ตอนที่1 มิอาจลืมสัญญารัก ตอนแรก
คำสัญญาของคนรักยังกึกก้องอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังตั้งหน้ารอคอยเขามาเสมอ จนวันที่เธอได้เจอกับเขาอีกครั้ง แต่เขากลับทำเหมือนไม่รู้จักเธอ ที่เสียใจไปมากกว่านั้นก็เพราะรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงาน
เกริ่น
“พลอยก็จะไม่มีวันปล่อยมือของภูเหมือนกัน” คำสัญญาของพรนัชชาภูเมฆยังจำได้ขึ้นใจ และมันก็ทำให้เขารู้ว่าไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอนในโลกนี้
ภูเมฆและพรนัชชาเจอกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เริ่มชอบกันตั้งแต่กิจกรรมรับน้อง ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดจนกระทั่งเรียนจบและเข้าสู่วัยทำงาน หลังจากที่ภูเมฆได้ทำงานไม่ถึงปี เขาก็เลือกที่จะไปสู่ขอพรนัชชากับภิภพพ่อของหญิงสาว
ภิภพเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในตัวจังหวัดเชียงใหม่ พอรู้ว่าภูเมฆเป็นแค่เด็กวัดก็ไม่ยอมยกลูกสาวให้ ทั้งยังกีดกันและสั่งให้พรนัชชาเลิกกับภูเมฆ
ในเมื่อความรักไม่เป็นดั่งที่หวัง ภูเมฆก็เลือกที่จะพาพรนัชชาหนีไปอยู่ด้วยกันกินด้วย สัญญากันว่าถึงจะลำบากแค่ไหนก็ไม่มีทางปล่อยมือกัน
ภูเมฆและพรนัชชาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันร่วมปีจนพอจะตั้งตัวได้ แต่จู่ๆเธอก็ดันมาขอเลิกกับเขาโดยให้เหตุผลว่าทนความลำบากไม่ไหว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ข่าวว่าหญิงสาวไปแต่งงานกับลูกเจ้าของร้านทอง
ตอนนั้นเขาเจ็บปวดใจจนแทบกระอักเลือดไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน พอตั้งสติได้ก็เลือกที่จะหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะไม่อยากได้ยินข่าวคราวของพรนัชชา และวันนี้ วันที่ภูเมฆกลายเป็นคนใหม่ ไม่ใช่เพียงเด็กวัด แต่เป็นทายาทมหาเศรษฐีของภูเก็ต เขาเลือกที่จะกลับมาหาคนรักเก่า เพราะต้องการทำให้คนที่ทำให้เขาเจ็บ ได้เจ็บยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า
เริ่มเรื่อง
ซ่า ซ่า ซ่า
เสียงคลื่นดังมาเป็นระลอกขณะน้ำทะเลซัดสาดที่ริมชายหาดยามค่ำคืน ลมทะเลแรงพัดเรือนผมยาวดำขลับปลิวไสวจนต้องยกมือเรียวปัดป่ายเส้นผมออกจากใบหน้าหวาน พร้อมกับน้ำตาหยดเล็กที่ไหลออกมาจากนัยน์ตากลมโตไม่เว้นว่าง
“ขอบคุณนะภู ที่ทำให้พลอยเลิกเสียเวลาที่จะรอสักที”
เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาดวงตาคมนัยน์ตาหวานราวกับผู้หญิง ดวงตาคู่นั้นเคยมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก มาวันนี้มันกลับว่างเปล่าจนทำให้เธอรับรู้ได้และปวดร้าวไปทั้งหัวใจ
หญิงสาวหลับตาก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสว่างไสวสดใสอยู่รายล้อมพระจันทร์ดวงโต ดวงตาคู่สวยจ้องมองภาพนั้นผ่านม่านน้ำตา ยืนสะอึกสะอื้นตัวสั่นเทิ้มอยู่ครู่ใหญ่ มือซ้ายกอบกุมอยู่ที่หัวใจ ส่วนอีกข้างก็คอยปัดไรผมและปาดน้ำตาลวกๆ
“ภูให้พลอยเป็นดวงจันทร์ ส่วนภูจะเป็นหมู่ดาวที่รายล้อมดวงจันทร์ไม่หายไปไหน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นภูก็จะไม่ห่างพลอยไปเด็ดขาดภูสัญญา”
คำสัญญาของคนรักยังกึกก้องอยู่ในหัวใจของพรนัชชาตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรเธอก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขามาเสมอ จนมาวันนี้ วันที่เธอได้เจอกับเขาอีกครั้ง แต่เขากลับทำเหมือนไม่รู้จักเธอ ที่เสียใจไปมากกว่านั้นก็เพราะรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนที่เหมาะสม
“มาอยู่ที่นี่เอง ฉันตามหาแกตั้งนาน”
เสียงใสของทรายแก้วตะโกนมาจากทางด้านหลัง พรนัชชาได้สติและรีบปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะหันกลับมาหาทรายแก้ว
“ฉันเดินออกมารับลมแปปเดียว ไม่คิดว่าแกจะกลับมาเร็ว”
ทรายแก้วขมวดคิ้วเดินเข้ามาสวมกอดพรนัชชาเอาไว้แน่น เมื่อครู่เธอตั้งใจเดินออกไปซื้ออาหารข้างนอกไม่ไกลนัก เพราะกลัวว่าพรนัชชาอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่านกับเรื่องที่ได้เจอวันนี้ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ฉันดีใจที่รู้ว่าแกได้ดิบได้ดี แล้วทำไมหายหน้าหายตาตัดขาดการติดต่อพวกฉันไปนานนักล่ะ” องศาถือแก้วน้ำเมาอยู่ในมือซ้าย ส่วนมืออีกข้างก็ยกตบบ่าเพื่อนรัก หลังจากที่ภูเมฆอกหักจากพรนัชชาเขาก็หนีหน้าจากทุกคนแม้กระทั่งหลวงพ่อที่ชุบเลี้ยงให้ที่อยู่ที่กิน กว่าจะหวนกลับมาเจอทุกคนก็นานแรมปี ทั้งยังเปลี่ยนจากสถานะเด็กวัดเป็นทายาทเศรษฐีไปแล้วด้วย
“เป็นเพราะแกทำใจไม่ได้ที่พลอยมันไปแต่งงานใหม่เเหรอวะ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น คนอย่างองศาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอยู่แล้ว
“เปล่า พอคุณแม่ตามตัวฉันเจอ ท่านก็ให้ฉันฝึกบริหารงานเลยไม่ได้ว่างที่จะกลับมาหาพวกแก ส่วนเรื่องพลอยฉันไม่ได้ใส่ใจแล้ว” เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ทำตนเจ็บเจียนขาดใจ แววตาคมแข็งกร้าวก็เริ่มไหววูบลงเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว
“ถึงจะไม่ได้เป็นผัวเมียกันเหมือนเดิมแล้ว แต่ฉันก็อยากให้แกกับพลอยเหลือความเป็นเพื่อนให้กันก็ยังดี เพราะตลอดเวลาที่แกหายไป พลอยก็มาถามหาแกกับพวกฉันตลอด” กรกันต์สังเกตเห็นว่าในงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นในร้านอาหารเรียบชายหาดวันนี้ ภูเมฆไม่ได้สนใจแม้กระทั่งจะชำเลืองหางตามองพรนัชชาด้วยซ้ำ ทั้งที่หญิงสาวก็เข้ามาทักทายภูเมฆด้วยท่าทีที่เป็นมิตร
“เออ ฉันก็คิดเหมือนไอ้กรนะ ตอนแรกฉันก็โกรธพลอยที่เธอทิ้งแกไปไม่มีเหตุผล แต่ตอนนั้นถ้าฉันเป็นพลอยฉันก็คงต้องเลือกอนาคตตัวเอง” องศาว่าจะพูดเรื่องนี้กับภูเมฆอยู่เหมือนกัน เมื่อกรกันต์เกริ่นถึงเรื่องนี้จึงเอ่ยประสมโรง
ตอนนั้นองศายอมรับว่าโกรธพรนัชชามากที่ทิ้งภูเมฆไปแต่งงานใหม่ จนเพื่อนเขาไม่เป็นผู้เป็นคนและหนีหายไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ตระหนักได้ว่าคนเราก็ต้องอยากมีชีวิตดีๆกันทั้งนั้น หากเขามีลูกสาวก็คงไม่อยากให้คบกับคนที่เป็นแค่เด็กวัดหาเช้ากินค่ำทั้งที่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ภูเมฆวางแก้วน้ำเมาลงกับโต๊ะ เขานั่งเงียบไปครู่หนึ่งจนเพื่อนทั้งสองก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน ดวงตาของชายหนุ่มทั้งสองจับจ้องไปยังภูเมฆไม่ยอมละ เพราะเดาท่าทีของเพื่อนตนไม่ออกเลยว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ
“ฉันให้เธอเป็นแค่คนรู้จักได้ แต่ให้มองเธอเป็นเพื่อนไม่ได้จริงๆ ถ้าพวกแกเป็นเพื่อนฉันก็อย่าพูดเรื่องนี้อีก”
“แล้วแต่แกแล้วกัน แต่คงไม่ห้ามให้พวกฉันคบกับพวกของพลอยใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น” ได้รับคำตอบจากภูเมฆสองหนุ่มอย่างกรกันต์กับองศาค่อยหายใจหายคอได้คล่องหน่อย
“เออ แล้วช่วงนี้พวกแกทำอะไรกันอยู่”
“ฉันเป็นเซลล์ขายรถ ส่วนไอ้กรเป็นพนักงานบัญชี” องศาเอ่ยตอบก่อนจะกระดกน้ำเมาจนหมดแก้ว
“องศาแกมาเป็นเลขาฉัน ส่วนกรมาเป็นหัวหน้าบัญชีในบริษัททัวร์ของฉัน เงินเดือนคนละแปดหมื่นไม่รวมโบนัสแล้วก็มีคอนโดให้อยู่คนละห้องฟรีๆด้วย”
“แปดหมื่นแถมมีที่ให้ซุกหัวนอนด้วย ไม่เอาก็บ้าแล้ว” องศาลุกขึ้นพรวดเสยผมยิ้มร่าด้วยท่าทีดีอกดีใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าได้เพื่อนรักกลับมาแล้วยังได้งานดีๆเหมือนได้โชคสองต่อแบบนี้ใครจะไม่ยอมรับกัน
“ขอบใจแกนะที่ได้ดีแล้วไม่ลืมพวกฉัน
กรกันต์ตบบ่าภูเมฆ ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าเด็กวัดอย่างเขาอย่างเขาจะได้มาทำงานเงินเดือนสูงลิ่วขนาดนี้ รู้สึกซึ้งในน้ำใจของภูเมฆที่ไม่เคยลืมความเป็นเพื่อนแม้กระทั่งตอนนี้มีชีวิตที่ดีกว่าพวกเขาไปมากแล้ว
“อืม ก็พวกแกเป็นเพื่อนรักฉัน ยังไงฉันก็ไม่มีวันลืมพวกแกแน่นอน” แม้ตอนนี้ชีวิตของภูเมฆจะดีกว่าองศาและกรกันต์มาก แต่เขาก็ไม่เคยลืมคนที่โตมาจากข้าวก้นบาตรด้วยกัน
และอีกคนที่เขาลืมไม่ลงทั้งที่อยากจะลืมแทบตายแต่ก็ทำไม่ได้ก็คือพรนัชชา เธอเคยเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเขา และเธอก็ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดในชีวิตเหมือนกัน
