ตอนที่10 ออกอาการ
ตอนที่10 ออกอาการ
“มึงจะเสียงดังทำไม” เรย์ตะคอกเสียงตำหนิเพื่อนออกไป แต่ก็ช้าเกินไปเพราะหญิงสาวที่คิดว่าหลับอยู่ตอนนี้เหมือนจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว
วารินแทบอยากเอาผ้าคลุมหัวแล้วมุดพื้นหินอ่อนราคาแพงหายไปจากตรงนี้ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็เจอกับสายตาทั้งสามคู่กำลังมองมาที่เธอ
“สวัสดีเทมป์ โซน” วารินเอ่ยทักทายเสียงอ่อย สายตามองหน้าเรย์ว่าจะเอายังไงต่อ
“ลุกไปล้างหน้าล้างตา ผ้าขนหนูผืนเล็กวางอยู่ในชั้นทางเข้าห้องน้ำ คงไม่ต้องพาไปหรอกใช่ไหมเพราะเธอคงคุ้นเคยแล้ว” เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวอีกครั้ง เรย์ไม่ใช่แค่เพียงไม่ช่วยเธอออกจากสถานการณ์การเข้าใจผิดนี้ แต่กลับเติมเชื้อไฟให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงไปกว่าเดิม วารินรีบลุกจากโซฟาเดินดุ่มๆ เข้าไปตั้งหลักในห้องน้ำ
“เชี่ย! คุ้นเคยเป็นอย่างดี สรุปมึงกับรินนี่มันยังไงกันวะ” เทมป์เซ้าซี้เอาคำตอบ
“ก็ตามที่เห็น” เรย์ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ สร้างความคลุมเครือในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหญิงสาวให้เพื่อนเข้าใจกันไปเอง
“กูคิดดีไม่ได้เลย” เทมป์พูดขึ้นตามที่คิด
“ให้เกียรติเธอด้วย เธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย” เรย์บอกออกไปน้ำเสียงจริงจัง
“กูไม่ได้คิดแบบนั้น ยังไงรินก็เพื่อนพวกเราเปล่าวะ ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานกูก็ดูออกว่าเธอเป็นคนดีและฉลาด แต่ทำไมถึงตกหลุมพรางมึงได้กูไม่เข้าใจ” เทมป์ส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
“มึงจะเสือกเรื่องของคนอื่นทำไม” โซนที่รู้ตั้งแต่แรกเตือนสติเทมป์ไม่ให้เข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของเพื่อนจนเกินไป
“คนอื่นที่ไหนไอ้เรย์ก็เพื่อนเรา รินเองก็เป็นเพื่อนเรา”
“อันไหนที่ไม่ใช่เรื่องของมึงมันก็คือเรื่องของคนอื่น ไม่ควรเข้าไปเสือก”
วารินหายเข้าไปในห้องน้ำเกือบสิบนาทีก็เดินกลับออกมาหลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ
“ฉันทำงานบ้านให้นายเสร็จแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะช่วยลงไปส่งฉันข้างล่างหน่อย” เสียงหวานเอ่ยบอกขณะเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายที่วางอยู่โซฟาขึ้นมาถือ มือเล็กกำสายกระเป๋าแน่น
“ไอเรย์มันจ้างรินมาทำงานบ้านให้เหรอ” เทมป์เอ่ยถามหญิงสาวออกไปเพราะเหมือนเหตุการณ์จะพลิกไปอีกแบบ
“อือ..เรย์จ้างเรามาทำความสะอาดบ้านแล้วก็ซักผ้ารีดผ้าน่ะ”
“ไอ้เรย์”
“แล้วมึงกำลังคิดว่าอะไรล่ะ” คำพูดราบเรียบสีหน้าสบายใจดูไม่สะทกสะท้านกับคำตอบคลุมเครือก่อนหน้าที่ตอบเพื่อนออกไป
“แม่ง! เล่นละครเก่งนักนะมึง”
ระหว่างทางนั่งรถกลับคอนโด
ครืด ~ ครืด ~ ครืด ~
โทรศัพท์วารินสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า มือเล็กควานหาในกระเป๋าก่อนจะหยิบขึ้นมากดรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่เก้า” ใบหน้าคมหันขวับจ้องหน้าหญิงสาวทันที เพลงที่เปิดฟังในรถถูกกดปิดทันที
“เป็นยังไงบ้างครับ ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” เสียงทุ้มอบอุ่นดังออกมาจากในสาย ครั้งล่าสุดที่เธอเดินตลาดนัดเสียงมันดังจนต้องปรับเสียงโทรศัพท์ขึ้นสุด แต่ตอนนี้ภายในรถนั้นเงียบกริบเสียงจึงดังออกมาราวเปิดสปีกเกอร์โฟน
“รินโอเคขึ้นแล้วค่ะ พรุ่งนี้รินจะเข้าไปทำงานที่คาเฟ่ปกตินะคะ” เสียงหวานตอบกลับปลายสายสร้างความไม่พอใจให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“โอเคครับ พี่ไม่กวนแล้วพักผ่อนเยอะๆ หายไวๆ นะครับ พรุ่งนี้เจอกันที่ร้าน”
เอี๊ยด..
เสียงยางครูดไปกับถนนเมื่อรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วเบรกกะทันหัน
“ทำไมนายเบรกรถแบบนี้ล่ะ” วารินหัวแทบทิ่มไปโดนคอนโซลด้านหน้ารถ ดีที่เธอรัดเข็มขัดนิรภัย
“ไฟแดง” ตอบกลับเสียงเรียบ
“ทีหลังก็เบรกเนิ่นๆ หน่อย เบรกกระชั้นชิดแบบนี้มันอันตราย”
“ห่วงฉันหรือไง”
“ฉันก็ห่วงทุกคนแหละทั้งฉันทั้งนาย แล้วก็เพื่อนร่วมทางด้วย”
“แค่มีฉันอยู่ในเสี้ยวความห่วงใยของเธอก็พอใจแล้วล่ะ” เรย์พึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่วารินจะจับใจความได้ หลังจากนั้นภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงเพลงที่ถูกเปิดคลอเบาๆ ขึ้นอีกครั้ง ใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดที่หญิงสาวอาศัยอยู่
“รายงานฉันส่งให้เธอแล้ว เช็กความเรียบร้อยอีกทีแล้วกัน” เรย์เอ่ยบอกขณะที่หญิงสาวกำลังเปิดประตูลงจากรถ
“ขอบใจนะ”
“เข้าห้องแล้วล็อกประตูดีๆ ด้วย”
เช้าวันอาทิตย์
ติ๊งต่อง ~
“พักใจคาเฟ่สวัสดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวทักทายขึ้นอัตโนมัติเมื่อกริ่งที่ประตูดังขึ้น
“สวัสดีค่ะพี่เก้า” หญิงสาวยกมือไหว้ทักทายเจ้าของร้านที่อายุมากกว่า
“อ้าวริน มาแต่เช้าเลยนะครับพี่ยังจัดขนมไม่เสร็จเลย” เก้าที่กำลังจัดขนมใส่ตู้แช่เย็นหันมาทักทายเมื่อรู้ว่าเป็นวาริน
“ค่ะ เดี๋ยวรินช่วยนะคะ”
วารินในชุดเสื้อยืดสีขาวใส่คู่กับกางเกงยีนสีซีด สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรด ด้านนอกสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มของทางร้านกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ทั้งรับออร์เดอร์ ทั้งเสิร์ฟเครื่องดื่ม วันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันหยุดบวกกับวันนี้ “ขนม” พนักงานอีกคนลาหยุดทั้งสองจึงวุ่นๆ ตั้งแต่เช้า
“รินผ้ากันเปื้อนหลุดน่ะ เดี๋ยวพี่ผูกให้ใหม่”
“แม่งเอ๊ย สายตาที่มองมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องชัดๆ” เรย์ที่นั่งมองอยู่ในรถตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อนเห็นการกระทำทุกอย่างที่เจ้าของร้านหนุ่มปฏิบัติต่อเหญิงสาวก็นึกโมโห
ตู๊ด ~ ตู๊ด ~ ตู๊ด ~
“ว่าไงไอ้เรย์”
“วันนี้กูว่างเดี๋ยวกูช่วยมึงไต่แรงค์ เจอกันที่ร้านกาแฟเดี๋ยวกูส่งโลเคชันไปให้”
“เฮ้ย..จริงดิ แม่งแดกอะไรผิดสำแดงมาวะ วันนี้ใจดีแปลกๆ” เทมป์ถามกลับแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะเอาคำตอบ คว้ากุญแจรถบึ่งตรงไปตามพิกัดร้านที่เรย์ส่งมาให้ทันที
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถสปอร์ตสัญชาติอิตาลีรุ่นเดียวกันก็ขับมาจอดคู่กันด้านหน้าร้าน
“วันนี้เปลี่ยนรถเหรอวะ มึงบอกไม่ชอบคันนี้นี่” เทมป์แปลกใจเพราะรถสีขาวเรย์จะไม่ค่อยขับจะใช้คันสีดำคันโปรดซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้เอาออกมาขับเล่นได้
“อีกคันเอาไปเข้าศูนย์ เลยต้องใช้คันนี้” เรย์โกหกออกไปคำโต ทั้งที่รถก็จอดอยู่ที่คอนโดนั่นแหละ ที่เอาคันนี้ออกมาขับเพราะมีเหตุผลอย่างอื่นแอบแฝง
ติ๊งต่อง ~
“พักใจคาเฟ่สวัสดีค่ะ” เสียงหวานกล่าวทักทายลูกค้าอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้กำลังเก็บโต๊ะอยู่มุมร้าน
“อ้าวนั่นรินนี่หว่า รินมาทำงานพิเศษที่ร้านนี้ด้วยเหรอวะ”
“ริน ริน ริน” เทมป์กวักมือเรียกวารินให้เดินเข้าไปหาท่าทางดูตื่นเต้นราวไม่ได้เจอกันนาน
“อ้าวเทมป์มาทานกาแฟเหรอ บ้านนายไม่ได้อยู่แถวนี้นี่มาซะไกลเลยนะ” วารินตกใจเล็กน้อยที่เห็นเรย์และเทมป์นั่งอยู่ในร้าน
“เออ..อะดิ ไอ้เรย์มันโทรตามให้มา โอ๊ย!” ยังไม่ทันที่เทมป์จะพูดจบเท้าก็โดนเหยียบแรงๆ เหมือนตั้งใจทำจนต้องหยุดพูด
“จะกินอะไรรีบสั่ง ชักช้ากูไม่ช่วยมึงนะ” เรย์ขู่ออกไป
“เราเอาเอสเปรสโซ่ปั่นเพิ่มช็อตด้วยนะ ต้องการความเข้มข้นวันนี้จะไต่ขึ้นสักสองเวลก็พอ”
“ของฉันเอาเหมือนเดิม” เสียงเรียบบอกออกไป
“มึงเคยมากินกาแฟที่ร้านนี้แล้วเหรอวะถึงสั่งว่าเอาเหมือนเดิม” เทมป์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเรย์แล้วเอ่ยถามขึ้น
“เปล่า ปกติกูก็กินแต่อย่างเดิมๆ เลยสั่งว่าเอาเหมือนเดิม มึงก็รู้”
“เออ..จริงว่ะ”
“รินเก่งนะหาเงินส่งตัวเองเรียน เป็นกู กูทำไม่ไหวหรอกแค่เรียนก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว”
“ทุกคนเกิดมาพื้นฐานทางครอบครัวไม่เหมือนกัน มึงเกิดมาบนกองเงินกองทอง ส่วนรินเกิดมาในครอบครัวที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเธอจำเป็นต้องเป็นคนเก่ง” เทมป์เข้าใจดีในจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ถึงแม้เขาจะไม่เคยขัดสนเรื่องเงิน แต่ก็ได้สัมผัสชีวิตผู้คนที่ดิ้นรนทำมาหากินมาหลายครั้ง
“แต่ดูเจ้าของร้านใจดีกับรินมากนะ”
“หว่านพืชหวังผลล่ะสิไม่ว่า” เรย์สบถออกไป ส่งสายตาอาฆาตไปทางเจ้าของร้านหนุ่ม
“เป็นกูก็หวังเว้ย รินทั้งเก่งทั้งน่ารักขนาดนั้น”
“มึงจะเล่นไหมเกมไม่เข้าสักทีไอ้ห่า สนใจอย่างอื่นอยู่นั่นแหละ”
ระหว่างรอเครื่องดื่มก็เปิดเกมยิงกันสนั่น เทมป์เก็บคะแนนสะสมที่เสียไปเมื่อวานกลับคืนมาได้เกือบหมด
“เครื่องดื่มที่สั่งได้แล้วครับ” เป็นชายหนุ่มเจ้าของร้านทำหน้าที่มาเสิร์ฟทั้งที่ควรเป็นหญิงสาว
“ขอบคุณครับ แล้วรินล่ะครับ” เทมป์ถามออกไปเพราะไม่เห็นเพื่อนอยู่ในร้าน
“อ้อ..รินไปเข้าห้องน้ำครับ ทานให้อร่อยนะครับ”
“ครับ ผมขอขนมเค้กที่ไม่หวานมากสักสามชิ้นครับ” เทมป์เป็นคนติดขนมหวานต้องมีวางตรงหน้าตลอดเวลา ถ้ามาคาเฟ่จะสั่งทีละสองสามชิ้นแบบนี้ประจำ
“ไอ้เชี่ยเรย์วันนี้แม่งโหดจัด คะแนนกูพุ่งทะลุเพดานเลยไอ้ห่า มึงไปกินรังแตนที่ไหนมาไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นได้เกิดเลย” เรย์กระหน่ำยิงอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นบุกเดี่ยวเลยก็มี จนเทมป์ยกให้เป็นเทพแห่ง ROV
“รินไปทานข้าวก่อน นี่ก็ใกล้จะบ่ายแล้วพี่ทำกับข้าวไว้ให้อยู่ในครัวที่เดิม” เก้าหันไปบอกวารินเมื่อตอนนี้ลูกค้าในร้านเริ่มซาลง เรย์ที่กำลังบุกเดี่ยวเข้าไปละสายตาจากหน้าจอมองไปทิศทางที่ทั้งสองยืนคุยกัน
“ไอ้เชี่ยเรย์มึงเป็นห่าอะไรทำไมไม่ยิง มึงไม่เห็นหรือไงว่ามันโผล่หัวออกมาข้างหน้ามึง”
ครืด ~
“เลิกเล่น” เรย์ลุกจากเก้าอี้ขึ้นเต็มความสูงก้าวขายาวออกจากร้านไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย วารินมองตามแผ่นหลังกว้างขึ้นรถสตาร์ตขับออกไป
