บทที่ 2 ตาม! (1)
การออกมาช็อปปิ้งคือกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย และละลายความเครียดได้ดีที่สุดสำหรับจันทร์ฉาย เพียงแต่หญิงสาวเลือกซื้อสินค้าอย่างมีสติ และเลือกซื้อเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เธอกวาดสายตาหาสินค้าป้ายเหลืองลดราคาเป็นอันดับแรก ส่วนเหตุผลส่วนตัวก็คือ เธออยากประหยัด อยากมีเงินเก็บเอาไว้สำหรับซื้อบ้าน และอยากมีเงินไว้รองรับความมั่นคงในอนาคตนั่นเอง
ครอบครัวของเธอมิได้มีฐานะร่ำรวย พ่อของเธอเป็นผู้จัดการในโรงงานเล็ก ๆ ส่วนแม่ของเธอเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมหรู นี่คือความทรงจำที่เธอมีเกี่ยวกับครอบครัว แต่หลังจากที่เธอจบชั้นประถมศึกษา ปัญหาครอบครัวที่กินเวลามานานได้ระเบิดและถึงจุดแตกหัก!
พ่อแม่เลิกร้างกันไป โดยพ่อให้เหตุผลว่า เมียใหม่ทั้งสาวและสวยกว่าแม่ของเธอ!
ซึ่งหลังจากที่พ่อทิ้งแม่เธอไป แม่ของเธอก็จมอยู่กับความทุกข์มาเป็นปี แต่โชคดีที่ว่าความรักครั้งใหม่ ได้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง แม่ของเธอได้แต่งงานใหม่กับหนุ่มอิตาลี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเครื่องแก้วที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก
แล้วส้มเข่งใหญ่จึงตกใส่เธอและรินดาว พี่สาวฝาแฝดทันที...
พอแม่จดทะเบียนสมรสกับพ่อใหม่เรียบร้อย ทั้งเธอและพี่สาวจึงได้ย้ายไปเรียนไฮสกูลที่นั่นด้วย ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสามารถพูดและเข้าใจภาษาอิตาเลี่ยนได้ดี
แต่ทว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน!
อยู่ ๆ โชคชะตาได้เล่นตลกกับเธออีกครั้ง!!
พ่อของเธออยากได้ลูกสาวคนใดคนหนึ่งกลับมาอยู่เมืองไทย ประจวบเหมาะในช่วงเวลานั้นที่แม่ของเธอเสียชีวิต รินดาวพี่สาวฝาแฝดสอบได้ทุนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสาขาแฟชั่นดีไซน์ เธอที่คว้าน้ำเหลวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้จึงเดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ อีกทั้งต้องทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียน
โชคดีที่เธอพอมีพื้นฐานเรื่องภาษา เธอจึงผ่านสัมภาษณ์และได้ทำงานที่ค่อนข้างสบาย...
แต่คนเราไม่เคยมีคำว่าสมบูรณ์หรอก ถึงเธอจะโชคดีในเรื่องหน้าที่การงาน และสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่เธอก็มีปัญหากับแม่เลี้ยงใจร้ายเสมอ
ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงแยกตัวออกมาเช่าอพาร์ตเม้นต์ราคาไม่แพงอยู่ และนอกเหนือจากเรื่องครอบครัวแล้ว เธอยังไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักอีกด้วย ไม่ว่าเธอจะคบหากับผู้ชายคนไหน ทุกคนที่เข้ามาจีบเธอล้วนแต่เป็นผู้ชายเจ้าชู้ทั้งสิ้น เหมือนที่เธอเพิ่งเจอมาสด ๆ ร้อน ๆ
“เฮ้อ” จันทร์ฉายถอนหายใจให้ตัวเอง ก่อนเดินเลือกดูเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับสวย ๆ ไปเรื่อย ๆ เพื่อบรรเทาความเครียด
ถึงไม่ได้ซื้อ แต่ขอให้ได้ดู ได้สัมผัสก็ยังดี
พอหมดความสนใจในเรื่องเสื้อผ้าแล้ว หญิงสาวจึงเข็นรถเข็นมาเลือกซื้อผักสดและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหารสำเร็จรูปเพื่อนำไปประกอบอาหาร แต่ความรู้สึกเหมือนถูกใครสักคนสะกดรอยตามได้เกิดขึ้น...
จันทร์ฉายอยากให้สิ่งที่เธอคิด เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดจากการคิดไปเองเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่ใช่ มีชายชุดดำสองคนซึ่งเป็นชาวต่างชาติกำลังเดินตามเธออยู่!!!
หญิงสาวรีบหยิบรายการอาหารสดที่ต้องการใส่รถเข็นแล้วรีบไปชำระเงินทันที จากนั้นเธอจึงเรียกแท็กซี่กลับมายังที่พัก กำลังจะเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูเข้าตึกเท่านั้น ธวัชจึงโผล่มาให้เธอเห็นหน้าซะก่อน
ซึ่งการพบหน้าแฟนเก่าป้ายแดงอย่างไม่เคยคาดฝัน มิได้ทำให้เธอยินดีแม้แต่น้อย
นี่คือฝันร้ายสำหรับเธอชัด ๆ!
“สวัสดี จันทร์ฉาย”
ไม่ทักทายเพียงอย่างเดียว ธวัชยังถอดแว่นตาสวมกันแสงแดดออกด้วย
หญิงสาวสัมผัสได้ว่าไม่มีความล้อเล่นในน้ำเสียงของธวัชแม้แต่น้อย อีกทั้งชายหนุ่มยังยิ้มเย็นดูน่ากลัวให้กับเธอ
“คุณมาที่นี่ทำไม?”
“อย่าพูดแบบนี้สิที่รัก ฟังแล้วดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้”
ดวงตาของธวัชเป็นประกายดูน่ากลัว แต่ถึงจะน่ากลัวเพียงไหน รอบดวงตาที่โดนหมัดของเธอเข้าไปยังเขียวคล้ำอยู่ ก็ทำให้จันทร์ฉายอยากระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่ติดที่ว่า นี่มิใช่เวลาที่เธอจะมาล้อเล่นนั่นเอง
แน่นอนว่าเธอไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เมื่อธวัชยังตามมาตอแย ทั้งที่เธอเพิ่งกำจัดเขาออกจากสารบบไปเมื่อวาน!
“คุณก็รู้ว่าเราเลิกกันแล้ว”
“เลิกงั้นเหรอ?”
