บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 พวกท่านเป็นใคร?

ผ่านค่ำคืนที่แสนมีความสุขของจวนตระกูลจิน พวกเขารู้สึกโล่งอกที่ผ้าไหมและผ้าปักของร้าน มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เพียงเปิดร้านวันแรกก็ขายดีจนผ้าบางผืนเหลือไม่กี่พับ ส่วนเรื่องสินค้าที่เหลือน้อยได้รับการแก้ไขจากบุตรสาวคนเล็กของครอบครัว

มู่ถงกับฮูหยินอย่างจือเหมยจึงได้วางใจเพราะซูอันรู้ดีว่าบิดามารดามักจะคิดมากอยู่เสมอ “ท่านพ่อท่านแม่มีข้าอยู่ทั้งคน พวกท่านเลิกคิดมากได้แล้วเจ้าค่ะ ไม่ว่าลูกค้า

ของพวกเราจะสั่งสินค้าจำนวนมากเพียงใด ข้าย่อมมีส่งให้ครบตามจำนวนแน่นอน พวกท่านปักผ้าอย่างมีความสุขเถิดนะเจ้าคะ”

“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ จากนี้ไปพวกท่านสองคนก็มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ได้นั่งทำงานปักอย่างสบายใจ ไม่ต้องเร่งรีบจากความกดดันเช่นแต่ก่อนอีก ส่วนเรื่องที่ร้านผ้าไหมข้ากับอันเอ๋อร์จะดูแลจัดการเองเจ้าค่ะ” เยี่ยนหลิงกล่าวเสริมคำพูดน้องสาวอีกคน

จือเหมยยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ ที่บุตรสาวทั้งสองของนางกับสามี ไม่เคยริษยาต่อกันตั้งแต่เด็กจนโต ทั้งยังเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียทุกอย่าง “ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ ยามนี้บุตรสาวของพวกเราเติบโตขึ้นมาก แต่หลิงเอ๋อร์เลยเวลาออกเรือนมาเกือบสองปีแล้ว ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครมาสู่ขอนางนี่สิเจ้าคะ”

มู่ถงคิดเรื่องการแต่งงานของเยี่ยนหลิงอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลหลิว เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขากับฮูหยินต้องพบเจอ พร้อมบุตรสาวทั้งสองนั้น เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก หากบุตรสาวของเขาต้องแต่งไปพบเจอเรื่องอดสูเช่นเดิม มิสู้เขายอมให้พวกนางเป็นสาวเทื้อ ใช้ชีวิตอย่างอิสระไม่ดีกว่าหรือ

“เฮ้อ ฮูหยินเจ้าปล่อยวางเรื่องออกเรือนนี้ไปเสียเถิด ถึงแม้ไม่มีบุรุษใดมาพึงใจสู่หลิงเอ๋อร์กับอันเอ๋อร์ ข้าก็สามารถเลี้ยงดูพวกนางได้อยู่แล้ว”

เยี่ยนหลิงพยักหน้ารัว ๆ เข้าข้างบิดา “ใช่ ๆ ๆ ท่านแม่ท่านเลิกคิดเป็นห่วงเรื่องนี้เถิดนะเจ้าคะ ถึงจะไม่มีบุรุษใดมารักใคร่เอ็นดูข้าก็ช่าง ขอเพียงได้อยู่กตัญญูดูแลพวกท่านต่อไปย่อมดีที่สุดเจ้าค่ะ”

“หึ บุรุษคนใดกล้าคิดอยากได้พี่หญิงไปเป็นฮูหยิน หากได้พี่หญิงไปแล้วละเลย ปล่อยให้ถูกคนในตระกูลรังแก ข้าจะตามไปพาพี่หญิงกลับมา และให้หย่ากับบุรุษนิสัยเลวทรามนั่นเองเจ้าค่ะ” ซูอันคิดจะทำเช่นที่พูดจริง ๆ หากพี่สาวของนางต้องเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ นางไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่

ระหว่างที่พ่อแม่ลูกกำลังพูดหยอกล้อกัน เสียงของอวี้เหลียนก็เตือนซูอันขึ้นมาเสียก่อน “คุณหนูเล็กได้เวลาที่ท่านกับคุณหนูใหญ่ต้องไปที่ร้านผ้าไหมแล้วขอรับ”

“ข้ารู้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ข้ากับพี่หญิงไปก่อนนะเจ้าคะ พวกท่านสองคนจู๋จี๋กันตามสบายนะ อิ อิ” ซูอันมิวายหยอกเย้าบิดามารดาก่อนจะออกจากจวน

จือเหมยเขินอายกับคำพูดของบุตรสาว จึงทำทีเป็นไล่พวกนางสองคนเสียอย่างนั้น “ดูพูดเข้าเจ้าลูกคนนี้ จะซุกซนมากเกินไปแล้วนะ ไป ๆ ๆ ป่านนี้ที่ร้านลูกค้าคงมารอซื้อผ้ากันแล้วล่ะ”

“ข้ากับอันเอ๋อร์ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ พวกเราจะรีบกลับมากินมื้อเย็นกับพวกท่านเจ้าค่ะ” เยี่ยนหลิงยิ้มได้มากกว่าเดิม เมื่อครอบครัวผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ นางต้องใช้เวลาขจัดความคิดที่โทษตนเองอยู่นาน ที่ทำให้น้องสาวอย่างซูอันต้องบาดเจ็บรถม้าขนาดกลางที่มีหีบใส่ผ้าไหมบางส่วน พร้อมคนติดตามอีกสี่คน ออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังร้านผ้าไหมของตระกูล โดยที่พวกนางยังไม่รู้ตัวว่าวันนี้ จะได้พบเจอแขกที่อยากทำความรู้จัก จนแทบจะเหมาผ้าไหมในร้าน เพื่อไม่ให้พวกนางต้องเหน็ดเหนื่อยกับการขายผ้า

เช้าวันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความประหลาดใจ จนหยางไท่หมิงแทบจดบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานว่า สหายของเขาอย่างฟงเฉิงฮ่าว สามารถตื่นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่กลางยามเหม่า ทั้งที่ยามอยู่เมืองหลวงหากไม่ถึงยามเฉิน ไม่มีทางได้เห็นแม้แต่ชายอาภรณ์“หึ สงสัยเมืองผู่เถียนคงพบกับภัยพิบัติเป็นแน่”

ฟงเฉิงฮ่าวยังไม่เข้าใจสิ่งที่สหายของตนพูด “หืม อาหมิงเหตุใดเมืองผู่เถียนต้องพบภัยพิบัติด้วยเล่า ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่จะเกิดเรื่องร้ายแรง ยิ่งกว่าพวกคนร้ายลักพาตัวช่างทอผ้า”

หยางไท่หมิงวางถ้วยน้ำชาพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ แต่ได้ไห่หยวนที่อธิบายให้เจ้านายของตนได้ฟังแทน “เอ่อ คุณชายรองขอรับ ที่คุณชายหยางพูดมานั้นความหมาย

ก็คือว่า ปกติท่านไม่เคยตื่นนอนแต่เช้าเช่นวันนี้น่ะขอรับ”

ขวับ! “อาหมิงนี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชอบนอนตื่นสายเช่นนั้นรึ”

“หรือไม่จริง”

ฟงเฉิงฮ่าวกำลังจะโต้กลับสหาย แต่พอคิดให้ดีก็รู้สึกแปลกใจกับตนเองเช่นกัน “นั่นมันก็...จริงอย่างที่เจ้าพูด”

“หึ ทำไม เมื่อคืนมีเรื่องกวนใจทำเจ้านอนไม่หลับ หรือว่านอนหลับฝันดีจนอยากตื่นมาแต่เช้า เพื่อรอพบเทพธิดาของเจ้าล่ะอาฮ่าว” หยางไท่หมิงยังหยอกล้อสหายอย่างอารมณ์ดี

“เจ้ารู้ได้อย่างไรอาหมิง! ว่าข้าฝันถึงเทพธิดาที่เพิ่งเจอเพียงครั้งเดียวน่ะ เอ๋ แต่ดูท่าคงมิใช่ข้าผู้เดียวที่ตื่นเช้ากระมัง เจ้าเองก็ออกมานั่งดื่มชาตรงนี้แต่เช้า คงไม่ได้มารอหญิงสาวที่ดูดื้อรั้นผู้นั้นกระมัง”

เมื่อถูกสหายรู้ทันหยางไท่หมิงจึงไม่ตอบโต้ เขาทำเป็นนั่งนิ่ง ๆ ดื่มน้ำชาในมือต่อไป‘คุณหนูใหญ่ คุณหนูเล็ก ข้าจะให้พวกเว่ยโฉวอยู่ดูแลพวกท่าน ส่วนข้าจะรีบไปจัดการเรื่องซื้อที่ดินให้เสร็จโดยเร็วขอรับ’

‘อืม เจ้ารีบไปจัดการเถิด อย่าลืมเรื่องนายช่างโจวซุ่นด้วยล่ะ’

‘ขอรับคุณหนูเล็ก’

‘อันเอ๋อร์เจ้าให้อวี้เหลียนไปซื้อที่ดิน มีแผนจะทำอันใดเพิ่มงั้นหรือ’

‘เดี๋ยวข้าจะเล่าให้พี่หญิงฟังนะเจ้าคะ ตอนนี้พวกเราไปทำงานก่อนเถิดเจ้าค่ะ’

‘พี่ตามใจอันเอ๋อร์’

‘เว่ยโฉวเจ้ากับเป่าโยวและจงชิ่ง ช่วยกันยกหีบผ้าไหมเข้าไปด้านใน หรือจะเรียกหลงจู๊เหวยฉินมาช่วยอีกแรงก็ย่อมได้’

‘รับทราบขอรับคุณหนูเล็ก’

แต่ขณะที่ฟงเฉิงฮ่าวคิดจะเอาคืนสหายอยู่นั้น เขาพลันได้ยินเสียงสนทนาฝั่งตรงข้ามเสียก่อน เมื่อหันไปมองก็กวักมือเรียกหยางไท่หมิงทันที “อาหมิง ๆ ๆ พวกนางมาที่ร้านผ้าไหมแล้วเจ้ารีบมาดูสิ เด็กดื้อของเจ้ายามนางพูดคุยกับเทพธิดาของข้า ช่างดูสดใสร่าเริงแต่พอหันไปสั่งงานบ่าวไพร่ กลับมีดวงตาและน้ำเสียงที่ทรงพลังเสียอย่างนั้น”

หยางไท่หมิงย่อมได้ยินการสนทนานั้นเช่นสหาย ในเมื่อเขาก็เป็นผู้มีวรยุทธ์ชั้นเลิศ ระยะห่างเพียงเท่านี้ย่อมได้ยินอย่างชัดเจน และความคิดของเขาก็ไม่ต่างกับสหาย “อืม ข้าถึงบอกว่านางน่าสนใจอย่างไรเล่า”

“แต่ดูแล้วนางจะยังไม่ปักปิ่นนะอาหมิง นี่ข้าจะมีสหายเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหรือนี่ ฮ่า ๆ ๆ” ฟงเฉิงฮ่าวอดจะขำไม่ได้ เมื่อพูดถึงความห่างของอายุของพวกเขา

“เจ้าสิแก่ ข้าเพิ่งอายุครบยี่สิบปีได้ไม่นาน ไม่ได้รีบร้อนอยากแต่งฮูหยินเข้าจวนในตอนนี้แน่ และดูท่าเด็กดื้อของข้าก็คงไม่คิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่ถ้าอยากรู้ พวกเราควรไปหยั่งเชิงดูไม่ดีกว่าหรือ?”

หยางไท่หมิงพูดออกมาประหนึ่งว่าอ่านใจของซูอันได้หมับ! “สมกับเป็นสหายของข้า อาหมิงเจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก ไปกันเถิด พวกเราควรทำความรู้จักกับพวกนาง อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี”

“อืม”

ฟงเฉิงฮ่าวและหยางไท่หมิงที่อยู่ในชุดผ้าไหมราคาแพง การแต่งกายของพวกเขาคือคุณชายฐานะร่ำรวย มีผู้ติดตามอีกสามคนท่าทางดุดันคอยดูแลไม่ห่าง จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าร้าน หลงจู๊เหวยฉินที่คอยต้อนรับลูกค้าเห็นเข้า จึงเข้าไปต้อนรับอย่างสุภาพเรียบร้อย

“โอ้ คุณชายทั้งสองร้านผ้าหงส์ทอเมฆายินดีต้อนรับ ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการผ้าไหมแบบใดหรือขอรับ ที่ร้านของเรามีผ้าไหมหลายแบบให้ท่านเลือก หรือจะเป็นผ้าปักลวดลายงดงาม สำหรับเป็นของฝากสตรีที่พึงใจ คนในครอบครัวรวมถึงมิตรสหาย ก็มีให้เลือกซื้อมากมายเลยขอรับ”

หยางไท่หมิงมองผ้าไหมที่วางอยู่บนชั้นไม้ แม้แต่บนโต๊ะกลางร้านก็นึกชื่นชมอยู่ในใจ ว่าผ้าไหมร้านนี้เป็นอย่างที่หลงจู๊กล่าวมา มิได้พูดจาโอ้อวดเกินจริงแม้แต่น้อย

แต่ยังคงเป็นฟงเฉิงฮ่าวที่เรียกสติของหยางไท่หมิง “อาหมิงเจ้าดูผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกมู่ตานผืนนี้สิ หากท่านแม่กับหลานเอ๋อร์ได้เห็น คงจะชื่นชอบจนซื้อกลับจวนทั้งหมดเป็นแน่”

“ฝีมือการทอผ้าและฝีเข็มการปักผ้าไม่ธรรมดา ข้าคิดว่าผ้าปักในร้านนี้ยังเหนือกว่าช่างในกองภูษาเสียอีก หรือเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้นหรืออาฮ่าว” เพราะมารดาเป็นถึงพระขนิษฐาของฮ่องเต้ หยางไท่หมิงย่อมมีโอกาสได้รับชุดจากกองภูษาอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อลูกค้าให้ความสนใจผ้าปัก หลงจู๊เหวยฉินย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ “คุณชายทั้งสองช่างรอบรู้เรื่องการปักผ้ายิ่งนัก นี่เป็นฝีมือการปักของผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าแห่งนี้ อีกส่วนหนึ่งเป็นของช่างปักผ้า ที่ได้รับการฝึกฝนจากนายท่านด้วยตนเองขอรับ”

หลังจากได้เห็นความงดงามของลายปักแล้ว หยางไท่หมิงและฟงเฉิงฮ่าวจึงเห็นพ้องต้องกัน เรื่องที่ต้องพบเจ้าของร้านโดยเร็วหยางไท่หมิงที่มักเจรจาการค้าบ่อย ๆ หันมาเอ่ยถามหลงจู๊เหวยฉินแทนการเลือกซื้อผ้าปักตรงหน้า “หลงจู๊ไม่ทราบว่าเจ้านายของท่านอยู่ที่ร้านหรือไม่ ข้ากับสหายมีเรื่องสำคัญอยากจะพูดคุยด้วยสักเล็กน้อย”

“ไอหยา พวกท่านสองคนช่างโชคดีจริง ๆ วันนี้คุณหนูใหญ่กับคุณหนูเล็กนำผ้ามาส่งที่ร้านพอดี หากท่านต้องการเจรจาเรื่องการค้า เช่นนั้นเชิญตามข้าไปที่ห้องทำงานที่ชั้นบนเถิดขอรับ” หลงจู๊เหวยฉินเข้าใจคำพูดของหยางไท่หมิงไปอีกทาง

“เชิญ...”

ในห้องทำงานซูอันกำลังคิดลายปัก ส่วนเยี่ยนหลิงกำลังฝึกทำบัญชีของร้าน แต่ทั้งสองต้องหยุดมือไว้แค่นั้น เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก

ก๊อก ๆ ๆ “คุณหนูขอรับ มีลูกค้าสองท่านต้องการเจรจา

เรื่องการค้ากับพวกท่าน ไม่ทราบว่าจะให้เข้าพบหรือไม่ขอรับ”

“เชิญเข้ามาด้านในเถิด รบกวนหลงจู๊เหวยฉินนำน้ำชาและของว่างมาให้ข้าด้วยนะ” ซูอันเอ่ยอนุญาตให้พาลูกค้าเข้ามาพบได้ แต่นางคาดไม่ถึงว่า ลูกค้าวันนี้จะหน้าตาหล่อเหลาทั้งยังน่าเกรงขาม

ฟงเฉิงฮ่าวที่มองไปยังเยี่ยนหลิง ที่วันนี้นางอยู่ในชุดสีเหลืองนวล ทำให้นางดูน่าทะนุถนอมมากกว่าเมื่อวาน ส่วนคนถูกมองก็รู้สึกร้อนที่ใบหน้าแปลก ๆ จนไม่รู้ว่าจะเก็บมือไม้เอาไว้ที่ใด

อีกด้านกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะหยางไท่หมิงกับซูอัน แม้จะชื่นชมลักษณะภายนอกของอีกฝ่ายอยู่ในใจ แต่ยามนี้ทั้งสองกำลังจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายไม่กระพริบ เนื่องจากซูอันรู้สึกได้ว่าลูกค้าทั้งสองที่มาขอพบ มิได้เป็นพ่อค้าที่ต้องการทำการค้ากับนางแน่นอน

เป็นซูอันที่เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “พวกท่านเป็นใคร ที่พวกท่านต้องการพบข้ามิได้เกี่ยวกับการค้า ข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ”

เยี่ยนหลิงได้ยินเสียงของน้องสาวเอ่ยออกมาเช่นนั้น ก็รีบเดินมาอยู่ข้าง ๆ ซูอันด้วยท่าทางกังวลใจทันที “อันเอ๋อร์เจ้าว่าพวกเขาต้องการอันใดจากพวกเรางั้นหรือ”

“พี่หญิงไม่ต้องตกใจเดี๋ยวข้าจัดการเองนะเจ้าคะ”

“ดะ ดะ ได้พี่ให้เจ้าตัดสินใจ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel