บท
ตั้งค่า

6

“คนรับรองคนไหน? ผมยาวหรือผมสั้นคนนั้น”

“ผมสีน้ำตาลอัลมอนต์ครับ ที่หิ้วกระเป๋าจระเข้...”

“สวยดีนี่ ตาถึง แต่ว่าฉันไม่ชอบรสนิยมนั่นเท่าไร ฉันเห็นจระเข้ตัวเมียโดนเชือดก่อนกลายเป็นกระเป๋าสีขาวแสนสวยของหล่อน แล้วแต่งตัวแบบนี้น่ะ คนเขาเรียกว่า ‘เซลล์’” นายจันมองหาคนไกลด้วยดวงตาที่สามารถมองได้ไกลลิบ มากสุดคงมองได้เป็นกิโลฯ แม้ว่ามันอาจไม่ชัดเจนนักแค่เห็นว่าแต่ละคนกำลังทำอะไร

จากนัยน์ตาเป็นประกายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลทรงเสน่ห์เช่นเดียวกับคนน้อง พวกเขามีใบขับขี่! ใบรับรองแพทย์ที่บ่งบอกอาการของสายตาอันเฉียบคมว่าเป็นการทำงานผิดปกติของกลุ่มแยกแยะสีในตา อาการไม่ร้ายแรง สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป

นายจันมีเอกสารครบ ส่วนเรื่องอะไรต่อมิอะไร คนเป็นนายออกนอกบ้านมากกว่าก็จะรู้มากกว่า

“เซลล์? หมายถึง seller อะไรประมาณนั้นน่ะหรือครับ”

“ใช่ ตอนนี้เรียกเซลล์ เซลล์ขายของ พนักงานขายทำงานกันเป็นกลุ่ม ก็แล้วแต่ว่าขายอะไร ยุค ๆ นั้นก็เรียกพนักงานขายนี่แหละ แกคงยังไม่ชิน”

“จากการแต่งตัวแล้วผมพอเดาได้ว่าเธอขายอะไร เฮ้อ... คนในยุคนี้ช่างโหดร้ายทารุณ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนายคล้าวหันไปบอก “อย่าลืมนะครับว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน พี่เป็นสถาปนิกมารับงานที่นี่ ส่วนผมอยากมาซื้อของล็อตใหญ่ไปเปิดร้านย่านประตูน้ำ สุขุมวิท ตามนี้นะครับ”

นายจันมองหน้าน้องชายจำเป็น ไม่ทันได้ทักถามว่าร้านขายของอะไร เพราะหญิงสาวแปลกหน้าเดินมาหาพวกเขาพอดี สาวร่างอ้อนแอ้นในเชิ้ตสีขาว กระโปรงสั้นประเข่าคลุมทับไว้ด้วยสูท มือกอดแฟ้มเอกสาร นายคล้าวผุดยิ้มเต็มวงหน้า เผลอส่งเสียงดัง

“แม่แก้ว!”

“ไม่ใช่ค่ะคุณ... ฉันกัญญาวีร์ เป็นหัวหน้าเซลล์ที่ฟาร์มนี้ ฟาร์มเรามีโชว์จระเข้ข้างใน มีโรงงานจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย...”

“โรงงาน...?” นายจันแทรกถามขึ้นมา สาวสวยฉีกยิ้มแฉ่ง ผายมือออกกว้างด้วยท่าทีแสนภาคภูมิใจ

“ใช่ค่ะ! โรงงานผลิตหนังจระเข้อย่างดี หนังจระเข้ของฟาร์มเราเป็นแบรนด์ใหญ่ติดตลาดทั้งกระเป๋ารองเท้า เราส่งสินค้าให้ร้านค้าปลีกแม้แต่งานขึ้นห้าง งานส่งนอก เรามีโรงงานผลิตเนื้อจระเข้ตั้งอยู่ในอีกจังหวัด ได้รับใบอนุญาตขายจระเข้อย่างถูกต้องค่ะ เนื้อจระเข้เมนูดังที่นี่ก็อร่อยนะคะ ว่าแต่...” เงียบไปแล้วกลอกตาไปมาเพราะลืมตัว ลืมถามว่าใช่ลูกค้าไหม!

“คุณคลาวด์นะคะ?”

“ครับ ผมคลาวด์ครับ นี่พี่ชาร์ลพี่ชายผมเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณกัญญาวีร์” เขาแนะนำให้พี่ชายรู้จักด้วยซึ่งนายจันได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง เมื่อหญิงสาวยกมือไหว้พวกเขา ก่อนจะปัดผมตัวเองอย่างเก้อเขิน

“เอ่อ... รู้สึกอายจัง ฉันขายของเก่งไปหน่อยค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ดูคุณกัญญาวีร์สนใจงานเกี่ยวกับหนังจระเข้ดี ผมไม่ผิดหวังที่มา”

กัญญาวีร์หัวเราะแห้ง “เรียกฉันว่ากันก็ได้นะคะ ชื่อจริงฉันคงจะยาวไป ตามฉันมาทางนี้เลยค่ะ” ผายมือเชื้อเชิญ เดินนำทางสองหนุ่มพลางแนะนำสถานที่ในฟาร์มจระเข้อย่างเชี่ยวชาญ ยังเลือกใช้ทางลัดผ่านสวนหย่อมเล็ก ๆ เพื่อตรงไปยังห้องอาหาร

กัญญาวีร์เพิ่งสังเกตเห็นด้วยว่าเหล่าสาวน้อยใหญ่แต่ละนาง เหลียวคอมองตามเธอทุกย่างก้าวเดินราวกับว่าเป็นผู้โชคดี มีหนุ่มหล่อลากกระชากตับขนาบข้างทั้งซ้ายขวา! จะว่าเป็นลูกครึ่งออกไปทางจีน ฮ่องกง ผสมแขกขาวนิด ๆ หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ขณะที่ชายทั้งสองมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะผู้ชายตัวโต คิ้วเข้มหนาที่เรียบขนานเหนือดวงตาคู่คมปลาบขมวดมุ่น คร่ำเครียดตลอดเวลา

“คุณยายกันชอบเรียกกันว่าแก้วนะคะ แปลกที่คุณคลาวด์เรียกขึ้นมา แปลกมาก ๆ เลยค่ะ”

“คุณกันชื่อเล่นชื่อแก้วหรือครับ?” นายคล้าวถามแทนเจ้านายที่เงียบกริบ คงรู้ตัวแล้วล่ะว่าเขากำลังจะทำอะไร

“ชื่อกัญญาวีร์ค่ะ กันไม่ชอบชื่อแก้วเลย กันว่ามันโหลน่ะค่ะ โบร้าณณโบราณ แต่ว่ากันนี่สะกดด้วย น หนูนะคะ ถ้ากัญฯ เหมือนชื่อจริง กันนึกถึงกัญชาค่ะ” เธอยกมือป้องปากหัวเราะด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี อาจจะเพื่อละลายพฤติกรรมลูกค้าด้วย เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังคิดอะไร จะตกลงซื้อสินค้ากับเธอไหม

ฝั่งนายคล้าวเองก็ไม่รู้ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการหรือเปล่า เขาแกล้งหัวเราะตามพอเป็นมารยาท ตามองไกล ๆ ไปทางถัดจากบ่อจระเข้ขนาดใหญ่ ความจุจระเข้นับพันตัว

ฟาร์มจระเข้นี้กว้างขวางพอสมควร ต่างคนเดินกันช้า ๆ มาถึงร้านอาหาร หน้าโต๊ะสำหรับลูกค้า VIP คลุมไว้ด้วยผ้าปูสีขาวปักด้วยลูกไม้อย่างงดงาม มันถูกจองไว้ก่อนหน้านี้ผ่านการติดต่อจากหน้าเว็บไซต์ มีการวางเงินมัดจำจำนวนหนึ่ง สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าราคาปลีกก่อนเข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย

“กันต้องขอโทษที่ให้รอด้วยนะคะ ยังไงกันขออนุญาตเลี้ยงข้าวคุณคลาวด์คุณชาร์ลสักมื้อ”

“ให้ผมจ่ายดีกว่าครับ ผู้หญิงจ่ายเงินแล้วรู้สึกไม่ดี” ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผู้อาวุโสสุดเงียบนานแล้วจึงไม่อยากเสียมารยาท

“เดี๋ยวพี่จ่ายเองครับน้อง ๆ พี่แก่สุดจะมาให้เด็กจ่ายได้ยังไง ทานกันให้เต็มที่เลยนะ” เขาหันไปทางหญิงสาวที่พยักหน้า ยกมือประนมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม “ขอบคุณค่ะคุณชาร์ล งั้นไม่เกรงใจนะคะ กันทานเก่งนะ”

“ดีครับ รับปากว่าจะทาน ต้องทานเยอะ ๆ นะครับ ระดับพี่ชายผมเปย์หมดร้านไหว สบายมาก”

เสียงหัวเราะดังระคนกันไปหลังผูกมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน จู่ ๆ กัญญาวีร์กลับเอียงคอ ขมวดคิ้วนิ่วหน้าสงสัยตัวเองว่ายกมือไหว้ลูกค้าทำไม อย่างมากก็ควรจะทำแค่ขอบคุณ ฉีกยิ้มหวาน ไม่สิ... ไม่ใช่นิสัยของเธอด้วยซ้ำ

ขณะที่อีกฝั่งนั้นเริ่มจับจ้องเจ้าของใบหน้าหวานงามด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่าง

ใต้เครื่องสำอางอ่อนโทนสีชมพู ริมฝีปากบางกระจับงามเคลือบลิปสติกสีหวานดูยังไงก็ใช่แม่ตะเภาแก้ว เส้นผมสีน้ำตาลดัดลอนปลายตามเทรนด์แฟชั่น จากที่เคยเป็นผมสีดำขลับประสาสาวโบราณทำให้เขานึกถึงคนในอดีตอย่างตะเภาทอง

กัญญาวีร์เพียงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวทันสมัย ทว่าทรวดทรงองเอวอ้อนแอ้นและใบหน้างดงามหมดจดราวรูปปั้นสลักแกะราวกับว่าเป็นคนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน

หากว่าเขาเจอคนพี่แล้วคนน้อง... คงต้องอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน นายจันควรดีใจกับข่าวดีนี้ จนได้ยิน

“น้อง... สเต๊กจระเข้สามที่...” เสียงหวานบอกพลางโบกมือเรียกพนักงานหนุ่ม เข้ามารับออเดอร์ไปพร้อมหน้าตาเหลอหลาของสองหนุ่มในฝั่งตรงกันข้าม

“สเต๊กจระเข้?”

“ค่ะ คุณชาร์ลชอบทานสุกไหมคะ? หรือจะเอาแบบมีเดียมแรร์ สุกกลาง จระเข้ที่นี่เนื้อดีมากเป็นจระเข้หนุ่ม รับรองว่าเนื้อนุ่มหอมเครื่องเทศ ฝีมือของเชฟเราระดับมิชลินสตาร์ ไม่มีเหนียวติดฟันแน่นอนค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel