4 สุดหล่อโทรมา
“นี่ค่ะ บัตรของคุณ” ฉันเดินเอาบัตรกลับมาให้คุณคนใจดีหลังจากที่ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ เสร็จแล้ว
“ขอบใจ” เขาเป็นคนพูดน้อยหรือไงนะ หรือแค่ขี้เกียจพูดกันแน่ บลูเบลล์ได้แต่สงสัยอยู่ภายในใจคนเดียว
“คือเรื่องเงินก่อนหน้านี้อะค่ะ คุณจะให้ฉันชดใช้ไหมคะ มันเยอะจริงๆ นะคะคุณ” ดูเหมือนเขาจะไม่ซีเรียสเรื่องเงินสองแสนก้อนนั้นเลย ถ้าเป็นฉันร้องไห้ตรอมใจตายแน่ๆ ถ้าได้ชดใช้เงินมากมายขนาดนั้น
“เธออยากจะคืนนักหรือไง”
“ก็มันสมควรต้องคืนนี่น่า” ฉันตอบน้ำเสียงอ้อมแอ้ม เพราะดูเหมือนเขาจะเริ่มไม่พอใจที่ฉันไปเซ้าซี้เรื่องเงินนั้นอีกทั้งๆ ที่เขาบอกให้ไม่ต้องชดใช้คืน
“งั้นก็ดูแลไอ้หมาโง่ช่วยฉันก็พอแล้ว เพราะฉันน่าจะเลี้ยงมันคนเดียวไม่รอดแน่ๆ” เขาพูดพลางบุ้ยปากไปทางเจ้าหมาตัวน้อยที่นั่งมองเราสองคนสลับไปมาอย่างน่ารัก
“เอางั้นจริงๆ หรอคะ”
“อือ เธอตั้งชื่อให้มันทีสิ”
“มันเป็นหมาของคุณ คุณก็ตั้งเองสิคะ เผื่อฉันตั้งชื่อไม่ถูกใจคุณไง”
“งั้นก็ชื่อไอ้โบ้”
“ไม่ได้น่ะ!! ฉันตั้งเองก็ได้ งั้นขอเวลาคิดแป๊บหนึ่งค่ะ” เขาจะบ้าหรือไง คิดชื่อได้ห่วยมาก เซ้นส์การตั้งชื่อของเขาถือว่าเข้าขั้นติดลบเลยก็ว่าได้
“น้องเป็นเพศผู้ งั้นชื่อ ‘มันนี่’ ดีไหมคะ”
“หึ โอเค อย่างน้อยชื่อก็ตรงกับมันดีนั่นแหละ เพราะเจอไม่ถึงวันก็ผลาญเงินฉันไปเกือบสามแสนแล้ว” ดูเหมือนเขาจะชอบชื่อนี่แฮะ ดีหน่อยน่ะเจ้าหมาน้อยยังไงแกก็ไม่ได้ชื่อไอ้โบ้แล้ว
“งั้นฉันกลับแล้วน่ะ ส่วนเรื่องหมาถ้าฉันโทรไปเธอต้องว่างทันที ไม่งั้นฉันตามเธอถึงที่พักแน่” ผมขู่เธอไว้ก่อนจะลากไอ้หมาหน้าโง่ที่ชื่อมันนี่ติดมือมาด้วย
“ขึ้นไป”
หงิง~ หงิง~ หงิง~
“ไม่ต้องมาร้อง ฉันบอกให้แกขึ้นไป” ผมเริ่มอยากจะเตะหมาแล้วแหละ เพราะยืนบังคับให้มันขึ้นรถอยู่ประมาณ5นาทีแล้ว
โฮ่ง! โฮ่ง!
มันเห่าใส่ผมก่อนจะพยายามยื้อเชือกจูงไปทางด้านหน้ารถและไปหยุดอยู่ที่ประตูฝั่งข้างคนขับพร้อมกับกระดิกหางไปมาเหมือนต้องการจะสื่ออะไรสักอย่าง
“อะไร?”
โฮ่ง! โฮ่ง!
“ไอ้หมาหัวสูงเอ๊ย เออๆ ขึ้นไปๆ” สุดท้ายผมก็ต้องยอมมัน นี่ขนาดให้นั่งเบาะหลังมันยังไม่ยอม จะนั่งเบาะหน้าเอาให้ได้ แล้วผมก็ต้องยอมมันด้วยน่ะ ไม่งั้นไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ วันนี้
บรื๊นนนนนน!!!
เมื่อจัดการยัดไอ้หมาโง่จอมหัวสูงขึ้นรถเรียบร้อยแล้วผมก็ตรงดิ่งไปทางกลับบ้านทันที ตอนแรกกะจะมาเดินเล่นสักแป๊บเดียว เอาไปเอามากลายเป็นว่าผมต้องได้หมากลับบ้านไปด้วยอีกหนึ่งตัว แถมยังไม่ได้ถามยัยหมอหมานั่นเลยด้วยซ้ำว่าหมาตัวนี้มันเป็นพันธุ์อะไร แต่มองไปมองมามันก็เหมือนหมาป่าดีแฮะ น่าจะเอาไปเฝ้าบ้านได้อยู่นั่นแหละ
#อีกด้าน
“แหม๋ๆๆ คุณหมอบลูเบลล์คนสวยไปตกหนุ่มที่ไหนมาคะเนี่ย หล่อเหมือนนายแบบฝรั่งมากๆ เลยนะคะ”
“พี่เพ็ญพูดอะไรเนี่ย เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตบลูไว้ต่างหากล่ะ บลูไม่ได้ไปตกมาเสียหน่อย” ฉันรีบหันไปตามเสียงเอ่ยแซวของพี่เพ็ญที่ยืนแซวฉันอยู่ที่หน้าเค้าน์เตอร์
“ช่วยชีวิต? ช่วยชีวิตเรื่องอะไรหรอคะหมอบลู” พี่เพ็ญถามฉันกลับแบบงงๆ เพราะฉันไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ให้ใครฟังเลยแม้แต่คนเดียว
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่เพ็ญ บลูก็พูดไปเรื่อยเปื่อยก็แค่นั้น” ฉันปฏิเสธพี่แกไปแบบไม่เต็มเสียง เพราะถ้าบอกเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พี่แกฟัง พี่แกต้องตกอกตกใจจนโวยวายยกใหญ่แน่ๆ
“ค่าๆ แต่หมอบลูเบลล์นี่เก่งนะคะเนี่ย ทั้งเรื่องให้คุณสุดหล่อคนเมื่อกี้รับเลี้ยงน้องหมา แถมยังขายพวกของใช้ได้อีกเป็นหมื่นๆ ยกนิ้วให้เลยค่า” พี่เพ็ญพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้ฉันทั้งสองนิ้วเลย
“ฮ่าๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ บลูก็ขายเหมือนที่พี่ๆ ฝ่ายขายเขาทำกัน” ถึงมันจะฟลุ๊คตรงที่เขารวยไปหน่อยนี่แหละ ไม่ว่าฉันเสนออะไรไปเขาก็เอาหมด แถมยังให้บัตรไปรูดเองอีกต่างหาก
“แล้วนี่หมอเบลล์จะกลับหรือยังคะ เดี๋ยวอีกแป๊บถึงเวลาเลิกงานของหมออาร์ตแล้วนะคะ” พี่เพ็ญวิ่งมากระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ ส่วนฉันที่ได้ยินเรื่องที่พี่เพ็ญบอกก็รีบหันไปดูนาฬิกาทันที ก็พบว่าอีกห้านาทีจะถึงเวลาเลิกงานของหมออาร์ตแล้ว
“งั้นบลูขอตัวก่อนนะคะพี่เพ็ญ”
“ค่ะๆ รีบไปเลยค่ะหมอบลู” ฉันรีบเก็บของที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่เก็บไปได้แค่สองชิ้นก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาทักฉันเสียก่อน
“อ้าวหมอบลู นั่นหมอบลูนี่น่า หมอบลูอย่าพึ่งไปครับ”
“ค…ค่ะหมออาร์ต เรียกบลูไว้ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันค่อยๆ จำใจหันหลังกลับไปมองคนที่ทักพร้อมกับฝืนยิ้มให้เขาไปอีกหนึ่งที เฮ้อ~ ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกเหมือนเวลาแบบนี้บ้างเลยน่ะ
“ผมแค่เห็นว่าหมอบลูยังไม่กลับ เลยคิดว่าอยากจะขับรถไปส่งหมอบลูนะครับ”
“โอ๊ยยย ไม่เป็นไรเลยค่า บลูกลับเองได้ ไม่รบกวนหมออาร์ตหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมอยากถูกรบกวน ไปครับเดี๋ยวผมไปส่ง ดึกๆ กลับที่พักคนเดียวมันอันตรายนะครับ”
‘หมอสิอันตรายกว่าทุกอย่างบนโลกนี้’ ฉันได้แต่ก่นด่าอยู่ภายในใจคนเดียว
หมออาร์ตเป็นหมอประจำคลินิกแห่งนี้ซึ่งต่างกับฉันที่เป็นแค่นักศึกษาแพทย์ฝึกหัดเท่านั้น อีกอย่างฉันก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่หมออาร์ตแกเข้าหาฉันแบบนี้ก็แค่หวังจะเคลมฉันก็เท่านั้น ซึ่งเรื่องนิสัยแบบนี้ทุกคนในคลินิกก็รู้ดี แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะหมออาร์ตเป็นคนรู้จักกับเจ้าของคลินิกแห่งนี้ แถมยังมีข่าวลืออีกว่านักศึกษาทุกคนที่มาฝึกงานก็จะโดนหมออาร์ตจับกินตับหมดทุกคน แต่ขอเว้นฉันไว้คนหนึ่งก็แล้วกัน เพราะหน้าอย่างหมออาร์ตมองไปแล้วฉันน่าจะหมดอารมณ์ด้วยทันทีตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ฉันอยากออกไปจากตรงนี้ที่สุดเลย
“ไปครับหมอบลูผมไปส่ง”
Rrrrrrrr
“สุดหล่อ?” เบอร์ใครอะ ฉันไม่เคยเมมเบอร์ใครว่าสุดหรอเลยนะ
“มีอะไรครับหมอบลู”
“เอ่อ..อ๋อ แฟนค่ะ แฟนบลูโทรมา งั้นบลูขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวแฟนบลูจะโกรธเอาถ้ากลับบ้านกับผู้ชายคนอื่น” ขอบคุณจริงๆ ที่มีคนโทรเข้ามา ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าของเบอร์โทรนั้นเป็นใครก็เถอะ เดี๋ยวค่อยไปโทรกลับทีหลัง หลังจากถึงห้องก็แล้วกัน ตอนนี้ขอสับตีนแตกหนีหมออาร์ตก่อน
