Chapter 5 อุบัติเหตุรัก
ศยามลส่งเสียงแปร๋นออกมา เป็นคนละความตั้งใจกับพลอยขวัญ พลอยขวัญอยากรักษาหน้าเธอโดยกระซิบเสียงเบา แต่ศยามลกลับต้องการยกตัวข่มคนอื่น
“แกอย่ามาเถียงฉันนะพลอย เซตนี้มันเอาท์ไปสองอาทิตย์แล้ว สำหรับฉันต้องเทรนด์ใหม่สุดเท่านั้น” ศยามลทิ้งจังหวะกวาดสายตามองช่างแต่งหน้าที่เดินสมเข้ามาสมทบทีหลัง พอไม่เห็นช่างแต่งหน้าที่เธอใช้งานประจำเท่านั้นอาการเยอะเรื่องมากก็เพิ่มระดับขึ้นไปอีก
“แล้วฉันก็ไม่ใช้ช่างแต่งหน้าโนเนมนะ ทีมนี้ถ้าไม่ใช่พี่แนนนี่ก็อย่าคิดว่าจะได้แต่งหน้าฉัน”
พลอยขวัญเหลือบไปมองหน้าทีมช่างแต่งหน้าอย่างขอโทษ แนนนี่ที่ศยามลกล่าวถึงคือช่างแต่งหน้าชื่อดังเจ้านายของสามสาว สามสาวช่างแต่งหน้าเหมือนกำลังพ่นลมออกจากปาก ความเรื่องมากของคุณหนูขาวีนที่พวกเธอต่างเตรียมตัวตั้งรับมาแล้ว แต่ก็ไม่วายโดน…
พลอยขวัญมองหน้าหัวหน้าทีมช่างแต่งหน้าอย่างขอลุแก่โทษ รีบจัดการก่อนที่เรื่องราวบานปลายไปมากกว่าที่เป็น ตำแหน่งหนังหน้าไฟที่เธอต้องได้รับ ทุกที่ที่มีศยามล
“คุณศยา...พลอยออกไปเอาที่รถให้นะคะ” พลอยขวัญบอกศยามล
“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว บนเวทีนี้ ฉันต้องเจิดจรัสที่สุด” ศยามลบอกอย่างมั่นใจ เบ้ปากปรายหางตาไปที่นางแบบที่ซ้อมร่วมกัน แต่เธอตั้งใจเหน็บนาราเป็นพิเศษ
พลอยขวัญหันไปมองทีมช่างแต่งหน้าอย่างขอความเห็นใจ “พี่ๆ รอสักครู่นะคะ พลอยต้องขอโทษด้วยหากทำให้ช้า” พลอยขวัญบอกแล้วรีบเดินออกไป ใกล้ถึงเวลาแต่งหน้าทำผม ขืนเธอกลับเข้ามาช้าเพียงนาที คนอย่างศยามลก็พร้อมเล่นงานเธอให้จมดินทุกเมื่อ
พลอยขวัญจำต้องรีบวิ่งออกไปหยิบของให้นายสาวถึงรถที่จอดอยู่อีกชั้นอย่างเหนื่อยหอบ แต่เธอต้องรีบเร่งและกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวให้ทันเวลาในอีกไม่เกินสิบนาที จังหวะที่เธอเปิดท้ายรถหยิบของอย่างรีบเร่ง ไม่ทันระวังรถที่วิ่งด้วยความเร็วเข้ามาจอดข้างๆ เฉียดสีข้างเธอไปไม่ถึงคืบ
“ว้าย!” อารามตกใจกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ในมือของเธอหล่นลงพื้นแตกกระจาย ตัวเองก็เซจะล้มต้องรีบคว้ากระโปรงท้ายรถยึดเอาไว้ แต่โชคของเธอคงไม่ดี ส้นรองเท้าแหลมคู่สวยของศยามลที่เพิ่งให้เธอมาพาเจ้านายใหม่ร่วงกองกับพื้น หญิงสาวเงยหน้ามองหาคนขับรถต้นเหตุที่เกือบชนเธอ ในเวลาเดียวกับคนขับรถคันนรกเปิดประตูออกมาหญิงสาวก็ต่อว่าทันที
“ใบขับขี่ซื้อมาหรือไงเนี่ย” หญิงสาวสบถเบาๆ กับไฟท้ายรถเจ้ากรรม
ชายหนุ่มคนขับก้าวลงมาจากรถ ผู้ชายคนเมื่อวานที่เพิ่งโกนหนวดโกนเคราและตัดผมใหม่ ทั้งการแต่งตัวที่ไม่เหมือนวันวานที่เธอเจอ พลอยขวัญจำชายหนุ่มไม่ได้ แต่อีกคนจำเธอได้ติดตา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นชี้และรีบเดินเข้ามาหา “เธอ! ยัยมิจฉาชีพเมื่อวานนี่เอง” ทันทีที่ถึงตัวเขาจับไหล่มนของเธอแน่นยึดแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ บีบแรงและยกขึ้นเล็กน้อยตามความถนัดและเทียบกับส่วนสูงของเขาเอง
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! ฉันเจ็บ” หญิงสาวดิ้นแรงร้องบอกอีกคนด้วยใบหน้าเหยเกบ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้ดี ถามหัวไหล่ที่โดนบีบและข้อเท้าที่สวมอยู่บนรองเท้าส้นเข็มคู่นั้น รองเท้าส้นสูงคู่สวยคงทำเรื่องเข้าให้จริงๆ
ชายหนุ่มไม่แยแสสักนิด เขายิ่งบีบแรงขึ้น
“ไม่ปล่อย!” เขาตอบเสียงเข้ม
“แต่ข้อเท้าของฉันแพลง”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม เยาะเสียงในลำคอก่อนที่จะพ่นประโยคต่อมาเสียงดังลั่น “หึ! อย่ามามารยาว่าเจ็บหรือข้อเท้าแพลง...นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าว อย่ามาสำออย ฉันไม่เชื่อมารยาผู้หญิงเมืองกรุงอย่างเธอหรอก” เขาบอกแต่ก็ยอมปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
พลอยขวัญเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ดหลังจากได้รับอิสระและต้องยืนด้วยตัวเองอีกครั้ง เธอก็ยังฝืนอาการปวดระบม หญิงสาวพยายามขืนทรงตัวยืน ขยับขาก้าวถอยห่างจากชายหนุ่มไปด้วยท่าทางที่ไม่ถนัด
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“แล้วมันเรื่องอะไรที่คุณมาว่าฉันปาวๆ อย่างนี้เล่า แล้วจะแหกปากร้องเสียงดังทำไมไม่ทราบ ฉันไม่ได้หูตึง แล้วตอนนี้เราก็อยู่กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น” หญิงสาวถามขึ้นมา ทั้งที่เขาเป็นคนขับรถเกือบเฉี่ยวเธอ แล้วก็ทำให้เธอเจ็บอย่างนี้
ชายหนุ่มเสียงอ่อนลง เขาคงอยู่ในสวนปาล์มและคุ้นชินกับการสั่งลูกน้องมากกว่า
“เมื่อวานเธอเอาโทรศัพท์ฉันไปใช่ไหม”
“โทรศัพท์อะไร” พลอยขวัญทำหน้างง
“เธอเดินชนฉันเมื่อวานที่สนามบิน แล้วโทรศัพท์ฉันก็หายไป”
“อ๋อ ถ้าคุณเป็นคนที่เดินชนฉันเมื่อวาน อย่างนั้นคุณก็คือคนที่หยิบกระเป๋าสตางค์ของฉันไปด้วยใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้าเหมือนจะนึกออก ชี้นิ้วไปที่หน้าของเขา
ปลายคิ้วของเธอขมวดมุ่นไม่ค่อยแน่ใจ เพราะใบหน้าของเขาดูดีมาก จนคนที่เจอนายแบบบ่อยเกือบทุกวันอย่างเธอต้องตะลึงค้าง เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง
อารามดีใจที่จะได้ของคืนโดยไม่ต้องโดนหักเงินเดือน หญิงสาวลืมแม้กระทั่งเครื่องสำอางราคาแพงของเจ้านายที่เธอทำร่วงลงพื้น เธออาการเจ็บขยับเข้าหาเขาทันที
“คุณคือคนเมื่อวานจริงๆใช่ไหม เอากระเป๋ามาคืนให้ฉันเถอะนะ มันมีค่ากับฉันมาก” หญิงสาวบอกด้วยเสียงเว้าวอนอ่อนโยน
“กระเป๋าบ้าบออะไร” คนทวงโทรศัพท์กลายเป็นคนงงบ้าง
“ก็กระเป๋าสตางค์หลุยส์ที่ฉันทำหล่นไว้เมื่อวาน แล้วคุณก็ต้องเป็นคนเอาไปแน่นอน”
“บ้าไปกันใหญ่แล้ว” ชายหนุ่มสบถ
“คุณรู้ไหมว่าฉันต้องจ่ายตังค์ค่ากระเป๋าใบนั้นไปเท่าไร” หญิงสาวเชิดหน้าถามเสียงเข้มขึ้น เพราะเสียดายเงินเดือนที่โดนหักไป
“ฉันไม่ได้เอาไป”
“ฉันก็ไม่เห็นโทรศัพท์ของคุณ” หญิงสาวตอบกลับเสียงแข็งเหมือนกัน ก้มลงเก็บของที่เธอทำหล่นเอาไว้จนลืม เธอรีบเก็บมันเข้าในกระเป๋าเครื่องสำอางลวกๆ พาลนึกโมโหกระเป๋าเครื่องสำอางเจ้ากรรมใบนี้อยู่ครามครัน เผลอทำร่วงทีไรของแตกกระจายทุกครั้งสิน่า
ชายหนุ่มก็มันลงมองตามหญิงสาว เขาจำได้ว่ากระเป๋าที่ตก เครื่องสำอางที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นเป็น เชตเดียวกันกับที่ตกกระจายไปเมื่อวาน แอบคิดอยู่ในใจว่ากระเป๋าห่วยแบบนี้เจ้าของยังทนใช้อยู่ พลันสายตาคมของเขาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตัวเองหล่นอยู่ที่พื้นรวมกับเครื่องสำอางทั้งกระเป๋า แววตาประกายขึ้นแล้วรีบก้มลงหยิบทันที
“แล้วนี่อะไร”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกโพล้งตกใจไม่ต่างจากชายหนุ่มเท่าใดนัก เธอเองก็ไม่รู้ว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมมันติดมาในกระเป๋าได้อย่างไร แล้วไปหยิบมันมาตอนไหน
“ฉันไม่รู้” เมื่อจำนนด้วยหลักฐานหญิงสาวก็เสียงอ่อยพูดไม่เต็มเสียง
ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นเช็คความเรียบร้อย ก็รู้สาเหตุของการโทรไม่ติดตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ตลอดทั้งวัน
“แถหน้าด้านๆ นี่ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาคงไม่รับ ลงทุนปิดเครื่องเอาไว้ให้โทรตามหาไม่ติดเสียด้วย มิจฉาชีพชัดๆ” ชายหนุ่มเยาะขึ้นจมูก
