2 พบเจอกันอีกครั้ง
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจันทร์ดาราลอยล่องขึ้นมาแทน ภายในเมืองขนาดใหญ่แห่งนี้มีแสงไฟส่องสว่างกว่าแสงจันทร์เสียด้วยซ้ำ แม้จะตกดึกแล้วแต่รถรามากมายกลับยังคงวิ่งวุ่นวายไปหมด ไม่ได้ต่างจากตอนกลางวันเลยสักนิด
หนึ่งในรถที่กำลังแล่นอยู่บนถนน มีรถของจันทร์เจ้ารวมอยู่ในนั้นด้วย เธอกำลังบึ่งมันไปยังสถานที่นัดพบกลุ่มเพื่อน และใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็เดินทางมาถึงจนได้
รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวเขามาเทียบยังประตูหน้าในส่วนของวีไอพี ก่อนที่ร่างระหงจะก้าวลงจากรถและโยนกุญแจให้กับพนักงาน เรียวขางามบนรองเท้าส้นสูงสีแดงสด เดินฉับๆ เข้าไปยังด้านในอาคารที่มีแสงสีเสียงครบครัน ตามสเต็ปของสถานบันเทิงขนาดใหญ่
เป็นอีกครั้งที่เธอต้องมานั่งรอบุคคลที่เธอนัด ทั้งๆ ระบุเวลาชัดเจนแต่กลับไม่มีใครโผล่หัวมาตามเวลากันสักคน จันทร์เจ้าจึงเดินเข้าไปนั่งยังโต๊ะที่จองไว้ พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มมาเพื่อจิบรอบรรดาเพื่อนสาวจอมเห็นแก่ตัว
ใบหน้าสวยครบเครื่องซึ่งถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอย่างดี เหม่อมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศน่ามัวเมา พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเธอจำได้ดีว่าเป็นคนที่มอบร่มให้กับเธอเมื่อกลางวันนี้ และเขากำลังเดินผ่านโต๊ะของเธอไป แต่ในขณะที่จันทร์เจ้ากำลังจะลุกเพื่อเดินตามเขาไปนั้น เพื่อนสาวทั้งสามคนก็ดิ่งเข้ามาหาเธอพอดี
“ไงจันทร์เจ้า วันนี้ก็ยังแซ่บไม่แผ่วเลยนะ” หนุงหนิงเอ่ยทัก แต่ฟังจากน้ำเสียงไม่มีความจริงใจเลยสักนิด มันเหมือนเธอกำลังกระแหนะกระแหนเสียมากกว่า
“อืม” จันทร์เจ้าตอบรับเล็กน้อย ก่อนจะพยายามเบี่ยงกายหลบไปอีกฝั่ง เพื่อจะตามผู้ชายคนนั้นที่เห็นหลังไหวๆ อยู่ไม่ห่าง
“แฟนเธอไปไหนล่ะจันทร์เจ้า เขาไม่มาด้วยเหรอ?” พิมพ์เข้ามาดักอีกทาง ก่อนจะถามหาอดีตแฟนหนุ่มของเธอ นั่นทำให้เธอคลาดสายตากับคนที่กำลังมองหา
“เฮ้อ~ ฉันเขี่ยทิ้งไปละ จะถามหามันทำไม” ร่างบางล้มเลิกความตั้งใจเพราะคิดว่าตนเองตาฝาด
ก็ตั้งแต่ที่ได้พบกับเขาคนนั้นจนถึงตอนนี้ ในหัวสมองของเธอก็มีแต่หน้าเขาลอยวนไปวนมาตลอด จันทร์เจ้าทิ้งตัวนั่งลงอีกครั้งก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ด้วยความไม่สบอารมณ์ที่ถูกถามเรื่องอดีตหวานใจ
“เอ้า! เลิกอีกแล้วเหรอ? เลิกทำไมอ่ะ? แกพึ่งจะคบคนนี้ได้ไม่ถึงสามเดือนเลยนะ” โบว์ที่พึ่งนั่งลงข้างๆ ร่างบางถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เบื่อ! ก็เลยเลิก คืนนี้ว่าจะมาหาใหม่” เธอไม่อยากถูกมองว่าน่าสมเพชที่โดนสวมเขา จึงไม่ยอมเล่าความจริงให้พวกนี้ฟัง
“ดีเนอะ ของเก่าไปของใหม่ก็หาต่อได้เลย เกิดมาสวยแถมรวยมันดีอย่างนี้นี่เอง”
“นั่นน่ะสิ อิจฉาชะมัด ฉันก็อยากเปลี่ยนผู้ชายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบแกมั่งจัง”
“แกก็สวยนะพิมพ์เกือบสู้จันทร์เจ้าได้เลย แต่ความรวยแกสู้ไม่ได้ว่ะ ฮ่าๆ”
“เอ๊ะ! อีหนุงหนิง ใครเขาอยากไปเทียบรัศมีกับจันทร์เจ้าเขาล่ะ มัวแต่แพร่มกันอยู่นั่นแหละ แดกเหล้าเหอะ อยากละ”
บทสนทนาที่มีแต่การกัดการแซะ หาความจริงใจหรือหวังดีต่อกันจริงๆ ไม่ได้จบลง บรรดาสามสาวเพื่อนกินของจันทร์เจ้าพากันชงเหล้ากันอย่างครึกครื้น ในขณะที่แม่งานนั่งเงียบมองเพื่อนของเธอด้วยความเอือมระอา
อีกมุมหนึ่งของผับ กรวีที่แบกสังขารอันอ่อนล้าของตัวเองมาหาสิ่งมึนเมาย้อมใจ เพื่อให้คืนนี้ได้นอนหลับตาลงแล้วไม่ฝันถึงใบหน้าของหญิงที่แอบรัก กำลังยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นกระดกใส่ปากอย่างถี่ๆ อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์
บาร์เทนเดอร์ก็ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดมาก เมื่อแก้วลูกค้าตรงหน้าว่างเปล่าก็เติมให้เต็มตลอด ส่งผลให้ชายหนุ่มเมาขาดสติอย่างรวดเร็ว และเหมือนกรวีจะรู้ตัวว่ามันเกินลิมิตที่เขาจะควบคุมตนเองได้แล้ว ชายหนุ่มจึงจัดการจ่ายเงิน และพาร่างของตัวเองเดินเป๋ไปเป๋มาออกจากผับเพื่อกลับคอนโด แต่ยังไม่ทันจะถึงประตูทางออก ร่างสูงกลับเดินชนชายร่างยักษ์คนหนึ่งเข้าให้ ส่งผลให้แก้วแอลกอฮอล์ที่ชายคนนั้นถือกระฉอกใส่ตัวเขาเอง
“ขอ…โทษครับ” กรวีกล่าวขอโทษก่อนจะพยายามเดินต่อ แต่เหมือนคู่กรณีจะไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะเขาเอาร่างไซซ์บิ๊กของตนมาขวางหน้าชายหนุ่มเอาไว้
“คิดว่าแค่คำขอโทษแล้วมันจะพอหรือไงวะ!? แกเห็นไหมว่าเหล้ามันหกใส่เสื้อผ้าฉันเนี่ย” เขาผลักอกแกร่งของกรอย่างแรง ทำให้ร่างกายที่แทบจะทรงตัวยืนไม่ไหวอยู่แล้วล้มลงกระแทกกับพื้น
เสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่กลุ่มของจันทร์เจ้านั่งอยู่ ทำให้พวกเธอหันไปมองเหตุการณ์ที่คนกำลังทะเลาะกันนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลันสายตาก็เจอเข้ากับคนที่เฝ้าคิดถึงทั้งวัน กำลังนั่งกองอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ และเหมือนเจียนจะถูกชกหน้าหล่อๆ เต็มที ไม่รอช้าร่างบางรีบถลาเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ! อย่าได้ทำร้ายเขาเชียว” เสียงหวานประกาศก้อง เล่นเอาชายร่างใหญ่ที่กำลังจับคอเสื้อกรวีชะงักค้างทันที เขาหันไปมองหน้าเธออย่างแปลกใจ
“เธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันไม่กระแทกหมัดใส่หน้าไอ้กระร่องนี่?” เขาหันมาถามจันทร์เจ้าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันเป็นแฟนเขาแล้วฉันก็มีเงิน แบบนี้มีสิทธิ์หรือยัง?” มือบางรีบล้วงเข้าไปหยิบปึกเงินสดในกระเป๋าหรูของตนขึ้นมาชูตรงหน้า และเหมือนมันจะได้ผล เพราะดวงตาของคู่สนทนาเป็นประกายระยิบระยับเมื่อมองปึกแบงก์สีเทาในมือบาง
“วู้~ แบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย” มือใหญ่ละคอเสื้อของกรวีทันที ก่อนจะหันมาสนใจจันทร์เจ้าแทน
“เท่าไหร่เรื่องนี้ถึงจะจบ?” เธอกระชากเสียงถาม
“ขอหมดปึกนี้เลยละกัน จบแน่นอน จบแบบสนิทเลยด้วย” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์น่ารังเกียจ
“ได้แล้วก็ไสหัวไปซะ!” ปึกแบงก์ในมือหญิงสาวถูกขว้างใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างรู้สึกสะอิดสะเอียน ก่อนที่เขาจะเดินหนีไปพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจกับเงินปึกนั้น จันทร์เจ้าจึงรีบทรุดกายลงไปประคองร่างสูง ซึ่งยังนั่งแช่อยู่กับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณเป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม?”
“อือ…” เขาตอบรับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นตามแรงดึงของร่างเล็ก แต่เนื่องจากสติที่เริ่มพร่าเลือนทำให้กรวีทรงตัวไม่อยู่และเอนเข้าหาเธอ ดีที่เธอยังมีแรงพอพยุงเขาไว้ได้
“ฉันกลับก่อนนะ” เมื่อดูท่าแล้วว่าคนที่พิงเธออยู่ไม่ไหวแน่ๆ จันทร์เจ้าจึงหันไปบอกลาเพื่อนของเธอทันที เพื่อจะพาเขาไปส่งที่บ้าน
“แล้วค่าเครื่องดื่มล่ะ แกจะจ่ายให้ไหม?” โบว์รีบขัดขึ้นทันที เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียผลประโยชน์
“ออกกันไปก่อน เดี๋ยวฉันรีบโอนให้” แม้จะอยากด่ากราดใส่หน้าเพื่อนแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ฮึบไว้และพูดอย่างใจเย็น
“ก็ได้ แต่อย่าลืมละกัน” หลังจากที่เพื่อนเธอตอบรับเสร็จ จันทร์เจ้าจึงประคองร่างสูงเดินออกมาหน้าประตู ทันทีที่การ์ดเห็นก็รีบเข้ามาช่วยเพราะรู้ว่าเธอเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่นี่
“รีบไปเอารถมาให้ฉันที” จันทร์เจ้าหันไปบอกพนักงานอีกคน ก่อนที่เขาคนนั้นจะรีบวิ่งไปยังลานจอดรถของวีไอพี และขับรถหรูของเธอมาจอดเทียบใกล้ๆ
ร่างของกรวีถูกการ์ดสองคนพาขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ แต่ในขณะที่เธอขับยานพาหนะออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ก็ต้องรีบจอดข้างทางเพราะไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไป
“นี่คุณ บ้านคุณอยู่ไหนฉันจะไปส่ง” จันทร์เจ้าเขย่าชายหนุ่มซึ่งนั่งหลับตาอยู่ข้างๆ
“…” แต่ดูเหมือนตอนนี้กรวีจะเมาหลับไปแล้ว เพราะไม่มีการหืออืออะไรตอบรับเลยสักนิด
“แล้วฉันจะไปส่งคุณได้ที่ไหนเนี่ย?” นั่งคิดไม่ตกอยู่สักพัก หญิงสาวก็ตัดสินใจออกรถอีกครั้งพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “งั้นไปคอนโดฉันก็ละกัน”
