บทที่ 6 มื้อเช้าและแขกที่ไม่ได้รับเชิญ 2
ทว่าคำตอบที่ว่าก็ทำเอานีลาซบหน้ากับพวงมาลัยรถอย่างหมดแรง หมอยืนยันอลันความจำเสื่อมจริง สมองได้รับการกระทบรุนแรง มีผลต่อส่วนเก็บความจำ ซึ่งจะค่อย ๆ กลับมา
“หมอให้คำตอบไม่ได้ว่าเมื่อไรความทรงจำจะกลับมาหมด คนไข้บางเคสใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี”
นั่นไม่ร้ายเท่าคำตอบของตำรวจ
“ยังหาข้อมูลยืนยันตัวตนผู้ชายที่บาดเจ็บหน้าบ้านคุณไม่ได้เลยครับ”
สารวัตรยศใหญ่คนก่อนไม่ได้บอกเอง เพียงฝากร้อยเวรมารายงานต่อ พอเล่าความลำบากใจในการให้ที่อยู่อาศัย ขอความกรุณาตำรวจรับอลันกลับไป คนในเครื่องแบบรีบส่ายหน้ารัวเป็นใบพัดเฮลิคอปเตอร์ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นหน้าผาก
“ห้องขังเต็มครับคุณ”
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นีลาท้อใจ ซบศีรษะจมพวงมาลัยอยู่ตอนนี้ จอดรถหน้าบ้านตัวเอง แต่ไม่กล้าเข้าบ้าน ขอทำใจก่อนเผชิญหน้าโจทย์เก่าก่อน หรือต้องพาไปปล่อยวัดดีนะ ใส่ซองบริจาคหลวงพ่อสักพันบาท
ฮึ๊ย...เรื่องอะไรเธอต้องเสียเงินให้เขา
งานนี้มีแต่เสียกับเสีย
โธ่เว้ย นีลาเสียตัวให้ผู้ชายคนเดียว ขนาดเลิกไปหกปีแล้ว ยังซวยมีเขากลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตอีก
ก๊อก ๆ
ดวงตาใต้แพขนหนาปรือมองไปนอกรถ ตัวปัญหาหน้านิ่งจ้องเธออยู่
“หนูดีเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ในรถนานแล้ว”
นีลาปิดประตูรถดังปัง “อย่าเรียกฉันว่าหนูดี”
อารมณ์เสีย อยากกรี๊ดใส่คน ในเมื่อความจำเสื่อม ก็จงเป็นกระโถนท้องพระโรงของเธอเสียเถอะ
“จะให้เรียกอะไร เรียกมามี้คงไม่เหมาะ”
วาจากวนส้นเท้ามากจนคนฟังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“พูดภาษาไทยเก่งนะ ใครสอนล่ะ”
“จำไม่ได้”
เหตุไฉนกลายเป็นเจ้าบ้านอย่างเธอเดินตามแขกไม่ได้รับเชิญเข้าบ้านเสียได้
“ไปไหนมานานจัง”
“ไม่เห็นเหรอว่าไปส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียน”
“ไปนานนะ โรงเรียนอยู่ไกลเหรอ”
นีลาไม่ตอบ เครียด เหม็นขี้หน้า อีกฝ่ายยังเดินตามติด นีลาไม่ใช่นางเอกจะยอมอุดอู้หลบใครอยู่ห้องนอนเสียด้วย เวลาอย่างนี้ต้องออกกำลังหาอะไรทำ
ร่างอรชรเดินไปยังส่วนเป็นร้านกาแฟ เปิดประตูยืนเพ่งพินิจบริเวณเมื่อคืนที่เขาล้มลง ทุกอย่างกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม ไร้ร่องรอยเลือด นีลายังไม่พอใจ เดินกลับเข้าร้าน ชงกาแฟเข้ม ๆ ให้ตัวเอง
ปรากฏเจอโจรปล้นกาแฟ ยกแก้วที่ควรเป็นของเธอไปดื่มเฉย
“ขโมย ! มารยาทน่ะมีไหม”
“หนูดีทำอะไรก็อร่อยเหมือนอัลบอกเลย”
ความจำเสื่อมแบบใด ขนาดดื่มกาแฟชงสำเร็จรูปยังมาดดี แผ่ความหรูหราเหมือนดื่มเอสเปรสโซ่ราคาหลายยูโรในคาเฟ่ชั้นดีในคาปรี
“บอกว่าอย่าเรียกหนูดี”
นีลาห้ามใจไว้ให้ไม่โกรธ ต้องไม่หน้ายับตีนกาขึ้นเพราะเขา เธอชงกาแฟให้ตัวเอง ถึงมีเครื่องชงแต่ใจร้อนไง เครื่องต้องรออุ่นสามสิบนาที ใช้เสร็จต้องล้างทำความสะอาดอีก นีลาไม่ยอมทำเด็ดขาดเพราะวันปิดร้านอย่างนี้เสี่ยเหงื่อแล้วมันไม่ได้เงิน
“แต่เรารู้จักกันมาก่อน”
มือจับช้อนคนกาแฟชะงักไปนิด
“ความจำกลับมาแล้วเหรอ”
กลิ่นกาแฟหอมอบอวล ละอองไอคาเฟอีนคลุ้งขึ้นชวนใจสั่น
“เปล่า”
นีลาและอลันต่างยกกาแฟขึ้นจิบคนละอึก สถานการณ์ตอนนี้คือ เขานั่งสตูลหน้าเคาน์เตอร์ ส่วนเธอก็อยู่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างเรามีเพียงไม้กระดานไม่กี่แผนกั้น แต่ระยะห่างระหว่างใจมีมากเหลือเกิน ประมาณอยู่คนละซีกโลก
“ผมในตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง ก่อนความจำเสื่อม”
ดวงตาสีนิลจับจ้องหลังเคาน์เตอร์ ครั้งหนึ่งนีลาเคยลงไหลคลั่งไคล้ อยากให้มีเพียงเงาเธอฉายในดวงตาเขา
“เราไม่เคยรู้จักกัน”
นีลาไม่ยอมแพ้ เธอเป็นนางร้าย ไม่ใช่นางเอก เรื่องจะเขินสะเทิ้นอายนั่นลืมไปได้เลย ฟาดมาฟาดกลับ ร้ายมาร้ายกลับ
“แต่ผมคุ้นกับหนูดี”
อลันจ้องร่างอรชรเหมือนเสือดำมองเหยื่อ
“ฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่ว ๆ ไป คุณอาจคุ้นตาจากสาวเอเชียที่ไปเที่ยวคลับ”
“ผมไม่เที่ยวคลับ” คนรับรู้หรี่ตาไม่เชื่อถือ
“แต่ก่อนเคย แต่ตอนนี้ไม่”
น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นร้อนรนนิด ๆ
“เรื่องของคุณสิ ไม่เกี่ยวกับฉัน”
นีลายกกาแฟดื่มซดดื่มโฮกใหญ่ ทิ้งแก้วลงอ่างล้างจาน หนีไปตั้งหลักในห้องน้ำ มือลูบปลอบก้อนเนื้อในอกที่เต้นตึกตัก
มาทรงนี้ พ่อเจ้าประคุณความจำเสื่อมทิพย์แน่ เอายังไงดีล่ะทีนี้!
