บท
ตั้งค่า

บทที่8. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ยามาทจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งสงบทว่าในความนิ่งงันของเขานั้นมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวอยู่ภายใน กระแสความเคร่งเครียดแผ่นขยายมาถึงหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่นั่งเอนกายสบายๆ บนโซฟาตัวยาวใหญ่ในห้องพักของเขา

“เอกสารทุกอย่างถูกต้องใช่ไหมคะ” เรอิโกะเอ่ยถามอย่างไม่ต้องการคำตอบเพียงแค่ไม่ชอบความเงียบที่แผ่กระจายรอบห้องนี้มากกว่า

“ครับ...ถูกต้องทุกอย่าง” เขาถอนหายใจยาวอย่างไม่ปิดบังความขุ่นใจ “แต่คุณเคยตรวจสอบที่มาที่ไปของสิ่งที่คุณได้มาหรือเปล่า”

ใบหน้าหวานเปลี่ยนมาเข้มขึ้นทันที ดวงตาเรียวจิกมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เรอิโกะยกลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเผยทรวดทรงที่แสนเย้ายวนในชุดเดรสสีดำเข้ารูปที่เปิดเปลือยไหล่กลมมนน่าสัมผัส

“ฉันเป็นนักธุรกิจไม่ใช่ประชาสงเคราะห์จะได้คอยตรวจสอบประวัติใคร” เรอิโกะพยายามข่มความหงุดหงิดในใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครกล้าออกคำสั่งหรือขึ้นเสียงกับเธอเลยสักครั้ง “ฉันรู้แค่ว่าฉันจ่ายเงินถูกต้องและทำหนังสือสัญญาตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการโดยไม่ได้ไปบีบบังคับให้ใครขายร้านห่วยๆ นั้น”

“เรอิโกะ” เขาครางชื่อเธอออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนลุกขึ้นยืนจับไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างของเธอ “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ถ้าผมขอให้คุณเปลี่ยนใจสร้างร้านจิวเวอรี่ตรงอื่นได้ไหม”

“คุณหมอยามาท” เรอิโกะกรีดเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “คุณพูดอะไรออกมาคะ”

“ผมไม่ได้ห้ามคุณทำร้าน” เขาถอนหายใจยาว “ผมแค่ขอให้เปลี่ยนทำเลที่ตั้งของร้าน คุณจะใช้เงินเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่อง”

“ไม่เป็นปัญหา! พระเจ้า! คุณพูดออกมาได้ยังไง” เรอิโกะปัดมือของเขาออก “ฉันต้องใช้เวลาเท่าไหร่ค่าใช้จ่ายอีกเท่าไหร่ในการประเมินว่าที่ตรงไหนเหมาะกับร้านของฉัน มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรอกคะหมอยามาท”

“ใช่...ผมเริ่มดูออกแล้วละว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน”

ยามาทเอ่ยเสียงเครียด เขาพอจะดูออกว่าหญิงสาวต้องการเอาชนะมากกว่าสิ่งอื่นใด เขายอมรับว่าเรอิโกะมีความหมายต่อเขา แต่ผู้หญิงที่ทำตัวไร้เหตุผลมันก็สร้างความน่าเบื่อให้ชีวิตเหมือนกัน

“สรุปว่าคุณไม่เปลี่ยนใจ”

“ใช่ค่ะ” เธอเชิดหน้าอย่างท้าทาย

“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปคุยกับเจ้าของร้านอีกครั้ง” เขาเดินไปหยิบเสื้อนอกมาสวมทับ ขยับจับแต่งตัวเองให้เรียบร้อย

“เดี๋ยวค่ะหมอยามาท” เรอิโกะตกใจกับท่าทีเย็นชาของยามาท แต่กว่าเธอจะวิ่งไปหาเขา ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวพ้นประตูออกไปไกลแล้ว

“บ้าจริง! มันเรื่องอะไรกันแน่!” เรอิโกะกัดฟันด้วยความโมโหแล้วเดินกระแทกส้นเท้ากลับเข้ามาในห้องของตนอีกครั้ง

มันไม่ใช่ที่เขาต้องวุ่นวาย หรือเพราะตัวเขาทำให้เรื่องเหล่านี้มันวุ่นวายกันแน่

ยามาทถามตัวเองในใจขณะขับรถมุ่งหน้าไปร้าน Once เขายอมรับว่าเบื่อผู้หญิงที่เอาแต่ใจและใช้แต่อารมณ์ของตนมากกว่าจะพูดคุยด้วยเหตุผล นี่คงเป็นปัญหาของคนแก่ละมั้ง! ทั้งเรอิโกะกับสการ์เล็ตต์ มีบางสิ่งที่คล้ายกันคือการใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ทว่าเขากลับรู้สึกสงสารและเมตตาสการ์เล็ตต์มากกว่า อาจเพราะจากการที่ใช้ให้เลขาฯ สืบประวัติของสการ์เล็ตต์ รูธ หญิงสาววัยยี่สิบสองที่สูญเสียมารดาไปเมื่อสองปีก่อน ส่วนบิดาของเธอนั้นไม่ปรากฏชื่อเสียงเรียงนาม และคาดเดาได้ว่าแม้แต่ตัวเธอเองคงไม่รู้ เพราะถ้าเธอล่วงรู้ว่าบิดาของเธอคือใคร คงไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเผชิญชะตาที่โดดเดี่ยวเช่นทุกวันนี้

แน่นอนว่าความโดดเดียวของเธอทำให้หลงชื่อ ผู้ชายที่ชื่อ แบรด ดอว์สัน โดยไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่! ได้ทำการอันน่าอับอายที่ผู้ชายมิควรกระทำ คือการหลอกเอาเงินและร้านของหญิงสาวไปขาย เพื่อเอาเงินทั้งหมดไปเล่นพนันฟุตบอล!

หัวใจของเขาปวดร้าวเพียงเห็นใบหน้าหวานซึ้งเปื้อนน้ำตา ดวงตาคู่สวยโศกเศร้ายิ่งทำให้แสนปวดใจ แต่กระนั้นเธอก็ยังซ่อนความแข็งแกร่งและหยิ่งทระนงให้เขาเห็นโดยการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

มันเป็นคุณสมบัติของหญิงสาวชาวทะเลทรายอย่างพวกเขาชัดๆ!

ยามาทรู้สึกแปลกใจที่ตนเองคิดไปไกลถึงขั้นนั้น ทว่าเมื่อลองพิจารณารูปหน้าและโครงสร้างทางร่างกายที่ซุกซ่อนภายใต้เสื้อผ้าหลวมๆ นั้น มันบอกว่าเธอไม่ใช่ชาวอังกฤษแน่ๆ

“เธอเป็นใครกันแน่ สการ์เล็ตต์ รูธ”

“ฮัดเช่ยยยย!”

“เป็นอะไรไปจ๊ะสการ์เล็ตต์” อายะถามขณะช่วยจัดการแพ็กตุ๊กตาใส่กล่องกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่

“ไม่รู้ซิ มันคันจมูกชอบกล” สการ์เล็ตต์ขยี้จมูกตัวเองจนเป็นรอยแดง “สงสัยจะแพ้ฝุ่น”

“ฉันว่าเพราะเธอยังไม่แข็งแรงดีต่างหากละ” อายะย่นจมูก “เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานเอง”

“ถ้าอยู่เฉยๆ นานๆ ฉันจะยิ่งอาการหนักกว่าเก่านะซิ”

สการ์เล็ตต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหยิบเอาตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมากอด เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกับชีวิตเหมือนกัน แต่การอยู่เฉยๆ ก็จะยิ่งทำให้เธอกลุ้มใจเปล่าๆ เธอไม่อาจคาดหวังในคำพูดของผู้ชายคนนั้นได้ ทว่าแต่เธอก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าร้านของแม่ร้านนี้จะกลับสู่มือเธอดั่งที่เขาลั่นวาจาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องจัดสินค้าตุ๊กตาทำมือหนึ่งร้อยตัวให้เขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับเงินก็ตาม

ตอนนี้แบรดหายไปไหนไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งลุงคูเป้ก็จนปัญญาจะตามหาหลานชายตนเอง เธอเองก็อยากเจอเขาเหมือนกับคนอื่นๆ เธออยากได้ยินจากปากของเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอ แม้ว่าจะเข้าใจว่า ‘ผีพนัน’ เมื่อเข้าสิงใครแล้วนำพามาแต่เรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น ทว่าเธอก็อยากได้ยินความจริงจากปากของเขา สิ่งที่เขาเคยพูดกับเธอมาตลอดมีความจริงอยู่ในนั้นบ้างไหม

“คุณหายดีแล้วหรือไงถึงลุกมานั่งทำงาน”

เสียงดุๆ และเฉียบขาดดังทันทีที่บานประตูร้านถูกเปิดออก สองสาวหันขวับไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน อายะแอบยิ้มแล้วย่องออกไปทิ้งให้สการ์เล็ตต์ที่ยังนั่งงงอยู่กับพื้นเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

“คุณจะมายึดร้านฉันแล้วเหรอ”

ยามาทอ้าปากค้างก่อนส่ายหน้าระอาใจ เขาก้าวช้าเข้ามานั่งบนส้นเท้าข้างหญิงสาวที่ยังจมอยู่กับกองตุ๊กตา มือใหญ่หยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมาดูหน้าของมันแล้วยิ้มออกมา

“ทำไมคิดว่าผมจะใจร้ายกับตุ๊กตาเหล่านี้ได้ละ”

“คุณจะคืนร้านให้ฉันหรือคะ”

คราวนี้เขาทำหน้าเครียดขึ้นมา “คุณจะไม่เชิญผมนั่งก่อนเหรอ”

“เอ่อ...” สการ์เล็ตต์อึกอักอย่างเพิ่งนึกได้ พอหันไปหาเพื่อนก็พบเพียงความว่างเปล่าไม่รู้ว่าเพื่อนของตัวเองหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “เชิญค่ะ”

ยามาทยิ้มอ่อนโยนแล้วลุกขึ้นยืน เขายื่นมือส่งให้หญิงสาวเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น สการ์เล็ตต์มองมือใหญ่ที่หงายฝ่ามือตรงหน้าก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีเทาคู่นั้น คล้ายมีความห่วงใยและจริงใจอยู่เต็มเปี่ยม เธอยื่นมือไปสัมผัสกับมือใหญ่อย่างขลาดๆ ยามาทกระชับมือน้อยๆ ในอุ้งมือแล้วออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนได้ไม่ยากนัก หญิงสาวขยับแว่นสายตาแล้วเดินนำไปนั่งที่ชุดรับแขกมุมหนึ่งของร้าน

“ตอนนี้รวบรวมตุ๊กตาได้เกือบครบแล้วค่ะ”

ยามาทหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ ท่าทางผ่อนคลายของเขาทำให้สการ์เล็ตต์เดาไม่ถูก

“หรือเรื่องร้านคะ” เธอกลั้นใจถามพลางเชิดหน้าขึ้น “ถ้าคุณจะมายึดร้านจริงฉันจะขอสู้สุดตัว”

“จะสู้ยังไงเหรอ” เขายามเสียงยานคางเหมือนคนเกียจคร้าน

“ฉันจะฟ้องศาลค่ะ”

“เป็นวิธีที่ดี” เขาพยักหน้ารับ “ผมรู้สึกคอแห้งจัง...จะไม่บริการน้ำสักแก้วหรือครับ”

“เอ่อ...ได้...ได้ค่ะ” สการ์เล็ตต์สับสนกับท่าทางของเขา แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาแล้วรินชาใส่ “คุณลองดื่มชาร้อนไหมคะ เพื่อนฉันที่เป็นคนญี่ปุ่นบอกว่ามันช่วยแก้กระหายได้ดี”

“ผมก็เคยได้ยินมา” เขารับชาร้อนมาจิบที่ละนิดแต่ดวงตาของเขาจ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้า เธอรู้สึกร้อนผ่าวจนไม่รู้จะเอามือไม้ของตนไว้ไหน “ได้ผลจริงด้วย”

“ตกลงคุณมาทำอะไรคะ”

“ถามตรงจริงๆ” เขายิ้มกว้างนานแล้วที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้ “มันเป็นคำถามทีคุณเตรียมไว้นานแล้ว”

“เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบค่ะ” เธอเชิดหน้าอย่างท้าทาย

“นั้นเอาเรื่องตุ๊กตาของผมก่อนดีกว่าไหม”

“เรื่องร้านนี้ก็เป็นปัญหาของคุณด้วย” เธอเตือน

“ผมอยากคุยเรื่องเบาๆ ก่อน” เขาเอ่ยแล้วยื่นถ้วยชาส่งคืนให้

“ตามใจคุณเถอะค่ะ เพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องคุยทั้งสองเรื่องอยู่ดี” เธอกอดอกแน่นเหมือนวางท่าแท้จริงข่มความสับสนและตื่นเต้นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

“เรื่องตุ๊กตาหนึ่งร้อยตัวผมไม่ได้ติดใจอะไร เงินแค่นั้นมันไม่ใช่ปัญหา” เขายักไหล่แล้วนั่งในท่าสบายๆ ชวนให้คนฟังผ่อนคลายมากขึ้น “ผมยินดีจ่ายเงินให้คุณเต็มจำนวน ขอให้ได้ตุ๊กตาที่ผมต้องการ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้นักเพราะผมไม่ได้เอาตุ๊กตาไปขายต่อทำกำไร ผมจะเอาไปให้เด็กในโรงพยาบาลที่ผมดูแลอยู่ ซึ่งคุณอาจจะต้องลำบากนิดหน่อยเพราะผมจะกลับประเทศในอีกไม่กี่วันนี้”

“ฉันมีตุ๊กตาทำมืออยู่แค่หกสิบกว่าตัวเอง” เธอพึมพำเบาๆ “มันต้องใช้เวลานิดหน่อยกว่าจะครบที่คุณต้องการ”

“ผมจะนำเท่าที่มีไปก่อน” เขาพยักหน้ารับ “ที่เหลือคุณทำเสร็จเมื่อไหร่ก็ส่งตามไปได้”

“แล้วเรื่องร้านละคะ ถ้าไม่มีร้านนี้ฉันก็ทำงานไม่ได้”

“เรื่องนี้ทำให้ผมลำบากใจจริงๆ” เขาสารภาพออกมา “เพราะว่าคนที่ซื้อร้านของคุณไม่ยอมคืนร้านนี้ให้”

“ทำไมละคะ” เธอแทบจะตะโกนใส่หน้าเขา “ก็ชื่อบริษัทฯคุณเป็นคนซื้อนี่”

“ใช่...บริษัทของผม แต่ว่าคนที่ต้องการร้านนี้ไม่ใช่ผม...มันไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ...”

“คุณช่วยพูดอะไรที่มันเข้าใจง่ายๆ หน่อยได้ไหมคะ” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาที่ละนิด “ตกลงใครซื้อร้านของฉันกันแน่”

“โอเค.” เขาจำใจต้องพูดตรงไปตรงมาเพื่อเข้าใจง่ายที่สุด “คือ...ผู้หญิงของผมต้องการขยายสาขาร้านจิวเวอรี่และทำเลที่ตั้งร้านคุณเข้าตาเขา ผมก็เป็นออกทุนสนับสนุนความต้องการของผู้หญิงของผม โดยให้เลขาฯจัดการรายละเอียดทุกอย่างโดยไม่รู้ว่าที่ดินที่ได้มาเจ้าของไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ”

“ผู้หญิงของผม...” สการ์เล็ตต์ทวนคำพูดของเขาแล้วขมวดคิ้ว “ไม่ใช่คนรักเหรอ”

“คุณสนใจว่าผมมีคนรักหรือเปล่า...อย่างนั้นหรือ” เขายิ้มที่มุมปาก

“ไม่ใช่อย่างนั้น!” เธอเกือบจะเผลอร้องหวีดใส่หน้าเขา

“มันเป็นเรื่องบังเอิญ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ใช่การกลั่นแกล้งคุณ”

“คุณกำลังจะบอกว่า...ผู้หญิงของคุณไม่ได้หึงคุณจนหน้ามืดตามัวมาเอาร้านของฉันไป...ใช่ไหม” เธอยกมือขึ้นเท้าเอวทั้งสองข้าง แต่การทำท่าขึงขังของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้เขา

“ถูกต้อง”

“แล้วที่คุณหัวเราะนี่...เพราะเห็นความทุกข์ของฉันเป็นเรื่องสนุกใช่ไหม”

“มิได้ครับ” เขายิ้ม “มันเป็นเรื่องเศร้าที่ผมไม่รู้จะกล่อมผู้หญิงของผมยังไงให้ปล่อยที่ร้านนี้กลับคืนให้คุณ ไม่ว่าผมจะเสนอข้อแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าร้านนี้เท่าไหร่ คำตอบของเธอก็คือไม่”

“ฉันจะต่อสู้ในชั้นศาล” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “ไม่ว่ายังไงฉันต้องเอาร้านนี้กลับให้ได้”

“โดยที่คุณก็รู้ว่ามันแทบไม่มีหนทางเลยงั้นเหรอ” เขายอมรับในจิตใจที่เด็ดเดี่ยวของเธอ

“คุณไม่เข้าใจ” เธอเอ่ยเสียงเศร้าแล้วไล้นิ้วมือตามชั้นวางของในร้าน “ร้านนี้ไม่ใช่แค่ร้านขายสินค้าแฮนด์เมดเท่านั้น แต่มันเป็นสถานที่...ที่พ่อกับแม่ได้พบกัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบคุณคงไม่มีวันเข้าใจหรอก”

“คุณคิดไปเองว่าคนคนอื่นไม่เข้าใจคุณ” เขาพลอยรู้สึกหม่นเศร้าไปกับน้ำเสียงกลั้นสะอื้นของเธอ “คุณเองก็ไม่ได้รู้ว่าคนอื่นเคยเจออะไรมามากแค่ไหน จะว่าไปคุณก็ยังโชคดีที่มีร้านนี้เป็นเครื่องดูต่างหน้าคุณพ่อกับคุณแม่”

“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเป็นใคร” สการ์เล็ตต์ไม่กล้าสบตากับเขา “ฉันทำของที่ระลึกซึ่งเป็นตัวแทนของพ่อที่ให้แม่ไว้หายไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ก็เหลือแต่ร้านนี้เท่านั้น ถ้าร้านนี้หลุดมือไปฉันคง...”

“คุณไม่รู้เลยหรือว่าพ่อของคุณเป็นใคร?”

“ไม่ค่ะ...” เธอส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่กล้าถามแม่...ตอนที่แม่ยังอยู่เวลาฉันถามเรื่องพ่อแม่จะร้องไห้บ่อยๆ จนฉันไม่กล้าถาม รู้แค่ว่าพ่อเป็นชาวบาฮาเนียนมาจากประเทศบาฮาเนีย”

“จริงหรือนี่” เขาครางออกมาอย่างไม่เชื่อ คำบอกเล่าของเธอทำให้เขาจ้องเขม็งที่ร่างบอบบางตรงหน้า “ผมก็เคยคิดว่าคุณไม่น่าจะเป็นคนอังกฤษแท้”

ยังไม่ทันที่ยามาทจะเอ่ยอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังเสียก่อน เขาล้วงมือหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกรอกเสียงสนทนาเป็นภาษาบาฮาเนียน

‘นี่นะเหรอ...ภาษาของพ่อ...’

สการ์เล็ตต์ยืนฟังอย่างตกตะลึงระคนตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินภาษาอาหรับแปลกหู เธอไม่รู้หรอกว่าชายตรงหน้าพูดคุยเรื่องอะไรแต่ที่เธอรู้สึกคือเหมือนได้เข้าใกล้พ่อ ผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัสไม่เคยแม้กระทั้งจะรู้ชื่อหรือหน้าตา ความโดดเดี่ยวโอบรัดแน่นจนหัวใจเจ็บ

แต่เพียงแค่คิดว่าเธอยังมีพ่ออยู่ หัวใจมันก็พองโตขึ้นมาอย่างประหลาด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้สึกโหยหาอยากเจอพ่อนัก แต่ครั้งนี้คำว่าพ่อกลายเป็นสิ่งเหนียวรั้งจิตใจของเธอ

“ไม่รู้ว่ามันเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย” ยามาทเอ่ยขึ้นเรียกสติของหญิงสาวกลับมา

“เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ผมต้องกลับประเทศของผมด่วน” เขาระบายลมหายใจหนักๆ ไม่เก็บอาการเคร่งเครียด

ยามาทมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลหลังนอนซมอยู่สามวันสามคืน ท่าทางของเธอแสนจะอิดโรย แม้ว่าได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสภาพจิตใจจะได้พักฟื้นเต็มที ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่ ไม่ว่ารู้เรอิโกะจะหาทางเอาร้านนี้ไปด้วยวิธีไหน คนชอบเอาชนะอย่างเรอิโกะคงไม่มีทางปล่อยร้านนี้ไปง่ายๆ อยู่แล้วแม้ว่าเขาจะมีข้อเสนอใหม่ที่ดีกว่าก็เถอะ แล้วเขาจะปล่อยผู้หญิงที่อ่อนแอไว้ตามลำพังได้ยังไงกัน

“แล้วเรื่อง...” เธอกังวลเรื่องร้านของตัวเอง แต่พอเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเขาแล้วก็ได้แต่กลืนคำพูดของตัวเองลงคอ

“คุณอยากตามหาพ่อของคุณไหม”

“เอ๊ะ! คุณว่าอะไรนะคะ” สการ์เล็ตต์ถามออกไปอย่างตกใจ “ตามหาพ่อ...”

“คุณไม่อยากรู้ว่าพ่อของคุณเป็นใครเหรอ”

“ฉันไม่มีข้อมูลอะไรเลย” เธอพึมพำ “แล้ว...บางทีพ่ออาจจะไม่รู้ว่ามีฉันอยู่ก็ได้... เขาอาจจะไม่เต็มใจไม่ต้อนรับฉัน หรือแม้กระทั่ง...เขาอาจไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้”

“แปลกใจที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้” เขาแสร้งทำหน้าดูแคลน “ที่เรื่องร้านนี้คุณยังทุ่มสู้สุดตัวทั้งที่ไม่เห็นวี่แววว่าจะได้ร้านกลับคืน แต่ทีกับเรื่องของพ่อคุณเอง...คุณกลับท้อทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย”

“แต่นี่มันไม่เหมือนกัน” เธอยังพยายามหาข้อแก้ตัว

“เอางี้” เขาสรุป “คุณตอบผมมาเลยดีกว่าว่าอยากเจอพ่อของคุณไหม”

“ฉัน...”

“ตอบมาว่าอยากเจอหรือไม่อยากเจอ” เขารู้สึกเหมือนเป็นหมอที่ต้องดุคนไข้เล็กๆ ยังไงไม่รู้

“ยะ...ยะ...อยากเจอคะ” เธอสารภาพตามตรง

“ถ้างั้นคุณไปกับผม” เขาลุกขึ้นยืน

“ไปกับคุณ!” เธอทำตาโตเพราะตกใจ “ทำไมฉันต้องไปกับคุณ”

“เพราะว่าคุณไม่รู้จักใครในบาฮาเนีย” เขายิ้มอย่างเหนือกว่า “คุณจะเข้าบาฮาเนียในฐานะเพื่อนของผม และเพราะคุณเป็นเพื่อนผมจะไม่มีใครมายุ่งกับร้านนี้ของคุณ และระหว่างที่คุณสืบเรื่องราวของพ่อคุณผมจะให้คนที่นี่ตามหามิสเตอร์แบรด ดอว์สัน ถ้าเราเจอตัวผู้ชายคนนี้เรื่องเอาร้านคุณกลับก็ไม่ยากแล้ว”

“แต่ฉันทิ้งร้านไปไม่ได้” เธอส่ายหน้าจนผมยาวรุ่ยร่าย

“ได้! ไปเลย ทางนี้ฉันกับลุงคูเป้จะช่วยดูแลเอง”

“อายะจัง” สการ์เล็ตต์เพิ่งรู้ว่าเพื่อนรักแอบฟังอยู่หลังบานประตู

“ขอโทษที่แอบฟังค่ะ” อายะโผล่หน้าเข้ามาแล้วยิ้มทะเล้น “แต่ฉันว่าความคิดของคุณยามาทดีที่สุดเลย”

“แต่เธอจะดูร้านยังไง ต้องไปเรียนด้วยนี่”

“โอ๊ย! ฉันก็ไม่ได้ไปเรียนทั้งวันเสียหน่อย แล้วร้านเนี่ยก็เปิดตามใจคนขายอยู่แล้ว” อายะยั้งปากไว้ได้ทัน ถ้าจะให้พูดว่า ร้านนี้แทบไม่มีคนเข้าอยู่แล้ว...ถ้าร้านนี้เสียค่าเช่าที่ละก็...มีหวังแย่แน่ๆ

“ขอเวลาตัดสินใจก่อนได้ไหมคะ”

“ผมมีเวลาแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น” เขาเอ่ยเหมือนจะบังคับในที

“ฉันยังไม่ได้ทำวีซ่ากับพาสปอร์ตเลย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้ในครึ่งชั่วโมง” เขายิ้มกว้าง นานๆ ครั้งเขาถึงจะใช้ ‘สิทธิพิเศษ’ สักครั้ง “คุณเตรียมแค่ของอะไรก็ได้ที่มันสามารถเชื่อมโยงถึงพ่อของคุณ ไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือสมุดไดอารี่ เสื้อผ้าอะไรก็ไม่ต้องเตรียมหรอกเดี๋ยวผมจัดการให้ดีกว่า”

“ทำไมคะ” สการ์เล็ตต์ก้มมองเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ “เสื้อผ้าฉันมันทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก เสื้อผ้าสาวอังกฤษอาจไม่เหมาะกับดินแดนทะเลทรายนัก” เขากลั้นหัวเราะ คงพูดความจริงไม่ได้ว่ามันเชยขนาดไหน

“เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” อายะรีบอาสาทันที

“ผมฝากด้วย วันนี้ต้องขอตัวก่อนนะครับ” ยามาทยิ้มให้สองสาวแล้วเดินออกจากร้านไป เมื่ออายะแน่ใจว่าชายหนุ่มออกไปแน่แล้วเธอก็กระโดดโลดเต้นดีใจจนสการ์เล็ตต์เวียนหัว

“นี่เป็นโอกาสดีที่เธอจะได้เปิดหูเปิดตานะสการ์เล็ตต์”

“ฉันไม่ได้ไปเที่ยวนะ”

“สการ์เล็ตต์” อายะจับมือเรียวของเพื่อน “เลิกทำตัวเหมือนคนแบกโลกไว้สักทีเถอะนะแล้วทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง”

สการ์เล็ตต์นิ่งไปเพราะคำพูดของเพื่อนสาว เธอจำไม่ได้แล้วครั้งสุดท้ายที่ตัวเองให้รางวัลกับตัวเองนั้นเมื่อไหร่กัน สูดลมหายใจเขาปอดลึกๆ แล้วมองไปรอบๆ ร้าน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องรักษาร้านนี้ให้ได้!.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel