บทที่ 1
แสงแดดจากท้องฟ้าสีครามส่องจ้าลงมาท่ามกลางทิวเขาหินชันบนผืนน้ำกว้างใหญ่ที่เรียกกันว่ามหาสมุทร... เกาะแก่งเล็กน้อยนับร้อยนับพันเหล่านี้อยู่เรียงรายทั่วกันจนยากจะสำรวจได้หมด นักท่องเที่ยวหลายคนเข้ามาสำรวจและล่าถอยไปเพราะไม่ทรหดอดทนพอ ทั้งโลกเหนือน้ำ และโลกใต้น้ำที่ยังเต็มไปด้วยโพรงถ้ำที่ยังมองไม่เห็น
แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญที่รู้จักสถานที่เหล่านี้มากที่สุดกลับไม่ใช่นักสำรวจ... เจ้าของร่างที่โรยตัวลงมาได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นลิง ก็คือชาวทะเลสัญชาติพม่าที่หลบพากันเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย
“นั่นอะไรอยู่ที่พื้นถ้ำ”
หนึ่งในชายพม่าสองคนชี้ลงไปยังเบื้องล่างของหุบผา... ไม่สูงมากนักจากจุดที่ยืนอยู่ พื้นทรายบริเวณเล็กๆ กับแอ่งน้ำอยู่ด้านล่างสะท้อนแสงแดดวิบวับ ใกล้กันนั้นคล้ายมีร่างหรือซากของอะไรบางอย่างนอนอยู่บนหาดทรายสีขาว
ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งสองคนก็ปีนป่ายลงมาถึงพื้นทรายด้านล่าง หุบเขาหินเหล่านี้มีนับพัน แต่น้อยครั้งนักที่นักท่องเที่ยวจะหลงเข้ามา... นอกจากชาวเลชาวบ้านที่หากินกับการเก็บรังนกนางแอ่นขายแล้ว ก็แทบไม่มีใครล่วงล้ำเข้ามาในเขตบริเวณนี้อีก
“คน... คนนี่หว่า”
เสียงถกเถียงกันเป็นภาษาประจำชาติเกิดดังขึ้นเบาๆ เข้าไปพลิกตัวดูด้วยความสงสัย คนแปลกหน้านั้นเป็นเพศชาย ใบหน้าหมดจดผ่องเหมือนคนเมืองกรุง ทรวงอกขยับเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจรวยริน ไม่รู้สึกตัว...
“ตายหรือยัง... มาจากทางไหน หรือมุดถ้ำออกมา”
เพราะด้านล่างของพื้นน้ำเป็นโพรงถ้ำที่ลึกลับ บางโพรงต่อกันกับอากาศด้านนอก บางโพรงเป็นแก่งหินอยู่ด้านใน เคยมีคนหลงเข้าไปนับเป็นสัปดาห์กว่าจะรอดออกมา
ชายผู้นี้ก็อาจจะเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง...
“ได้ข่าวคุณภูรินทร์บ้างหรือยังคะ... นักสืบทั้งหมดที่จ้างมา มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า”
หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ผอม แก้มตอบ หน้าซูบ ถามเลขานุการของตัวเองด้วยน้ำเสียงของความหวัง หากคำตอบที่ได้ฟัง กลับทำให้ดวงตาที่ทอแสงนั้นโรยลง
“ยังไม่มีความคืบหน้าครับคุณหนู...”
“ยังไม่มีใครเจอตัวอีกเหรอคะน้าแสง”
“คุณหนู...” พันแสงมองหน้าเจ้านายตัวเองด้วยความเวทนา “สามปีแล้ว... ทำไมคุณหนูยังไม่ทำใจ โอกาสที่จะเจอคุณภู น้อยเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร”
“ไม่จริงหรอกค่ะน้าแสง... มิตาเชื่อว่าคุณภูยังอยู่ เขายังไม่ตาย เราไม่เจอหลักฐานอะไรเกี่ยวกับศพของเขาเลย แม้แต่ชุดที่เขาใส่”
“ตะกั่วที่ถ่วงไว้ตอนดำน้ำอาจจะทำให้เขาไม่ลอยขึ้นมา”
“แต่เราจ้างนักดำน้ำหาในบริเวณนั้นจนหมดแล้ว”
“เขาอาจจะลอยตามน้ำไปไกลจนเกินกว่าที่เราจะหาพบได้ก็ได้นะครับ... คุณหนู... ปล่อยวางเสียที คุณหนูต้องมีอนาคตและก้าวเดินต่อไป”
“มิตาทราบดี...” ท้ายเสียงเศร้าสร้อยจนแทบปิดไว้ไม่อยู่... ในความเป็นจริง หล่อนเริ่มต้นอยู่โดยไม่มีเขามาได้เกือบสามปีแล้ว เพียงแต่... เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป เหมือนมีชีวิตอยู่เพียงแค่ครึ่งเสี้ยว ไม่ได้รู้สึกเติมเต็มอย่างเมื่อครั้งก่อน
“ในใจมิตารู้สึกเหมือนว่าคุณภูยังอยู่ เหมือนความผูกพันอะไรบางอย่าง ระหว่างมิตากับเขามันยังไม่หายไป คุณภูเป็นนักดำน้ำที่เก่งมาก เขาอาจจะรอด บางทีบางครั้งเขาอาจจะอยู่สักที่บนโลกใบนี้... และมิตาจะพยายามหาจนเจอ”
แม้ความหวังในใจของหล่อนจะริบหรี่เต็มทีแล้วก็ตาม...
