ตอนที่6 แฟนในอนาคต
ตอนที่6 แฟนในอนาคต
วารินสวมชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มที่ปักชื่อและโลโก้ของร้าน บ่งบอกว่าเธอคือพนักงานร้านเต็มตัว วันนี้วารินทำหน้าที่รับออร์เดอร์และเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้า ร่างอรชรกับส่วนสูง 167 เซนติเมตรทำงานอย่างคล่องแคล่ว
ติ๊ง ต่อง
“พักใจคาเฟ่สวัสดีค่ะ” เสียงหวานกล่าวทักทายลูกค้าขณะกำลังก้มหน้าเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอยู่
“เรย์นั่งตรงไหนดีคะ ตรงมุมโน้นไหมเป็นส่วนตัวดี” บทสนทนาเรียกหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงตาคมดุที่เธอคุ้นเคยกำลังจ้องมองมาที่เธอ มือเล็กกำผ้าเช็ดโต๊ะในมือแน่นไม่รู้จะกล่าวทักทายชายหนุ่มดีหรือไม่
“นั่งตรงนี้ดีกว่า” เรย์ชี้ไปที่โต๊ะใกล้ ๆ เคาน์เตอร์ แล้วเดินไปนั่งลงเก้าอี้ฝั่งริมกระจกหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ของทางร้าน
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“ฉันเอาลาเต้หวาน 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็เค้กบลูเบอร์รี่ 1 ชิ้น” นิ้วเรียวกดสั่งเมนูเครื่องดื่มและของหวานลงแท็บเล็ตในมือ จากนั้นก็หันไปหาชายหนุ่มเพื่อรับออร์เดอร์
“ของฉันเอาเหมือนเดิม” มือเล็กสั่นเล็กน้อยและกดสั่งออร์เดอร์เป็นนมสดปั่นที่ชายหนุ่มชอบกิน และไม่ลืมที่จะเขียนโน้ตว่าเอาแบบไม่หวาน
“เรย์มาทานร้านนี้บ่อยเหรอคะ ถึงมีเมนูประจำ” หญิงสาวที่มาด้วยเอ่ยถามขึ้นสีหน้างุนงง
“รอเครื่องดื่มสักครู่นะคะ”
“ครับ” ตอบกลับสั้น ๆ สายตาคมยังคงจับจ้องพนักงานสาวที่พึ่งเดินกลับไป
“ลูกค้าโต๊ะนั้นชอบทานนมสั่นปั่นไม่หวานเหมือนเธอเลย ตั้งแต่ทำงานที่ร้านมาพึ่งเคยเจอทานแบบนี้แค่สองคน” ขนมพูดกับวารินขณะที่ทั้งสองช่วยกันเตรียมขนมและเครื่องดื่มให้ลูกค้า
“เสร็จแล้วจ้า” ไม่นานเครื่องดื่มที่สั่งก็ทำเสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ วารินยืนตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะยกเครื่องดื่มออกไป
“ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มค่ะ” วารินยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เรย์และเพื่อนสาวจากนั้นก็รีบเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ทันที
ติ๊ง!
เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ไม่นานเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนขึ้นมาเปิดอ่าน
“มัวแต่มาทำงานอยู่นี่ รายงานที่ฉันสั่งทำเสร็จหรือยัง” ดวงตากลมโตมองไปยังเจ้าของข้อความที่มองมาทางเธออยู่ก่อนแล้ว วารินหลบสายตาหันหลังเดินเข้าไปหลังร้าน จากนั้นก็พิมพ์ข้อความตอบกลับทันที
“ฉันทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับไปตอนเย็นจะรีบส่งให้”
“เดินหนีกลัวคนอื่นรู้หรือไงว่ารู้จักกับฉัน”
“เปล่า แค่ไม่อยากให้นายขายหน้าว่าเป็นเพื่อนกับฉัน”
“ไร้สาระ”
ตอนเย็น
ทันทีที่กลับถึงห้องในช่วงเย็นวารินก็รีบเปิด Laptop ทันที รายงานที่เธอพิมพ์ไว้ถูกเปิดขึ้น วารินไล่อ่านอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะส่งให้ชายหนุ่ม ไม่นานก็ขึ้นสถานะว่าอีกฝ่ายนั้นเปิดอ่าน และก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความจากธนาคารแจ้งเตือนรายการเงินเข้า
ติ๊ง!
“ค่าจ้าง เดี๋ยวใช้บริการใหม่” ข้อความตอบกลับพร้อมส่งรูปถ่ายของเธอที่ถูกแอบถ่ายตอนอยู่ที่คาเฟ่มาให้
“นี่นายแอบถ่ายรูปฉันเหรอ” คิ้วเรียวสวยผูกเข้าหากันเมื่อเห็นรูปที่เรย์ส่งมา วารินรีบพิมพ์ข้อความถามกลับทันที
“เธอใส่ชุดนี้น่ารักดีนะ” เรย์พิมพ์ข้อความตอบกลับมา วารินเมื่อเห็นข้อความก็รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นเร็วผิดจังหวะ สมองซีกซ้ายหยุดสั่งการไปดื้อ ๆ ไม่คิดพิมพ์ข้อความโต้ตอบกลับไป
“ฮึ! ยัยบื้อเอ๊ย” ถ้าตอนนี้ตรงหน้าชายหนุ่มมีกระจกเล็ก ๆ จะเห็นว่าตัวเองกำลังยิ้มให้กับโทรศัพท์เหมือนคนบ้า
เช้าวันจันทร์
วารินตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปมหาลัยเพื่อเดินตามความฝัน ฝันที่เธออยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองจะได้ดูแลครอบครัวให้อยู่สุขสบายไม่ต้องทำงานหนักเหมือนทุกวันนี้
รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดถูกหยิบออกมาจากในตู้บรรจงสวมใส่ลงบนเท้าเรียวเล็ก คว้ากระเป๋าสะพายและคีย์การ์ดเดินออกจากห้องไป
กึ๊ก!
เท้าเล็กต้องหยุดชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถสปอร์ตสีดำคันหรูคุ้นตาจอดอยู่หน้าคอนโด
ครืด…
กระจกรถฝั่งคนขับถูกเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนด้านใน
“ขึ้นรถ มัวยืนบื้ออะไรอยู่” เสียงเข้มตะโกนออกมาจากในรถ วารินจำต้องเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
“นายมาได้ยังไง”
“ก็ขับรถมาสิ” เสียงเรียบตอบกลับขณะที่สายตาจดจ้องอยู่ที่การจราจรตรงหน้า
“ฉันหมายถึงทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่” วารินถามกลับเสียงแข็งขึ้นจากตอนแรก
“มาธุระแถวนี้ และก็เป็นทางผ่านพอดี”
สิ้นบทสนทนาภายในรถก็เงียบกริบ ฝ่ามือหนาละจากพวงมาลัยเอื้อมมาเปิดเพลงคลอเบา ๆ
“กินข้าวเช้าหรือยัง” เมื่อฝ่าการจราจรติดขัดมาได้เรย์ก็หันไปถามวารินที่นั่งหันหน้ามองออกไปด้านข้าง
“ยัง ค่อยไปกินที่มหาลัย” วารินเอี้ยวตัวกลับมาตอบกลับเสียงเบา
“ข้าวโรงอาหารมหาลัยมันอร่อยตรงไหนถึงชอบไปกินที่นั่นนัก”
“มันอาจจะไม่อร่อยเท่าอาหารหรูๆ ที่นายชอบกิน แต่มันคืออาหารปกติที่คนธรรมดาอย่างฉันกินมาตั้งแต่เด็ก” วารินตอบกลับไปตามความจริง
“ทำไมต้องประชด”
“ฉันไม่ได้ประชด ฉันแค่พูดความจริง”
“ทำไมเธอถึงมาเรียนไกลขนาดนี้ทั้งที่มหาลัยที่บ้านเธอก็มีให้เลือกเรียนเยอะแยะ แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เยอะเหมือนมาเรียนที่นี่” ความสงสัยของเรย์ถูกถามออกไป สายตาคมหันมองใบหน้าเรียวเล็กได้รูปขณะที่รถจอดติดไปแดง
“ฉันทำงานหาเงินเรียนเองตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย พอต้องเข้าเรียนมหาลัยค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น งานที่โน่นไม่ได้มีให้ทำเยอะเหมือนที่นี่ นี่เป็นเหตุผลที่ฉันต้องมาเรียนที่นี่”
“ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดขนาดนี้เลยเหรอวะ” ปากหยักพึมพำกับตัวเอง อยากยื่นมือไปกุมมือเล็กเพื่อให้กำลังใจและบอกเธอไปว่าเขาอยู่ข้างเธอตรงนี้ แต่ความคิดนั้นต้องหยุดลงเมื่อสัญญาณไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไป
“แวะกินข้าวก่อน” เรย์หักพวงมาลัยเข้าจอดตรงร้านอาหารคล้ายๆ ร้านสตรีทฟู้ดที่เป็นรถเข็น มีโต๊ะสำหรับนั่งทานแค่ไม่กี่โต๊ะ
“มองหน้าฉันทำไม”
“นายกินอาหารพวกนี้เป็นด้วยเหรอ”
“ข้าวต้มเมนูทั่วไปใครๆ ก็กินกันทั้งนั้นแปลกตรงไหน”
“ฉันหมายถึงร้านอาหารข้างทางพวกนี้นายกินได้ด้วยเหรอ”
“ลิ้นฉันไม่ได้เคลือบด้วยทองคำ” พูดจบก็เปิดประตูลงจากรถเดินไปสั่งอาหารและนั่งลงโต๊ะที่ว่าง ไม่ได้สนใจว่าบนโต๊ะยังมีชามข้าวต้มของคนก่อนหน้าที่มาทานแล้วลุกจากไปและป้าเจ้าของร้านก็ยังไม่ได้เก็บ
“พ่อหนุ่มรอสักครู่นะลูกเดี๋ยวป้าไปเก็บโต๊ะให้ วันนี้ลุงไม่ค่อยสบายเดินเร็วมากไม่ได้จึงช้าหน่อย” เสียงหญิงวัย 50 ปลายๆ เจ้าของร้านตะโกนมาเสียงดัง
พรวด!
เรย์ลุกขึ้นเต็มความสูงหยิบชามข้าวต้มสองใบเดินไปเก็บด้านหลังร้านตรงที่ล้างจาน สร้างความแปลกใจและตกใจให้วารินในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงแค่นั้นยังเดินไปเก็บที่โต๊ะอื่นพร้อมกับหยิบผ้าไปเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
“ขอบใจมากนะลูก วันนี้เอาเมนูเดิมใช่ไหม”
“ครับ เพิ่มปลากับกุ้งอีกชามนะครับ” เสียงนั้นทุ้มนุ่มทั้งแววตาก็อ่อนโยนแบบที่วารินไม่เคยเห็น
“นายมีอะไรให้ฉันแปลกใจตลอดเลยนะ..เรย์”
เรย์เดินไปล้างมือด้านหลังร้านและเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟต่างคนก็ต่างนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร ชายหนุ่มขับรถราคาเป็นสิบล้านกลับมาช่วยป้ากับลุงแก่ๆ เก็บโต๊ะเช็ดโต๊ะอย่างนั้นเหรอ วารินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเผลอจ้องหน้าชายหนุ่มเพลินจนข้าวต้มร้อนๆ ยกมาเสิร์ฟตรงหน้ายังไม่รู้ตัว
“หน้าฉันมีอะไรให้มองหนักหนา” เสียงทุ้มปลุกวารินให้ตื่นจากภวังค์
“ปะ..เปล่า อาหารมาเสิร์ฟแล้วเหรอ”
“มาเสิร์ฟจนเย็นหมดแล้ว ไม่เจอหน้าฉันแค่วันเดียวคิดถึงจนต้องจ้องหน้าฉันขนาดนั้นเลยหรือไง” ใบหน้าคมเข้มอมยิ้มมุมปาก ต่างจากปกติที่ชอบทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึก
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย หน้านายไม่มีอะไรน่ามองขนาดนั้น” วารินก้มหน้างุดตักข้าวต้มเข้าปากไม่ได้ดูว่ายังร้อนอยู่
“อ้ะ!” มือบางยกขึ้นป้องปากที่อ้ากว้างเพื่อระบายความร้อนของปลาและข้าวที่ตักเข้าไป
“คายออกมา” ฝ่ามือหนายื่นไปตรงหน้าหญิงสาว
“อื้อ..ทำไมนายไม่บอกว่ามันร้อนอยู่” น้ำสีใสไหลซึมออกหางตา แก้มเนียนใสแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“แล้วไม่ระวัง ก็เห็นอยู่ว่ายังมีไอร้อนอยู่” เสียงเข้มดุกลับไป
“ฉันไปล้างมือก่อน ฉันจะติดเชื้อจากน้ำลายเธอหรือเปล่าเนี่ย” ปากหยักบ่นไม่จริงจังนัก ลุกจากเก้าอี้เดินไปล้างมือหลังร้านและเดินกลับมา
“เอามานี่” ฝ่ามือหนายื่นไปหยิบชามข้าวต้มของหญิงสาวมาเป่าให้ เมื่อแน่ใจว่าไอร้อนหมดแล้วจึงส่งคืนให้หญิงสาว
“น้ำลายนายหล่นลงในชามข้าวฉันหมดแล้วมั้ง นายเป็นโรคอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงน้ำลายจะแพร่เชื้อในปริมาณน้อยแต่ก็มีโอกาสติดได้อยู่ดี” หญิงสาวบ่นแต่ก็ตักข้าวต้มเข้าปากไม่หยุด สวนทางกับสิ่งที่กำลังพูดสิ้นเชิง
“หึ..รสชาติอร่อยขึ้นไหม แต่คงไม่ต้องถามแล้วมั้งกินเอากินเอาแบบนี้ วันหลังอยากชิมแบบเพียวๆ แบบที่ไม่ต้องผสมในอาหารบอกฉันได้นะ”
“อะไรคือกินแบบเพียวๆ”
ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~
โทรศัพท์สั่นขึ้นก่อนที่เรย์จะตอบกลับ วารินนั่งหน้ามุ่ยทานข้าวต้มต่อเงียบๆ ระหว่างรอเรย์คุยโทรศัพท์กับเทมป์
“อิ่มแล้วใช่ไหม”
“อืม”
“ไปนั่งรอที่รถเดี๋ยวฉันไปจ่ายตังค์ก่อน” เรย์กดรีโมตปลดล็อกรถก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์
“วันนี้ข้าวต้มอร่อยมากครับ” เรย์ยื่นเงินแบงก์สีเทาให้ป้าเจ้าของร้าน
“คนนี้แฟนใช่ไหม หน้าตาน่ารักเหมาะกับพ่อหนุ่มมากนะลูก” ใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลาส่งยิ้มมาให้อย่างเอ็นดู
“ตอนนี้ยังครับ แต่อนาคตข้างหน้าเป็นแน่นอนครับ” เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าเรียบนิ่งเปื้อนรอยยิ้มอีกครั้ง
“ป้าเอาใจช่วยนะลูก”
“ขอบคุณครับป้า”
