มายาบรรณาการ

103.0K · จบแล้ว
รริศา
61
บท
72.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!!

นิยายรักประธานคนต่ำต้อยพลิกชีวิตคนรับใช้เศรษฐีแต่งงานแทนพาลูกกหนี

Chapter 1 นายหัวเมืองใต้

โปรย

เธอถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มและถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้

แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!!

นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดพลอยโจนรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง

พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ เธอมีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และลำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับผลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว

แรกเริ่มเกิดจากความจำยอม...ผ่านมารัก...ทว่าตัวจริงของเขากลับมาทวงคืน

เธอจะทำอย่างไรเมื่อจะต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”

“มือสั่นเชียว...กลัวหรือ” ชายหนุ่มครางเสียงพร่า มอบจุมพิตอบอุ่นปลอบโยน

“มันจะไม่เสร็จ”

“ให้อย่างอื่นเสร็จก่อนก็ได้” ชายหนุ่มแกล้งครางเสียงกระเส่า พูดสองแง่ให้อีกคนอายเล่น

“อะไร” หญิงสาวถามกลับทันควัน

“คุณอยากให้อะไรเสร็จล่ะยาหยี...ทูนหัวของผม”

“อย่ามาทะลึ่งนะคุณ ฉันไม่มีเวลามาเล่นด้วยนะ”

“ไม่เล่น...เอาจริง จับดูสิ!” ชายหนุ่มบอกเสียงโหย คว้ามือหญิงสาวกดลง สิ่งที่สัมผัสไม่ทันตั้งตัวทำให้คนไม่เคยร้องออกมาเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถอดกางเกงออกเป็นชีเปลือยตั้งแต่ตอนไหน

“กรี๊....” เสียงกรี๊ดถูกปิดด้วยริมฝีปากเร็วรี่ทันการ ก่อนที่ใครในบ้านจะแห่มาตามเสียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

“ขอผมนะ” ชายหนุ่มครางงึมงำลอดไรฟันออกมา

สนามบินดอนเมือง

ประตูกระจกเลื่อนเปิดอัตโนมัติ เมื่อมีผู้ก้าวผ่านตำแหน่งเซนเซอร์ ชายหนุ่มร่างสูงผมยาวกรุยท้ายทอย ไรหนวดบนใบหน้าหนาเข้มจนเกือบมองไม่เห็นใบหน้าหล่อที่ซ่อนไว้ข้างในของคนเป็นเจ้าของ

เสื้อแจ็คเก็ตที่ติดตัวมาถูกถอดออกและใช้มือเหวี่ยงมันพาดกับหัวไหล่กับเป้ใบย่อม มือข้างหนึ่งของเขาถูกยกขึ้นพร้อมกับเจ้าของก้มลงดูเวลาท่าทางเร่งรีบ ทำให้เขาไม่ทันเห็นหญิงที่เดินสวนทางเข้ามา

โคร้ม! เจ้าของร่างสูงชนโครมกับสิ่งมีชีวิตบางอย่าง

กริ๊ง! เสียงของในมือของคนถูกชนหล่นลงพื้นกระจายไปคนละทิศคนละทาง ในขณะที่หญิงสาวที่ถูกชนซวนเซจะล้ม แต่ดีที่เธอยังสามารถทรงตัวไว้ได้ แต่กระเป๋าในมือของเธอกลับไม่ได้ทรงตัวอยู่กับเธอด้วย มันร่วงกระจายตั้งแต่โดนกระแทก

“อุ้ย!” หญิงสาวร้องอุทาน ยกสองมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ มองตามของในกระเป๋าที่ตกกระจาย

เจ้าของกระเป๋าที่เดินนำหน้า เหวี่ยงสายตาเกรี้ยวกราดกลับมามองคนทำตก ตวาดเสียงแหลม

“เป็นอะไรอีกล่ะ...ซุ่มซ่ามตลอดนะแก” ศยามลต่อว่าคนสนิท ทันทีที่ได้ยินเสียงของหล่นลงพื้น เธอมองตามตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ยิ่งเห็นเครื่องสำอางราคาแพงของเธอหล่นกระจายเกลื่อนพื้นเธอก็ยิ่งโมโห หันกลับมาจ้องผู้ช่วยสาวอย่างเอาเรื่อง

“นี่! ของฉันเสียหายหมด แกจะมีปัญญาหามาใช้ฉันมั้ยห่ะนังพลอย”

“เอ่อ” พลอยขวัญทำหน้าเลิ่กลัก เธอต้องรีบเก็บของที่ตกจากมือให้เจ้านายด้วยสภาพลนลานตื่นกลัว จะเรียกว่ากวาดทุกอย่างตรงหน้าเข้ากระเป๋าก็ไม่ผิด ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก ที่สำคัญเธอต้องทำเวลาให้เร็วที่สุดก่อนที่ศยามลจะเหวี่ยงหนักกว่านี้ คงไม่สนุกหากต้องอับอายขายหน้าใครๆ กลางสนามบิน

หลังจากที่ต่อว่าคนของตัวเองเรียบร้อย ศยามลก็หันกลับไปจ้องหน้าคนต้นเหตุที่ทำให้ข้าวของเธอตกกระจาย

“นายเดินยังไงเนี่ย!” หญิงสาวแหวเสียงแหลม

“ผมรีบ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบสุภาพ เห็นหญิงสาวโดนดุเขาก็รีบก้มลงช่วยเธอเก็บของ

มือหนาของนายหัวหนุ่มกำลังจะเอื้อมไปหยิบลิปสติกที่หล่นมาใกล้เขาที่สุด แต่เสียงแหลมปรี๊ดของเจ้าของลิปติกก็ร้องแทรกขึ้นมาก่อน

“ไม่ต้องเอามือสกปรกของนายมาแตะต้องของราคาแพงๆ ของฉัน”

ชายหนุ่มชะงักมือเอาไว้เท่านั้น เงยมองหน้าคนต่อกว่าที่ยืนจิกว่าคนอื่นอย่างจดจำ อีกคนคงเป็นเจ้านายส่วนอีกคนก็คงไม่ต่างจากเบ๊รับใช้ ดูจากอาการของคนโดนต่อว่าแล้วอดสงสารไม่ได้ ทำให้เขาก็ไม่เชื่อคำพูดของเจ้าของเสียงแหลม หยิบของชิ้นตรงหน้าที่ตกคืนหญิงสาวอีกคนอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนแรกและกล่าวขอโทษคนถูกชนเบาๆ

“ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็รีบจนไม่ทันมอง” พลอยขวัญรีบบอกเพราะเธอเองก็ไม่ทันมองจริงๆ หากแต่การกระทำของทั้งคู่ยิ่งทำให้คนเป็นนายยิ่งหงุดหงิด กระแทกส้นเท้าดังแกร๊ก

“นี่ตกลงแกจะอ่อยผู้ชายไม่เลือกหน้าใช่ไหม ไม่เห็นสภาพหรือไง สกปรก!” ศยามลต่อว่าพลอยขวัญเสียงดังกว่าเดิม ตวัดหางตากลับมามองชายหนุ่มเหยียดๆ

หนุ่มเมืองใต้หันหน้ากลับไปมองคนพูดอีกครั้ง เริ่มโมโห เพราะไม่เคยได้สัมผัสกับคนเมืองกรุงนานหลายปี เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากเข้าเมือง

“ตกลง ถ้าคุณคิดว่าการแต่งกายที่ห่อหุ้มด้วยเปลือกของพวกนี้สามารถยกค่าพวกคุณให้สูงขึ้นละก็ ขอให้เจริญไปชั่วลูกชั่วหลาน”

“แน่นอน” ศยามลตอบทันที ไม่รู้ว่าอีกคนจงใจด่าด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นเหวี่ยงกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นพาดบ่าก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

ฝ่ายถูกชนเห็นเพียงแผ่นหลังหยัดตรงและเรือนผมดำสนิทสาวเท้าก้าวอย่างรวดเร็วแทรกผ่านปะปนกับผู้คนมากมายภายนอกไป ผู้ชายที่รูปร่างภายนอกเหมือนสกปรก แต่กลิ่นกายของเขากลับแปลกอย่างที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน กลิ่นโคโลญในแบบผู้ชายผสานกลิ่นเหงื่อ

“ไอ้บ้า ตัวเองสกปรกเองแถมเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ...ยังมีหน้ามาว่าคนอื่น”

ศยามลบ่นไล่หลังอย่างหัวเสีย เธอเป็นสาวร่างสูงเพรียว ด้วยที่เธอต้องทำงานใช้รูปร่างต้องออกกำลังกายทุกวัน ทำให้หญิงสาวรูปร่างดี ทรวดทรงองค์เอวอวบอิ่มรับกับส่วนเว้าโค้ง

ต่างจากพลอยขวัญที่หน้าจืดไร้การแต่งแต้ม แต่งกายด้วยชุดของศยามลที่เธอหยิบยื่นให้บางครั้ง จะดีตรงที่เธอมีผิวขาวนวลเนียนละเอียดต่างจากลูกคนงานในบ้าน ดวงหน้ารูปไข่รับกับผมหยักศกบ๊อบยาวประบ่าเคลียลำคอระหง ดวงตาดำขลับ

“แต่งตัวก็ดีแต่มารยาทไม่ได้รับการปลูกฝัง” หนุ่มชาวสวนเมืองใต้สบถออกมาคนเดียว หลังจากที่ก้าวพ้นออกไป “ฮึ! ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าอยู่เมืองศิวิไลซ์”

พลอยขวัญเก็บของเสร็จก็ลุกขึ้น

“เอ่อ รีบไปเถอะค่ะ” พลอยขวัญบอกหญิงสาวอีกคน ก่อนที่เธอจะหัวเสียไปมากกว่านี้ ไม่ทันได้สังเกตเห็นกระเป๋าของศยามลที่เธอทำตกไว้และเก็บไปไม่หมด

คล้อยหลังหญิงสาวเพียงไม่นาน ชายหนุ่มคนเดิมก็วิ่งผ่านประตูเข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่ล้วงกระเป๋าหาโทรศัพท์เพื่อติดต่อคนมารับแล้วไม่เจอ เขามาหยุดตรงที่เขาชนกับหญิงสาวเมื่อครู่ กวาดสายตาไล่ไปตามพื้นแต่กลับไม่พบสิ่งที่ตนคาดว่าทำตกไว้ ทั้งที่แน่ใจว่าเขาต้องทำตกไว้แน่นอน เขาเพิ่งหยิบออกจากเป้ตอนลงจากเครื่องนี่เอง เพราะอยู่ในสวนปาล์มไม่ค่อยได้ใช้เครื่องมือสื่อสารมากเท่าไร ชายหนุ่มถอนใจยาวอย่างเบื่อๆ เดินกลับออกมาจากอาคารผู้โดยสารอีกครั้ง