ตอนที่ 4 ศึกในวังหลัง (ชุดนอนไม่ได้นอน)
ศึกในเรือนหลังเป็นบททดสอบอันหนักหน่วงของลี่หรง นางรู้ดีว่าภายในตำหนักในไม่ได้มีเพียงความงามและความจงรักภักดี แต่ยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการชิงดีชิงเด่น
ฮองเฮาถูกพระสนมของฮ่องเต้แย่งชิงความโปรดปราณ แม้ฮองเฮาจะเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุด แต่กลับถูกลดบทบาทให้ไร้ตัวตนในสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้
พระชายาลี่หรง ในฐานะสะใภ้ จึงต้องหาทางปกป้องแม่พระสวามีของตน นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อำนาจของฮองเฮาจะถูกบั่นทอนจนหมดสิ้น
ตำหนักเฟิงหวง…
“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่เลย ไม่ทราบว่าเสด็จแม่มีเรื่องทุกข์ใจสิ่งใดหรือเพคะ สีหน้าเสด็จแม่ดูไม่มีความสุข” หลี่หรงถามไถ่ด้วยความห่วงใย
หลังจากได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้มิได้เสด็จเยี่ยมฮองเฮามาสองเดือนแล้ว แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสนมคนโปรด
นางเงยหน้ามองฮองเฮาที่นั่งนิ่ง สีหน้าอ่อนล้าแต่แฝงด้วยศักดิ์ศรีของสตรีผู้สูงศักดิ์
"เสด็จแม่..." พระชายาเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังตัดสินใจจะถามขึ้นมาทันที
"เหตุใดจึงปล่อยให้พวกนางลบหลู่เช่นนี้ ฮองเฮาแห่งแผ่นดินจักถูกลืมเลือนได้เช่นนั้นหรือ
ฮองเฮายิ้มบาง ๆ คล้ายมิได้ใส่ใจ
"ภายในตำหนักใน สตรีมากมายล้วนแต่ต้องแย่งชิงความรักจากฝ่าบาท หากเขาไม่โปรดเราแล้ว จะฝืนให้รักไปไย"
"แต่เสด็จแม่คือฮองเฮา มิใช่สนมคนใดคนหนึ่ง
" พระชายากล่าวหนักแน่น "มิใช่เพียงความรัก แต่เป็นศักดิ์ศรีของตำหนักเฟิ่งหวง!"
ฮองเฮาเงียบไปครู่หนึ่ง
"เจ้าเองก็เป็นชายาของรัชทายาท" ฮองเฮาเอ่ยเบา ๆ
"หากเจ้าก้าวล่วงเรื่องนี้มากเกินไป พวกนางจะไม่ปล่อยเจ้าแน่"
พระชายายิ้มจาง ๆ
"เสด็จแม่วางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร" พระชายานึกถึงมินิซีรีส์ที่เคยดูมาบ้าง กลยุทธ์พิชิตใจสามีต้องเข้าแล้ว
“เสด็จแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้หม่อมฉันจะรีบมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่นะเพคะ วันนี้ต้องลาไปเตรียมอุปกรณ์ก่อน” พระชายารีบกลับตำหนักทันที ปล่อยให้ฮองเฮางงกับคำพูดที่เธอทิ้งไว้
ตำหนักไป๋ฮวา...
องค์ชายเดินเข้ามาในตำหนัก ดวงตาคมจับจ้องไปที่ชายาของเขาที่กำลังนั่งตัดเย็บชุดด้วยท่าทางมุ่งมั่น ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจ ดูเหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
"เจ้าจะทำอะไรอีก?" องค์ชายถามเสียงต่ำ ด้วยความอยากรู้
พระชายาเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วเบือนสายตาหลบ "ทำอะไรก็ปล่อยข้าด้วยเถอะ...ท่านไม่สนใจอะไรข้าอยู่แล้ว"
"นี่เจ้า..." องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว มองพระชายาอย่างจับผิด "เจ้าคือชายาของข้า ถ้าเจ้าทำเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา ข้าจะเสียหายไปด้วย!"
"อ่อ...ที่แท้ก็ห่วงตัวเองจะเดือดร้อนสินะเพคะ" นางประชด
องค์รัชทายาทเหยียดยิ้ม "เจ้ามันปากดี...เถียงคำไม่ตกฟาก"
พระชายาไม่ตอบอะไรอีก หยิบผ้าสีดำบางๆ ขึ้นมาแล้วเริ่มตัดเย็บ ฝีมือของนางน่าทึ่ง ทำให้ชายขององค์รัชทายาทยต้องเงียบและมองอย่างพิจารณา
"ข้าต้องไปช่วยเสด็จแม่ก่อน" พระชายาพูดเสียงเรียบขณะตัดเย็บชุดต่อไป
องค์ชายมองหน้าของนางด้วยความสนใจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด "ก็ได้...แต่ว่า..."
พระชายาสะดุดหันไปมองเขา
"ชุดนอนวิคตอเรียซีเคร็ททำมือนี้เสร็จแล้ว...ชุดนอนไม่ได้นอน" พระชายายิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ยกชุดสีดำขึ้นให้เขาดู
"เจ้าคิดจะให้ใครใส่ชุดแบบนี้กัน?" องค์รัชทายาทถามกลับเสียงขรึม
"ดูฝีมือข้าสิ" นางพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่ง "มันสวยไหม?"
องค์รัชทายาทมองชุดที่บางเบาจนแทบไร้เนื้อผ้า ร่างกายของเขาค่อยๆ ตึงเครียดขึ้น "ชุดอะไรของเจ้า..." พระองค์แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"เอาเถอะ ดูฝีมือข้าก่อนเถอะ" พระชายาพูดพลางพับชุดเก็บลงในกล่องทันที
"ดึกแล้ว เจ้าไปนอนได้แล้ว" องค์รัชทายาทพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวไปใกล้
"นี่...องค์ชายจะให้ข้าขึ้นเตียงกับท่านหรือ?" พระชายาหรี่ตามองเขา "อย่าบอกนะว่า...ท่านหลงรักข้าจนไม่รู้ตัว?"
พระชายาเดินเข้าไปใกล้ องค์รัชทายาทกลับไม่ถอยหนีเหมือนทุกครั้ง มือของพระองค์คว้าเอวของนางอย่างแรง ดึงให้เข้าไปใกล้ตัวเขามากขึ้น นางดิ้นไม่หลุด
"เจ้ากำลังเล่นกับไฟอยู่รู้หรือไม่? องค์ชายกระซิบเสียงแหบๆ
พระชายาหายใจติดขัด นางพยายามดิ้นแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของเขาได้
"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!" นางพยายามหันหน้าไปมองเขา
องค์ชายแสยะยิ้ม "เจ้าคิดจะห้ามข้าหรือ? เจ้าคือชายาของข้า ข้าจะจับหรือจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้ถ้าอยาก..." น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"จะทำอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้นหากข้าไม่เต็มใจ" พระชายาพูดเสียงตะคอกออกไป แม้หัวใจเต้นรัว
องค์รัชทายาทยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาคมเหลือบมองต่ำลงไปที่ชุดของนางก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ "เจ้าคิดว่าข้าจะฟังเจ้าหรือ? เจ้าคือชายาของข้า...ไม่ต้องรอความรัก ข้าก็มีสิทธิ์เต็มที่อยู่แล้ว"
"ใครนะที่บอกว่าเกลียดข้า ชาตินี้ไม่มีทางรักข้า..." นางตอบเสียงเครียด แต่มุมปากขององค์ชายเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"รักไม่รัก...ไม่จำเป็น...แค่มีหน้าที่ผลิตทายาทก็พอแล้ว" เขาพูดเสียงทุ้ม "หรือจะขัดขืนข้า?"
พระชายาทำหน้าเหมือนจะโมโห แต่เมื่อเห็นท่าทางขององค์ชายที่ยังไม่ลดละ เธอรู้สึกไม่สามารถทำอะไรได้
"หากจะขืนใจกัน งั้นก็คงได้แต่ร่างที่ไร้วิญญานข้าไปเถอะ..." พระชายาพูดน้ำเสียงท้าทาย
องค์ชายไม่ตอบ แต่กลับดึงนางเข้าไปใกล้กายมากขึ้น หน้าของเขาเข้ามาใกล้จนเกือบสัมผัสหูของนาง
"อย่าหลงตัวเองนัก" องค์ชายกระซิบเสียงต่ำ "ข้าไม่เคยทำอะไรสตรีที่ไม่ยินยอม... "
พระชายาตกตะลึง เขาผละออกจากนางแล้วกลับไปที่แท่นไม้เล็ก ๆ ข้างเตียง "ข้าไม่ทนกับแสงไฟแล้ว...ไปดับไฟข้าจะนอนพัก"
พระชายาถอนหายใจ รีบดับตะเกียงแล้ววิ่งขึ้นเตียงทันที หัวใจของนางเต้นเร็วราวกับจะหลุดออกจากอก
องค์ชายเหลือบตามองพระชายาอีกครั้งก่อนจะหลับตาลง รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่มุมปาก
ตำหนักเฟิงหวง
พระชายาก้าวเข้ามาในตำหนักของฮองเฮาอย่างสง่างาม แม้เป็นเพียงชายาที่เพิ่งถูกแต่งเข้าวัง แต่ในดวงตาคู่นั้นกลับไม่มีความเกรงกลัว นางถือกล่องไม้แกะสลักงดงามราวกับเป็นของขวัญล้ำค่า
"ถวายบังคมเสด็จแม่" นางเอ่ยเสียงอ่อนหวาน
ฮองเฮาที่ประทับบนตั่งสูงปรายตามอง ก่อนจะโบกมือเบา ๆ "ไม่ต้องมากพิธี"
พระชายายิ้มมุมปาก ก่อนจะวางกล่องลงบนโต๊ะเบื้องหน้าพระมารดา นางเปิดฝาอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นชุดผ้าชั้นดีสีดำสะดุดตา ลูกไม้ที่ประดับอย่างประณีตทำให้ชุดนี้มิได้มีเพียงความสง่างาม แต่ยังแฝงเสน่ห์ที่เย้ายวนอย่างมิอาจละสายตา นอกจากนั้น ยังมีขวดแก้วใส บรรจุน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลึกลับที่แฝงความเร่าร้อน
"นี่เพคะ ข้าตั้งใจทำให้เสด็จแม่โดยเฉพาะ" นางเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ฮองเฮาหรี่พระเนตรมองสิ่งของตรงหน้า รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า "นั่นอะไรหรือ?"
"ชุดที่เสด็จแม่สมควรจะสวม...เมื่อพบฝ่าบาท" พระชายากล่าวเสียงเรียบ หากแต่แววตาของนางเปล่งประกายเจ้าเล่ห์
ฮองเฮาหัวเราะเบา ๆ "เจ้าจะให้ข้าทำตัวเป็นสนมเด็กสาวเพื่อแย่งความรักจากพระองค์หรือ?"
พระชายาส่ายหน้า "หามิได้เพคะ ไม่ใช่แย่ง แต่เป็นการทำให้ฝ่าบาทระลึกถึงวันเก่า ๆ วันที่เสด็จแม่ยังเป็นเพียงสตรีที่ฝ่าบาทหลงใหล..."
ฮองเฮาหยิบขวดน้ำมันหอมขึ้นมา เปิดฝาเพียงเล็กน้อยก่อนจะสูดกลิ่น พลางทอดพระเนตรพระชายาด้วยสายตายากจะคาดเดา
"เจ้าเนี่ยนะ ช่างคิดจริง ๆ" เสียงฮองเฮาเต็มไปด้วยความขบขัน แต่ในดวงตาของฮองเฮา กลับฉายแววเฉียบแหลม
"ในวังหลังนี้ เพียงเป็นมารดาของแผ่นดินมิได้หมายความว่าจะได้รับความรักจากฝ่าบาทเสมอไป...หม่อมฉันเพียงอยากให้เสด็จแม่ทรงได้สิ่งที่ควรเป็นของพระองค์" พระชายาโน้มตัวกระซิบเบา ๆ
ฮองเฮาหัวเราะ แต่คราวนี้เสียงหัวเราะนั้นแฝงไว้ด้วยความลึกซึ้ง
ตำหนักเฟิงหวงยามค่ำคืน
ค่ำคืนนี้ ดวงจันทร์ลอยเด่นเหนือวังหลวง ทอแสงนวลลอดผ่านม่านบางเบาในตำหนักเฟิงหวง กระทบลงบนร่างของสตรีผู้สูงศักดิ์ ผู้เป็นมารดาของแผ่นดิน (ฮองเฮา)
นางสวมชุดบางเบาสีดำสนิท เนื้อผ้าบางเฉียบแนบเนื้อ ขับให้ผิวขาวดุจหยกของนางดูยิ่งเย้ายวน เสียงสายลมอ่อนพัดกระทบม่านเบา ๆ คล้ายกระซิบบอกว่าค่ำคืนนี้แตกต่างจากทุกคืนที่ผ่านมา
คืนนี้ นางได้เชิญ ฮองเต้ มาประทับร่วมเสวยพระกระยาหาร ณ ตำหนักแห่งนี้
เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง ทรงจ้องมองฮองเฮา อย่างหลงใหล
“ค่ำคืนนี้ ฝ่าบาทโปรดพักที่ตำหนักหม่อมฉันเถิดเพคะ...” ฮองเฮาเอื้อนเอ่ยเสียงอ่อนหวาน เรือนร่างเอนเข้าแนบชิด “หม่อมฉัน...คิดถึงพระองค์”
“ถึงแม้เจ้าไม่เอ่ยปากเชิญ...ข้าก็จะอยู่กับเจ้าอยู่แล้ว” พระองค์ตรัส พลางยกพระหัตถ์ลูบไล้ปลายเส้นผมของฮองเฮา ดวงตาคมจับจ้องเรือนร่างงดงามที่สะท้อนแสงจันทร์ “คืนนี้เจ้ายิ่งดูมีเสน่ห์...เจ้าคิดหรือว่าข้าจะทิ้งเจ้าไปได้?”
ฮองเฮาพริ้มพราย ปลายนิ้วเรียวแตะสัมผัสอาภรณ์ของพระองค์เบา ๆ นางไม่เร่งรีบ ไม่กระตือรือร้น แต่กลับเย้ายวนเกินห้ามใจ
“ค่ำคืนนี้ หม่อมฉันจะปรนนิบัติพระองค์ด้วยน้ำมันหอมระเหยสุดพิเศษ” เสียงหวานแผ่วกระซิบข้างพระกรรณ “ให้ค่ำคืนนี้...เป็นคืนแห่งความทรงจำของเราสอง”
“เจ้านี่ช่างรู้ใจข้าดีเหลือเกิน ฮองเฮาของข้า...”
มือใหญ่ฮ่องเต้โอบรัดร่างบางเข้าหาพระวรกาย ร่างทั้งสองแนบชิด สนิทกาย
ใต้แสงจันทร์...ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่พระองค์ไม่อาจลืมเลือนได้อีกต่อไป
รุ่งเช้า ข่าวลือกระจายไปทั่วตำหนักใน
เหล่าสนมนางในต่างพากันตื่นตกใจ มิคาดว่าฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ที่พระองค์ห่างเหินมานาน จะสามารถดึงดูดให้ฮองเต้เสด็จประทับที่ตำหนักเฟิงหวงได้ถึง3คืนติดต่อกัน!
แววตาของเหล่าสนมเต็มไปด้วยความริษยาและตื่นตระหนก
