บท
ตั้งค่า

บทที่9. มีเรื่องให้ตื่นเต้น

“รับน้ำส้มไหม”

“เอ่อ...ได้ก็ดีค่ะ”

สการ์เล็ตต์ย้ายสายตาจากภาพท้องฟ้าใต้ปีกเครื่องบินมาสบตาดวงตาสีเทาคู่อ่อนโยนเธอยื่นมือมารับแก้วน้ำส้มจากเขาแล้วยกขึ้นจิบที่ละน้อย โดยไม่กล้ามองใบหน้าคมเข้มที่แย้มยิ้มอย่างพอใจ

ยามาทอยากจะหัวเราะกับท่าทางขลาดๆ กลัวๆ แต่ฝืนทำใจแกร่งของหญิงสาวคนนี้นัก แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี เพราะสำหรับคนที่ไร้ญาติขาดมิตรแถมถูกคนรักหักหลังเป็นเรื่องที่น่าปวดใจเหลือจะบรรยาย และแน่นอนว่าจะให้ไว้ใจและเชื่อใจใครเหมือนเดิมนั้นคงไม่ได้

“หลับเถอ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง”

“คุณเดินทางแบบนี้บ่อยหรือคะ” เธอถามพยายามชวนคุยเพื่อกลบเหลื่อนความว้าวุ่นในใจ

“ไม่หรอก” เขาส่ายหน้าพับหนังสือพิมพ์เก็บ “ผมก็ไม่ค่อยชอบเดินทางหรอก แต่มันคุ้มค่าเวลาที่เราได้เป็นอิสระห่างไกลจากบ้านเกิด”

“คุณพูดเหมือนประเทศของคุณไม่มีเสรีภาพ” เธอตั้งข้อสังเกตและแอบคิดว่ามันทำให้พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนทำให้เธอเติบโตมาอย่างกำพร้าบิดา

“มันไม่ถึงขนาดนั้น” เขาถอนหายใจยาวไม่อธิบายยังไง “เอาเป็นว่าคุณไปถึงแล้วจะรู้เอง”

สการ์เล็ตต์เห็นชายหนุ่มไม่อยากพูดอะไรอีกจึงได้แต่หลบสายตาของเขาแล้วก้มหน้ามองฝ่ามือตัวเอง จะเรียกว่าอะไรดีนะ! ใจง่ายหรือ! หรือว่าอะไรดี? เธอมีเวลาเก็บข้าวของสำหรับเดินทางแค่ไม่กี่ชั่วโมง แถมเรื่องวีซ่าและพาสปอร์ต เขาเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างจนน่าอัศจรรย์ เขาคงเป็นคนที่มีอำนาจอยู่พอตัวทีเดียวที่สามารถเนรมิตทุกอย่างได้ในพริบตา เธอกับอายะช่วยเก็บเก็บเฉพาะสมุดบันทึกและจดหมายลายมือแปลกๆ ของแม่ซึ่งถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องไม้ใบเล็กๆ

เขาจะสั่งว่าเธอไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าอะไรไปมากมายแต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ และเธอต้องยอมรับว่านี่เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยนั่งเครื่องบิน ทว่าเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งชั้น Business class แบบนี้

‘อย่างน้อยที่สุดก็รู้ว่าประเทศที่ให้กำเนิดพ่อของเราเป็นยังไง’

ยามาทเหลือบมองข้างๆ ทันทีที่รู้สึกว่ามีอะไรบางสิ่งเอนพิงไหล่ของเขา แต่ภาพที่เห็นที่ทำให้เขายิ้มอ่อนโยนออกมา ใบหน้าหวานซึ้งที่เข้าสู่ห้วงนิทราหลับใหลซบไหล่ของเขา และความอ่อนแอเปราะบางถูกเปิดเผยออกมา นี่เป็นครั้งที่สองที่เขารู้สึกแบบนี้ ครั้งแรกคือที่โรงพยาบาลขณะที่เขาไปเยี่ยมเธอแต่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอนั้นซุกซ่อนใต้เปลือกตาและขนตายาวงามงอน

แม้ว่าเขาจะอายุใกล้สี่สิบแล้วแต่ก็ไม่อาจตอบตัวเองได้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงในใจได้ มันมีอะไรที่มากกว่าความอาทรของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชายหนุ่มถอนหายเบาๆ ราวกับกลัวลมหายใจของตนจะทำให้คนข้างๆ ตื่น เขาอายุขนาดนี้แล้วไม่น่าจะมีความรู้สึกเช่นหนุ่มสาวเกิดขึ้นอีก และโดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุห่างกับเป็นสิบปีอย่างนี้

สการ์เล็ตต์ตื่นตะลึงทันทีที่ทิวทัศน์บ้านเมืองที่แปลกตาที่นี่มีความเจริญมากกว่าที่เธอคาดคิดแม้ว่าจะไม่มีตึกสูงระฟ้าทว่าความทันสมัยก็ไม่ได้น้อยหน้าบ้านเมืองของใครเลย

แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นจนไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คือรัศมีที่ แฝงอำนาจของของแผ่กระจายไปทั่วเขาคงไม่ใช่แค่หมอธรรมดา แน่ เพราะตั้งแต่ก้าวลงจากเครื่องบินก็ได้รับการต้อนรับราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยทีเดียว รถที่มารับยังเป็นลีมูซีนสุดหรูหรานั่งสบาย

“คุณเหนื่อยหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ” สการ์เล็ตต์ส่ายหน้าไปมา “แต่ถ้าคุณเหนื่อย...”

“ผมไม่เหนื่อยกับเรื่องแค่นี้หรอก” ยามาทหัวเราะน้อยๆ “ผมจะพาคุณไปพักที่บ้านคุณลุงก่อน แล้วคุณรอผมที่นั่น ผมเก็บกระเป๋าแล้วต้องรีบไปทำงานก่อนถ้าไม่มีอะไรเย็นๆ ผมจะมารับไปทานดินเนอร์”

“ฉันยังไงก็ได้ค่ะ” เธอเกรงใจเขามากกว่าและไม่อยากเป็นภาระด้วย ปกติเธอพึ่งพาตัวเองมาตลอดไม่เคยต้องให้ใครมาคอยดูแลแบบนี้

“ผมห่วงว่าคุณจะใจร้อนรีบตามหาพ่อซะก่อน” เขายิ้มอย่างรู้ทัน “คุณยังไม่รู้จักที่นี่ดีพออาจจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสม”

“ฉันก็มีสามัญสำนึกดีพอว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ” เธอสะบัดพรืดอย่างไม่สบอารมณ์

“ถ้าคุณรู้ตัวก็ดี” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก “สรุปว่าคุณต้องรอจนกว่าผมจะกลับมา”

“ฉันไม่ชอบการรอคอย” เธอเอ่ยเสียแผ่วแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้พูดอะไรออกมา “เอาเป็นว่าฉันมีหน้าที่คอยจนกว่าคุณจะกลับมา”

“ถูกต้อง”

ยามาทพยักหน้ารับ เพียงครู่หนึ่งรถก็แล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ที่ดูภูมิฐาน สการ์เล็ตต์มองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าตนเองจะได้มาพักในสถานที่ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าเทียบกับร้านของเธอแล้วมันกลายเป็นรังหนูเล็กๆ ไปเลยทีเดียว ชายหนุ่มพาหญิงสาวเข้ามาในบ้านโดยมีคนรับใช้คอยช่วยถือกระเป๋า

“จันตรีอยู่ไหน” เขาเอ่ยถามหาแม่บ้านผู้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ จะว่าไปน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก

“แม่ใช้ให้จันตรีไปทำขนมของโปรดลูกเองจ๊ะ” เสียงอบอุ่นเอ่ยทักก่อนที่จะพาร่างงามสง่าของหญิงวัยห้าสิบเดินเข้ามาในห้อง

“คุณป้าฟาห์รา” เขาปราดเข้าไปทำความเคารพก่อนสวมกอด

“ไปแค่อาทิตย์เดียวเอง โดนเรียกตัวอีกกลับมาอีกแล้ว” ฟาห์ราถามยิ้มๆ แล้งปรายตามองไปทางหญิงสาวที่ยืนเขินอายอยู่ข้างๆ “จะไม่แนะนำหญิงสาวสวยคนนั้นหน่อยเหรอจ๊ะ”

“ขอโทษครับ” เขายิ้มละมุนพยักหน้าเรียกหญิงสาวเข้ามาใกล้ “นี่สการ์เล็ตต์ รูธ เพื่อนของผมครับ”

“เพื่อน?” ฟาห์รายิ้มมีเลศนัย “ลูกไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงมาบ้านนะ”

“เพื่อนครับ” เขาหัวเราะ “ผมทำให้เขาเดือดร้อนเลยขอใช้ความผิดด้วยการตามหาพ่อบังเกิดเกล้าของเขา”

“พ่อของหนูเป็นคนบาฮาเนียนหรือจ๊ะ” คราวนี้ฟาห์ราทำท่าตกใจจริงๆ แล้วพิจารณาใบหน้าและรูปร่างของหญิงสาวตรงหน้า แม้มีเรือนผมสีน้ำตาลแดงและดวงตาสีน้ำตาล ทว่ามีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเค้าโครงหน้าว่ามีเลือดชาวทะเลทรายเหมือนกัน

“สวัสดีค่ะ ดิฉันคงต้องขอรบกวนสักระยะ”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ นานๆ ยามาทจะมีเพื่อนมาหาที” คุณฟาห์รายิ้มอย่างเป็นมิตร “ลูกต้องรีบเข้าวังใช่ไหม”

“ครับ...ผมจะรบกวนคุณป้าดูแลเพื่อนของผมได้ไหม”

“ไม่มีปัญหาหรอกจ๊ะ” ฟาห์รายิ้มแล้วดึงมือของสการ์เล็ตต์มายืนใกล้ๆ “ลูกก็รู้ว่าแม่อยากได้ลูกสาวมานานแล้ว”

“มันไม่ใช่อย่างที่แม่เข้าใจนะครับ” ยามาทส่ายหน้าอย่างยอมแพ้

“ผมฝากเพื่อนผมด้วยแล้วกันผมต้องรีบไปทำงานแล้ว”

“ไปเถอะ แม่จะดูแลเพื่อนของลูกเอง”

ยามาทเดินเข้ามาใกล้ๆ สการ์เล็ตต์ เขาอยากจับมือให้ความเชื่อมั่นเธอ แต่ทำไม่ได้ จึงได้แต่มองไปที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอราวกับจะสื่อความรู้สึกบางอย่าง

“เดี๋ยวผมมานะ”

“ทราบแล้วค่ะ” สการ์เล็ตต์อยากแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขานัก ทำเหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้

ยามาทพยักหน้ารับแล้วเดินเลี่ยงไปทางห้องพักของเขา ฟาห์ราเห็นหลานชายที่ตนรักเหมือนลูกในไส้ เดินพ้นสายตาไปแล้วก็แตะไหล่หญิงสาวเบาๆ

“มาทางนี้เถอะ ห้องพักของแขกอยู่ทางนี้”

“ขอบคุณค่ะ” เธอเดินตามไปอย่างว่าง่าย

“หนูมาตามหาพ่อของหนูเหรอจ๊ะ” ฟาห์ราถามย้ำอีกครั้ง

“ใช่ค่ะ”

“แล้วพ่อของหนูชื่ออะไรเหรอ”

“ไม่ทราบค่ะ” เธอเอ่ยตอบเบาๆ ทำให้คุณฟาห์ราหันมามองอย่างงุนงง “หนูก็ไม่รู้ว่าพ่อจะทราบหรือว่ามีหนูอยู่บนโลก”

“แล้วแม่ของหนูละจ๊ะ” เธอรู้สึกสงสารจับใจ เธอเข้าใจดีว่าหญิง

สาวที่มาจากต่างแดนกับหนุ่มอาหรับนั้นมักเป็นตำนานรักยิ่งใหญ่ ทว่าจะมีสักกี่คู่ที่อยู่ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขนั้นเป็นเรื่องที่น้อยมาก

“คุณแม่ของหนูเสียแล้วค่ะ” เธอเอ่ยและยิ่งเศร้าใจเมื่อรู้คิดไปถึงร้านเล็กๆ ของเธอ ซึ่งกำลังจะหลุดมือจากไปเหมือนกัน

“โอ้ว! ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเศร้าใจ” ฟาห์รากอดหญิงสาวแน่นเหมือนจะถ่ายเทความอบอุ่นให้ “ระหว่างที่เธออยู่ที่นี่ฉันจะดูแลเธออย่างดีเหมือนเธอเป็นลูกของฉันเลยทีเดียวจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณ...ฟาห์รา”

ฟาห์ราหัวเราะน้อยๆ ออกมา “แย่จริง!ลูกชายฉันนี่ลืมแนะนำฉันกับเธอไปได้ยังไงนี่...ฉันชื่อฟาห์รา อัลบา เป็นภรรยาของคาร์ดัล อัลบาผู้เป็นที่ปรึกษากษัตริย์ราเฟย์แห่งบาฮาเนียจ๊ะ”

“ที่ปรึกษากษัตริย์ราเฟย์แห่งบาฮาเนีย” สการ์เล็ตต์ทวนคำอย่างตกใจนี่เธอได้มารู้จักคนใหญ่คนโตของประเทศเข้าให้แล้ว

“ลูกชายฉันไม่ได้บอกหรือจ๊ะ ตัวเขาเองก็เป็นแพทย์ประจำพระองค์เหมือนกัน”

“แพทย์ประจำพระองค์” สการ์เล็ตต์ทำหน้าเหวอ คราวนี้เธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ทำไมเขาสามารถเนรมิตอะไรได้รวดเร็วดั่งใจนัก มีคนเคารพนับถือตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาดินแดนแห่งทะเลทรายนี้

ยังมีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้นมากกว่านี้อีกไหมนะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel