไม่ตั้งใจมองแต่มันผ่านสายตาพอดีเลยเผลออ่าน...ลัลนา เปรมา
ชื่อเพราะเหมาะกับเจ้าตัวดี...
“พี่ชื่อภาพนะ เคยเรียนที่นี่แต่ตอนนี้จบมหา’ลัยแล้ว คิดว่าจะกลับบ้านมาหางานทำแถวนี้” ได้โอกาสจึงรีบแนะนำตัว อย่างไรก็คงได้เจอกันอีกเพราะเขาต้องมาโรงเรียนบ่อยอยู่แล้ว ทางที่ดีควรรีบสานสัมพันธ์เอาไว้
รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าหวาน เหมือนได้พบมิตรภาพใหม่โดยบังเอิญ
“กระต่ายค่ะ เป็นนักเรียนชั้นม.5 ของโรงเรียนนี้” แนะนำตัวโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคือผู้มีพระคุณของเธอ มาช่วยเหลือในยามลำบาก จนกลายเป็นความซาบซึ้งใจ
ภาวิช ประเสริฐชัยอมยิ้มยามได้รู้ชื่อเล่นของเธอ พ่อกับแม่ก็ช่างคิดตั้งชื่อลูกเหลือเกิน มองดูแล้วเธอเหมือนกระต่ายตัวน้อยสีขาวขนปุยไม่มีผิด น่ารักน่ามองจนเขาไม่อยากละสายตา เอาแต่จดจ้องอยู่อย่างนั้นแต่ก็ต้องรีบหลบตากลัวว่าคนตรงหน้าจะรู้ว่าตนคิดไม่ซื่อ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ...”
“เช่นกันค่ะ” เธอพยักหน้าให้เขาเช่นเดียวกัน ยังไม่ทันได้ถามไถ่มากกว่านั้นรถยนต์ของบิดาก็ขับมาเทียบเสียก่อน ลัลนาจึงรีบบอกลาเขาแล้วเดินแกมวิ่งไปขึ้นรถ โดยมีสายตาคมมองตามพลันแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง
เหมือนตนจะได้เจอเนื้อคู่แล้วล่ะ...แม้อีกฝ่ายจะยังเรียนมอปลาย แต่เขาก็สามารถรอจนลัลนาเรียนจบได้
แล้วเราค่อยสร้างอนาคตร่วมกัน คิดเพ้อฝันไปไกลอย่างหมายมาด...
ตกเย็นหลังรับประทานอาหารเรียบร้อย ลัลนาเลือกขึ้นบนห้องแล้วอ่านหนังสือจนจบบท ค่อยคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรหาแฟนหนุ่มที่ไม่ได้เจอหน้าสองเดือนเต็ม แต่ก็ยังโทรคุยกันตลอดไม่มีขาด เพียงแค่อาจจะได้คุยไม่นานเพราะอติกานต์อยู่ในช่วงกิจกรรม มีเรื่องให้ทำเยอะจนเธอน้อยใจหลายรอบ
ทว่าเขาก็โทรมาง้อตลอดจนหล่อนหายงอน ความห่างทำให้เธอยิ่งโหยหาเขามากกว่าเดิม ความรักรุนแรงจนเคยร้องไห้เพราะอีกฝ่ายขาดการติดต่อหนึ่งวัน
รสชาติของความคิดถึงมันเป็นแบบนี้เอง...
ทุกครั้งที่คุยกันเธอจะมีรอยยิ้มประดับริมฝีปากเสมอ นอนอยู่บนเตียงพลางกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่อติกานต์ซื้อให้ มันเหมือนเป็นตัวแทนของชายหนุ่มระหว่างที่อีกฝ่ายอยู่ไกล
“วันนี้มีคนมาดักทำร้ายต่ายด้วย บอกว่าต่ายไปอ่อยแฟนเขา แถมยังให้ดูแชทอีกนะ จะบ้าหรือไงต่ายมีแฟนหล่อขนาดนี้จะไปคุยกับคนอื่นเพื่ออะไร พูดแล้วยังหงุดหงิดอยู่เลย ถ้าไม่มีคนมา…” ร่างสูงเป็นฝ่ายโทรมาเมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันเอาไว้
เธอจึงพูดเรื่องที่ถูกทำร้ายจากรุ่นพี่ให้ฟัง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากความจอแจของปลายสาย พร้อมเสียงชายหนุ่มซึ่งเอ่ยถึงใครอีกคน...ที่ไม่ใช่เธอ
‘มุกเน้นอ่านตรงนี้ น่าจะออก...ไอ้เหี้ยป๊อดนั่นของกู อะไรนะ ต่ายพูดอีกรอบหน่อยสิ’ ลัลนานิ่งค้างอยู่อย่างนั้นสักพัก เธอไม่อยากคิดเล็กคิดน้อย แต่หลายครั้งที่โทรไปแล้วมักมีคนชื่อมุกอยู่ข้างเขาเสมอ อติกานต์บอกว่าเป็นเพื่อนจากโรงเรียนมาเรียนคณะเดียวกันจึงสนิท
หล่อนจำได้ทันทีว่าเป็นประกายมุก รุ่นพี่คนสวยที่ได้ถือพานคู่กับเขาเสมอยามมีงานสำคัญของโรงเรียน แต่ตอนนั้นหล่อนยังไม่ได้เข้าเรียนที่นี่จึงไม่ติดใจอะไร
แต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยชอบแล้ว...เขาไม่ฟังเรื่องที่ตนพูดให้ฟังทั้งที่มันสำคัญ
“พี่ทำอะไรอยู่เหรอ” ถามเสียงเข้ม ไม่อยากแสดงอาการไม่พอใจแต่ก็อดไม่ได้
เธอกำลังหึงเขาจริงๆ นี่น่า
‘อ่านหนังสือ อาจารย์จะสอบย่อย นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่เลย ไอ้เหี้ยป๊อดอยู่คณะอื่นยังมาอ่านที่คณะพี่ มันบอกสาวอย่างแจ่ม แต่ไม่มีใครสวยสู้ต่ายได้เลยสักคน’ คำหวานของเขาทำให้หล่อนคลายความหงุดหงิดลงได้บ้าง เผลอหลุดยิ้มโดยที่ปลายสายไม่เห็น
พอรู้ว่าเขาต้องอ่านหนังสือเธอก็ไม่อยากรบกวน รู้ดีว่าคณะของชายหนุ่มต้องอ่านหนังสือเยอะแค่ไหน ตนตัดสินใจให้เขาทำหน้าที่ของตัวเอง
“พี่อ่านหนังสือเถอะ ต่ายก็จะอ่านเหมือนกัน” ส่วนเธอก็ต้องทบทวนอีกครั้ง เพื่อเป้าหมายที่ใฝ่ฝัน...คือการได้เรียนที่เดียวกับอติกานต์
‘โอเค รักนะครับ’ ไม่ลืมบอกรักอย่างทุกครั้ง หัวใจที่ห่อเหี่ยวกลับมาพองโตอีกครั้ง เธอพยักหน้าถึงเขาจะไม่เห็นแล้วค่อยตอบกลับ
“รักเหมือนกันค่ะ” กดวางสายแล้วมองหน้าจอที่ตั้งเป็นภาพของเราสองคน จดจ้องดวงหน้าคมที่แย้มยิ้มจนตาปิด ผู้ชายหน้ามึนที่หล่อนหลงรักหมดหัวใจ เขาคือพลังที่ทำให้คนไม่เอาอ่าวอย่างเธอต้องอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนเพื่อจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน
รอต่ายก่อนนะพี่ปลื้ม...
เลิกเรียนคาบเช้าเธอไม่พลาดจะเดินไปซื้อขนมในร้านสหกรณ์ของโรงเรียน ช่วงพักเที่ยงคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่ได้หยุดพักจากการร่ำเรียนตลอดทั้งช่วงเช้า ลัลนาเลือกขนมปังสองสามชิ้นแล้วจัดการจ่ายเงิน
เธอต้องเร่งทำเวลาเพื่อไปอ่านหนังสือในห้องสมุด เหลืออีกเพียงสี่สิบนาทีเท่านั้น หญิงสาวเลือกไม่กินข้าวเที่ยงเพื่อจะได้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น ขนมชิ้นสองชิ้นก็อยู่ท้องแล้ว ระหว่างกำลังจะเดินออกจากโรงอาหารกลับพบอัศวินที่เพิ่งช่วยชีวิตตนเมื่อหลายวันก่อน
ทราบจากเพื่อนว่ารุ่นพี่หากิ๊กของแฟนเจอแล้ว รุมทำร้ายอีกฝ่ายจนใบหน้ามีรอยช้ำ เห็นแล้วก็นึกกลัว หากวันนั้นภาวิชมาช่วยไม่ทันเธอคงมีสภาพไม่ต่างกัน
แต่ที่อยากรู้คือเอารูปของตนไปหลอกคนอื่นทำไม...
“อ้าว พี่ภาพ...มาทำอะไรที่โรงเรียนค่ะ” ไม่น่าเชื่อว่าจะบังเอิญเจอเขาระหว่างที่ตนอยู่ในช่วงพักเที่ยง วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดไปรเวทชวนมอง เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าสีซีด เรียกสายตาหลายคู่จากนักเรียนหญิงให้เหลียวมองด้วยความชื่นชม
“ขนมอร่อยไหม” เลือกจะไม่ตอบแต่ถามกลับเมื่อมองเห็นขนมปังในมือของลัลนา
“อร่อยค่ะ” เคยซื้อกินหนึ่งครั้งแล้วเห็นว่ารสชาติดี จากนั้นก็ซื้อกินช่วงเที่ยงตลอดไม่ค่อยรับประทานอาหาร
“พี่ทำเองแหละ” เอ่ยยอมรับพลางอมยิ้ม ไม่คิดว่าขนมที่ทำส่งขายโรงเรียนเป็นงานอดิเรก จะสร้างสถานการณ์ให้เขาคิดแผนการเข้าใกล้เธอออก ภาวิชรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกิน ทุกอย่างเป็นใจไปหมด
สงสัยเจอเนื้อคู่แล้วล่ะ...
“หา...พี่ภาพทำขนมเองเหรอ” ดวงตาเบิกกว้างยามรู้ว่าขนมที่ตนชอบเป็นฝีมือของภาวิช ดูภายนอกเขาไม่เหมือนชายหนุ่มที่เก่งงานครัวเลย ค่อนข้างสร้างความแปลกใจให้เธอจนเผลอแสดงออกมากเกินไป
“ใช่ พี่ทำเป็นงานอดิเรก มาฝากขายอยู่โรงเรียนขายหมดทุกวันเลย คิดว่าเด็กๆ น่าจะชอบกัน ต่ายก็ชอบใช่ไหม” หลุดหัวเราะกับท่าทีของเธอ
เขาเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นานหลังเรียนจบ ไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไรเพราะที่บ้านก็มีกิจการให้ดูแลแม้เขาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จึงได้ลองทำขนมมาขายที่โรงเรียน หมดทุกวันสร้างความดีใจให้คนทำเป็นอย่างมาก
เพิ่งรู้ว่าหนึ่งในคนที่ชอบขนมของตน...มีลัลนาอยู่ด้วย
“ชอบค่ะ ต่ายกินทุกวันเลยนะ” ยืนยันเสียงหนักแน่น
“ถ้าชอบพี่จะทำมาให้ต่ายโดยเฉพาะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจแย่...ขออุดหนุนดีกว่า” แค่เขาช่วยจากการถูกทำร้ายวันนั้นก็ซาบซึ้งในน้ำใจ กลายเป็นบุญคุณที่อยากตอบแทนหากภาวิชขอความช่วยเหลือ เธอก็พร้อมจะทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
“ตามใจ...พี่เพิ่งรู้ว่าเราอยู่หมู่บ้านใกล้กัน ไม่อย่างนั้นคงได้ไปส่งต่ายวันเกิดเรื่องแล้วล่ะ เป็นยังไงบ้าง ชีวิตกลับเป็นปกติหรือยัง” ความโชคดีของเขายังไม่หมด วันก่อนเห็นรถยนต์ของบ้านลัลนาเลี้ยวเข้าหมู่บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ไม่คิดว่าเรื่องบังเอิญระหว่างเราจะเยอะขนาดนี้ เธอถูกลิขิตให้เป็นคู่ของเขาอย่างแท้จริง
“ก็ปล่อยผ่านค่ะ เขาคงไปเคลียร์กับแฟนแล้วว่าไม่ใช่ต่าย ไม่เห็นกลับมาตอแยอะไรอีก ค่อยโล่งใจหน่อย” ตอบเพื่อให้พ้นข้อสงสัย หล่อนไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของใครให้ปวดหัว
“แล้ววันนี้ต่ายกลับยังไง” รีบถามเพื่อจะขันอาสาไปส่ง แต่แล้วหล่อนก็ปิดประตูตายใส่เขา เล่นเอาปากที่กำลังจะแย้มยิ้มต้องเรียบเป็นเส้นตรงดังเดิม
“กลับพร้อมพ่อค่ะ เหลือเวลาอีกไม่เยอะแล้ว ต่ายขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะคะ ปีหน้าจะสอบเข้ามหา’ลัย ต่ายไม่อยากพลาด” ยกนาฬิกาที่ข้อมือดูเวลาอีกรอบ ยิ่งช้าเธอก็จะยิ่งเหลือเวลาในการอ่านหนังสือน้อย จึงไม่อาจสนทนากับภาวิชต่อได้
“ครับ สู้ๆ นะ” หลีกทางให้หญิงสาว ทำเพียงมองตามหลังด้วยแววตาชื่นชมในความขยัน ส่วนตนค่อยเดินไปในโรงอาหารเพื่อเพิ่มขนมที่ใกล้จะหมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ผ่านไปหลายสัปดาห์ที่ยังติดต่อกันไม่ขาด แต่มีเพียงสองสามวันที่อติกานต์หายไปติดต่อไม่ค่อยได้ โทรกลับมาก็ช้าจนหล่อนน้อยใจ เลือกไม่รับสายเขาคิดว่าชายหนุ่มจะกระหน่ำโทรหรือส่งข้อความไม่ขาด ทว่ามีเพียงความเงียบ
สุดท้ายตนจึงต้องเป็นฝ่ายโทรไปหาเอง...น่าหงุดหงิดที่ไม่มีคนรับสาย
ร่างแบบบางอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น รับประทานอาหารเพิ่งเสร็จกำลังจะอ่านหนังสือ แต่ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย คิดถึงเพียงใบหน้าคมของแฟนหนุ่มที่อยู่ห่างไกล
ไม่ใช่ว่าไปหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนอื่นหรอกนะ
“โทรไปไม่เคยรับ ไม่เอาแล้วใช่ไหมถุงหอมน่ะ...เหอะ ช่างเถอะ ใครอยากจะสนใจกันล่ะ ไม่รับก็ไม่รับสิ” วางโทรศัพท์ไว้บนที่นอนแล้วกลับไปอ่านหนังสือ แต่ตัวอักษรไม่เข้าหัวจนสุดท้ายเธอไม่อาจข่มใจตัวเองไม่ให้คิดถึงเขาได้
ลัลนาเลือกลุกยืนแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาจ้องอีกรอบ ยิ่งเห็นหน้าคนที่ยิ้มแป้นอยู่หน้าจอโทรศัพท์ก็ยิ่งโกรธ ไม่รู้เรียนหนักอะไรนักหนาจนไม่สามารถติดต่อมาได้ คนรอก็เหนื่อยเป็นนะ...
“หึ่ย! ไอ้พี่ปลื้ม รอบนี้จะโกรธจริงแล้วนะ” ทำหน้ายักษ์ใส่โทรศัพท์ กำลังจะกดโทรออกอีกรอบแต่ก็มีข้อความจากร่างสูงเด้งมาซะก่อน จนหล่อนแทบไม่เชื่อสายตานึกว่าตัวเองอ่านข้อความเหล่านั้นผิดไป
‘ลงมาข้างล่าง’ วางมือถือไว้บนเตียงอีกรอบแล้วเดินไปเปิดม่าน ไม่เห็นสิ่งผิดปกติหรือมีใครมายืนรอนอกรั้วสักคน
เล่นตลกอยู่หรือไง!
