บท
ตั้งค่า

บทที่6

สายตากลมโตแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นไม่หวั่นเกรงตวัดมองคนที่ขยับท่าทาง เพื่อเตรียมพร้อมหากอีกฝ่ายจะประทุษร้ายโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเธอกล้าลองดีกับคนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ แต่กลับกันเมื่ออีกฝ่ายขยับและพูดขึ้นว่า

“ผมขับรถไม่ดูทางเองครับ” และนั้น เฮริคอยากจะกระโดดผาง กัดคอคนพูดให้ได้ เพราะเท่ากับว่า เขาเป็นคนไม่มีเหตุผลและหาเรื่องผู้หญิง!

เมลสันรู้ตัวว่าตนเองเผอเรอละสายตาจากท้องถนน ดีที่ว่ารถไม่เร็วจึงหลบได้ทัน “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมละกลัวคุณจะเจ็บ ขอโทษนะครับ” เมลสันเอ่ยอย่างสุภาพ และนั้นทำให้เฮริครู้สึกขัดนัยน์ตาเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณค่ะที่ถาม ดิฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่ที่เป็นมากคือใจของคนบางคนมากกว่า หากไม่มีอะไรแล้วดิฉันต้องขอตัวก่อน” รติกาลอดเหล่ตา และอดทิ้งน้ำหนักเสียง กระแทกอีกคนที่กำลังมองฟ้ามองอากาศ ไม่ได้

“เธอนี่มัน!” คนโดนกระแทกด้วยคำพูดและสายตา รู้ตัวดี ร่ำๆ จะบีบคองามระหงที่บังอาจทำให้เขาเสียเวลา เมลสันได้แต่กดยิ้ม พร้อมส่งสายตาห้ามเพื่อนชายไปในตัว

เมื่อนักธุรกิจใหญ่และผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง โดนหญิงสาวที่ไม่เคยพบหน้าค่าตาตอกกลับถึงสองครั้งอย่างไม่กลัวเกรง เขาได้แต่กดอารมณ์โกธรจนร่างกายสั่นเทิ้ม

จังหวะเดียวกันที่รติกาลหันกลับมามองชายหนุ่มที่เป็นลูกน้อง สายตาของเธอก็ผสานกับสายตาคมนัยน์ตาสีฟ้าสดภายใต้ขนตายาวเป็นแพนั้นอย่างไม่ตั้งใจ และนั้นทำให้เธอตระหนักแล้วว่าราคารูปลักษณ์ทั้งหมดที่เธอเคยมองอย่างชื่นชมก่อนหน้านั้น ณ ตอนนี้ไม่เหลือในสายตาของเธอแม้แต่น้อย เธอจึงทำเมินเสีย

“คุณไม่เป็นอะไรจริงๆหรือครับ” เมลสันถามย้ำอีกครั้งพร้อมใช้สายตาสำรวจ

“อ้อ ค่ะ ไม่เจ็บ” เธอบอกตามความเป็นจริงพร้อมยิ้มบางๆให้

“หึ ให้ค่าทำขวัญไปหน่อยสิ เมลสัน” คนถูกเมินแทรกขึ้น อย่างหมั่นไส้

“หะ ครับ” สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน ทำเอาเมลสันอึ้งไปแต่ก็รีบทำตามทันที

เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงกระเป๋าหนังใบเล็กออกมา รติกาลจึงรีบร้องห้ามออกไปเช่นกัน “ไม่ต้อง บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง ขอโทษนะคะดิฉันขอตัว” เธอตัดปัญหาจึงรีบเบี่ยงตัวเพื่อเลี่ยงออกไป ที่สำคัญเธอไม่ต้องการเงิน แค่อีกฝ่ายน้ำใจไต่ถาม มันก็มากพอสำหรับเธอ

“จะไปไหน หยิ่งก็เป็น” ประโยคแรกเหมือนจะเป็นคำสั่งที่จะรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ต่อ หากแต่กลับต่อประโยคหลังให้อีกฝ่ายเจ็บใจเล่น พร้อมแขนแกร่งยื่นกั้นห่างแค่เพียงนิดหน้าอกเต่งตึงคู่งามเกือบสัมผัสแขนแกร่งนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

ประโยคคำพูดและการกระทำเหมือนดูถูก ทำให้สาวสวยที่รักศักดิ์ศรี เริ่มออกอาการนับหนึ่งถึงร้อยในใจ “อะไรของคุณ” เสียงแหลมพร้อมมือเรียวสะบัดแขนหนาตรงหน้าออกห่าง

ตุ้บๆๆ!...

เสียงและสิ่งที่กระเด็นกระดอนลงไป เป็นจุดเด่นของสายตาทุกคู่ โดยเจ้าของตาคมเข้มนัยน์ตาสีฟ้าตะลึงค้างจับจ้องกล่องกำมะหยี่สีแดงกระเด็นหลุนๆ ตกลงรูท่อระบายน้ำในสภาพฝาเปิดอ้า ใจเขาหายวาบ ความตกใจทำให้เขาก้าวขาไม่ออกจนมันหล่นลงและหายไปจากสายตา เขาจึงได้สติกลับมา

“นี่เธอ ทำอะไรลงไป ของของฉันเธอรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่” น้ำเสียงกระด้างเอ่ยกร้าวพร้อมตาคมเข้มจิกมองจนดูน่ากลัว มองใบหน้าหวานคมสลับกับมองกล่องที่กระเด็นหลุดมือไปอย่างคาดไม่ถึง

เมลสันที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ตกใจไม่แพ้กัน เริ่มร้อนๆ หนาวๆ เตรียมรอเสือใหญ่อาละวาด

“ฮะ?” ตากลมโตเกือบถลนมองเป็นเครื่องหมายคำถาม

“คุณทำของผมตกลงท่อ”

“มะ มันเกี่ยวอะไรกับดิฉันด้วยล่ะ” รติกาลถามกลับน้ำเสียงขลุกขลัก

ไม่มั่นใจว่ารอบนี้ เธอหนีพ้นสายตาดูแคลนนี้ได้หรือไม่ เพราะเรื่องเก่าไม่ทันคลาย เรื่องใหม่ก็เข้ามาแทนที่ โอ๊ย อยากจะบ้า!

“ก็เธอเป็นคนปัดมันกระเด็นตกลงไป แล้วรู้ไหมว่าของของฉันราคาเท่าไหร่ เพชรที่ใช้กี่กะรัตเธอรู้เปล่า หะ” คนดูดีเอ่ยถาม รติกาลได้แต่เบิกตากว้าง

เธอไม่ได้ตกใจกับราคาเพชรกี่กะรัต แต่ตกใจที่อีกฝ่ายยัดเยียดข้อหาให้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเธอ เขาเองต่างหากที่ไม่ระวังหรือเรียกว่าเซ่อซ่าเอาของมีค่ามาถือไว้จนเป็นเหตุ

“ฉันจะไปรู้ราคาของคุณเหรอ ฉันไม่เกี่ยว ฉันต้องไปแล้วล่ะ ฉันมีงานต้องทำ...” เมื่อคนแปลกหน้ากลายเป็นคนไม่มีเหตุผล เธอก็เป็นได้เช่นกัน

“หลีกค่ะ” เธอบอกอีกครั้ง รู้สึกอึดอัด เริ่มไม่สบอารมณ์คนตรงหน้าที่พยายามทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่นั้น

“เธอยังไปไหนไม่ได้!” เสียงนั้นคล้ายคำสั่งและเขาไม่ได้พูดเพียงอย่างเดียว มือหนาคว้าหมับบนข้อมือเธอพร้อมบีบกระชับเหมือนเป็นการบีบบังคับให้อีกคนทำตามคำสั่ง

เมลสันได้แต่อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเฮริคจะมีความคิดเช่นนั้น หากแต่จะร้องห้ามกลัวเป็นการกระตุ้นให้ต่อมโทสะเขาสูงขึ้น เพราะคิดว่าคนของตนเองกำลังปกป้องคนอื่นที่ไม่ใช่เขา...

“เจ็บนะ ปล่อย!” รติกาลสะบัดแขนพร้อมสั่ง แต่ไม่มีความหมาย เขากลับถลึงตาใส่ กรอกคำพูดใส่หน้าเธอ

“แหวนฉัน... เธอต้องชดใช้ให้ฉัน ไม่เช่นนั้นเธอกลับไปหน้าไม่สวยแน่” คำขู่กระซิบน้ำเสียงกดต่ำขยับบอกชิดริมหูขาวสะอาด

กลิ่นหอมอ่อนๆ ตามไรผมที่สะบัดไหวตามสายลมพร้อมกลิ่นหอมจางๆปะทะจมูกโด่งเป็นสัน จนเจ้าของจมูกโด่งอดใจไม่ไหว เผลอสูดเข้าไปจนเต็มปอด เลือดลมในกายตีแผ่กระจายตอบสนองกลิ่นสาบสาวข้างกาย จนรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นผิดจังหวะ ยิ่งกว่าตอนเขาเพ่งมองริมฝีปากหล่อนเสียอีก

เฮริครีบผละห่าง เมื่อนึกได้ว่าตนเองเสียเวลามามากพอแล้ว ที่สำคัญเขามีนัดถึงสองแห่ง

“....” ตากลมโตตะลึงนิ่งไปเป็นครู่ ก่อนจะได้สติ “อย่าเอาความป่าเถื่อนของคุณมาใช้กับคนอย่างพวกเรา” น้ำเสียงหนักแน่นโต้กลับ ตอนนี้แค่หน้าตาหล่อเหลา ก็ไม่สามารถเรียกความรู้สึกปลาบปลื้มก่อนหน้ากลับมาได้

“เธอรู้หรือว่าฉันไม่ใช่คนไทย”

“ไม่... หรือถึงเป็นก็แค่ลูกครึ่ง”

“ลูกครึ่งแล้วทำไม มันไม่ดีตรงไหน?”

“ก็แล้วมันดีหรือเปล่าล่ะ มายัดเยียดข้อหาแถมขู่กรรโชกทำร้ายร่างกาย มันน่าภูมิใจหรือไง หากคนไทยมีนิสัยแบบนี้”

“จะปากดีมากไปแล้วนะ” กรามหนาบดเข้าหากันจนสันนูน แม้หน้าตาจะไม่ใช่ไทยแท้แต่เขาก็รักความเป็นไทยที่คนเป็นแม่สอนไว้เสมอ ‘เกิดเป็นคนไทยแม้จะครึ่งหนึ่งแต่ก็มีหัวใจดวงเดียวเหมือนกัน รักสามัคคีไม่เบียดเบียนคนที่อ่อนแอกว่าเป็นใช้ได้’คำสอนที่เขาจำขึ้นใจ

แต่กับผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้สินะ เขาจะเห็นเธออ่อนแอกว่าหรือไม่ ในเมื่อหล่อนเถียงคำไม่ตกฟาก และตอนนี้เขามีเกมเล่นใหม่อีกแล้ว...

สายตาคมเชือดเฉือนต่างไม่ยอมกัน ก่อนจะหันไปสั่งอีกคนอย่างกลั้นอารมณ์ไว้ขีดสุด “เมลสัน จัดการโทร.ให้มิกซ์มารับ ฉันต้องทิ้งนายไว้ที่นี่ จัดการเช็กข้อมูลผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้นฉันจะถือว่านายไม่ทำตามคำสั่งฉัน”

เฮริคยอมให้ก่อนเพราะยังมีงานที่ต้องทำ แต่หากไม่ติดธุระสำคัญที่ไหน เขาไม่ปล่อยให้สาวสวยตรงหน้าได้หยิ่งผยองจองหองใส่ โดยที่ไม่ได้สั่งสอนเป็นแน่

เมลสันที่โดนเปลี่ยนคำสั่งงานหน้าเหวอพอๆ กับคนที่กำลังโดนข้อหาทั้งที่ไม่รู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไป

“นายๆ/ว้าย!” คนโดนรับงานใหม่ร้องเรียกตกใจพร้อมกับเสียงหวานแหลมที่อยู่ๆก็ถูกเหวี่ยงไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกคน โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ทันตั้งตัว

“จัดการซะ แล้วฉันจะรอฟัง” เสียงเหี้ยมเอ่ยย้ำ พร้อมเดินอ้อมไปอีกฝั่งอย่างไม่ใส่ใจ

อาการมึนงงมองท้ายรถเมอร์ซิเดสเบนซ์คันหรูเคลื่อนออกไปด้วยความเร็วเมื่อถนนโล่ง

เมลสันค่อยๆ ดันร่างบางสมส่วนที่ยังอยู่ในอาการค้างออกห่างจากอกอย่างแผ่วเบา “เอ่อ ผมขอโทษด้วยนะครับ” เพราะเขารู้ดีว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สาวสวยผู้นี้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

รติกาลรู้สึกตัว “นี่...ตกลงมันเรื่องอะไรกันคะ” เธอรู้สึกเบลอๆ สมองเหมือนมีตัวหนังสือนับหมื่นตัวลอยวน

“คือ...” เมลสันไหวไหล่ โดยไม่มีคำตอบแน่นอนให้หญิงสาว

“แหวน ทำไมไม่งมหากัน มันแพงไม่ใช่หรอ”

เมลสันเหมือนนึกขึ้นได้ เท้าหนาก้าวเดิน และก้มๆมองๆตรงรูที่กล่องกำมะหยี่ตกลงไป แล้วส่ายหน้า “คงหาเจอหรอกครับ น้ำดำและเหม็นมาก ที่สำคัญแหวนคงลอยไปไหนต่อไหนแล้วละ” รติกาลได้ยินแบบนั้นก็เดินไปดูให้เห็นกับตา และก็เป็นไปอย่างที่อีกคนพูด

“บ้าที่สุด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel